ฉันเนิ่นนะ...เป็นลูกเศรษฐี

บทที่5 ข้อตกลงสามปี



บทที่5 ข้อตกลงสามปี

ลำคอของพันฉายเหมือนมีก้อนหินมาอุดไว้ หน้าแย่มาก เขาไม่ อยากจะเชื่อว่าหยางเสี่ยวเทียนเป็นเศรษฐีหมื่นล้านแล้วจริงๆ

“เสี่ยวเทียน!” ซึ่งหวั่นจูนปล่อยมือที่กอดแขนพันฉายไว้ มอง แผ่นหลังของหยางเสี่ยวเทียนแล้วตะโกนเรียก

เธออยากจะพุ่งเข้าไปแล้วกอดหยางเสี่ยวเทียนจากข้างหลัง จริงๆ

นั่นเป็นถึงประธานของเมถุนกรุ๊ปเชียวนะ เศรษฐีหมื่นล้านเลย นะ ถึงแม้จะเป็นคนรักที่หลบซ่อนของเขา ซึ่งหวั่นจูนก็ไม่เสียดาย

“ตะโกนอะไร? ชื่อของท่านประธานเป็นชื่อที่เธออยากเรียกก็ เรียกงั้นหรอ?” ผู้สัมภาษณ์ถลึงตาใส่ซ่งหวั่นจูน จากนั้นก็หันมอง หลิ่วเขียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “หลิ่วเยี่ยน ถึงคิวเธอแล้ว”

หลิ่วเยี่ยนยังตกอยู่ในความตกใจเมื่อกี้ ยังไม่ได้สติ

“หลิ่วเยี่ยน ถึงคิวเธอสัมภาษณ์แล้ว” ผู้สัมภาษณ์บอกด้วย ความอ่อนโยน

“อ้อ? ห้ะ! ถึงฉันแล้วหรอคะ?” หลิ่วเยี่ยนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ค่อยๆจัดการตัวเองแล้วเดินตามผู้สัมภาษณ์เข้าไปยังห้อง สัมภาษณ์

อีกด้านหนึ่ง หยางเสี่ยวเทียนเข้าไปยังห้องประชุมชั้นบนสุดตามที่สวีลี่ลี่พาไป

ห้องประชุมใหญ่มาก ตรงกลางวางโต๊ะประชุมไม่จันทร์แดง ระดับสูงอยู่หนึ่งตัว มีที่นั่งทั้งหมด 18 ที่นั่ง ทุกตำแหน่งจะมีโน้ตบุ๊คเครื่องหนึ่งและน้ำแร่เอเวียงหนึ่งขวด

วางอยู่ตรงหน้า

โปรเจคเตอร์ฝังไว้ในกำแพง ฝั่งขวาล้วนเป็นกระจกนิรภัย แค่ เพียงหันหน้าก็สามารถของเห็นเป็นสิ่งที่อยู่ข้างล่าง

สมแล้วที่เป็นห้องประชุมของเมถุนกรุ๊ป! มีสไตล์จริงๆ

หยางเสี่ยวเทียนสำรวจสักพัก แล้วไปนั่งที่ตำแหน่งด้านบน นั่ง ไขว่ห้างอย่างสบายใจ ชายหนุ่มใส่ชุดสูทอายุเกินห้าสิบปีกลุ่มหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามา

หยางเสียวเทียนนับอย่างละเอียด ทั้งหมด 17 คน นั่นก็คือหุ้น

ส่วนทั้ง 17 คนของเมถุนกรุ๊ป

นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีเหอเชี่ยน

เนื่องจากว่าตอนนี้เหอเชี่ยนรับหน้าที่เป็นตัวแทนดูแลใน ตำแหน่งประธานของหยางเสี่ยวเทียน ดังนั้นจึงนั่งอยู่ข้างกาย หยางเสี่ยวเทียน

หยางเสี่ยวเทียนกวาดมองผู้คนทุกคนที่นั่งอยู่ และเห็นว่าไม่มี

ใครที่มองมาที่เขาเลย

ไม่มีใครเห็นเขาเป็นท่านประธานเลยสักนิด!
แต่คิดๆไปแล้วมันก็ปกติ ตัวเองเป็นแค่คนส่งไปรษณีย์ อยู่ๆ ก็มีโชคหล่นลงมา กลายเป็นประธานของเมถุนกรุ๊ป เปลี่ยนเป็น คนอื่น คนอื่นก็ไม่สามารถยอมรับได้

“สวัสดีครับทุกท่าน ผมซื่อหยางเสี่ยวเทียน” หยางเสี่ยวเทียน ไม่เคยทำความรู้จักกับบุคคลใหญ่โตมาก่อน เขาตื่นเต้นจนไม่รู้ จะเปิดปากพูดยังไงดี

สถานการณ์เงียบกริบ ไม่มีใครสนใจ บรรยากาศอึดอัดมาก ที่สุด

“ฉันขอพูดไม่กี่คำ” อยู่ๆเหอเชี่ยนก็เคาะโต๊ะ ดึงดูดความ สนใจจากทุกคน

“หยางเสี่ยวเทียนคือคนที่นายท่านหยางเป็นคนเลือกมาเป็นผู้ สืบทอดตำแหน่งประธานด้วยตัวเอง และขณะเดียวกันก็สืบทอด หุ้นส่วนมากของเมถุนกรุ๊ป ไม่ว่าในใจพวกคุณจะคิดยังไง หยาง เสี่ยวเทียน เขาก็คือประธานของเมถุนกรุ๊ปในตอนนี้!!

คำพูดของเหอเชี่ยนดุดันมาก สายตาก็ดุเดือด และก็ปัดความ คิดไม่ดีของคนกลุ่มนั้นทิ้งในทันที

“ประธานเหอ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เชื่อในสิ่งที่นายท่านหยาง เลือก แต่หยางเสี่ยวเทียนก็แค่คนส่งไปรษณีย์ มีสิทธิ์จะมาเป็น ท่านประธานเมถุนกรุ๊ปของพวกเราได้ยังไงกัน?”

“คนส่งไปรษณีย์คนหนึ่งกลายเป็นท่านประธานของเมถุนกรุ๊ป จากที่ผมดู ไม่ถึงสองปี เมถุนกรุ๊ปคงจะลงสู่เหวแน่นอน ผมเชื่อว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายท่านหยางต้องการจะเห็น
“ใช่แล้ว ยิ่งถ้าหากว่าข่าวนี้ถูกสำนักข่าวรู้เข้า เมถุนกรุ๊ปของ พวกเราจะจัดการยังไง?

ผู้บริหารหลายคนต่างๆก็เปิดปากคัดค้าน

ความหมายของพวกเขา หยางเสี่ยวเทียนเข้าใจแล้ว ก็แค่ อยากจะข้ามหยางเสี่ยวเทียนแล้วเลือกประธานใหม่

ในใจหยางเสี่ยวเทียนไม่พอใจ แต่กลับไม่รู้ว่าจะเถียงยังไง ทำได้แค่เพียงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างอึดอัด มองดูพวกเขาพูดออกมา อย่างนั้น

“พวกเราต้องเชื่อสิ่งที่นายท่านหยางเลือก ขณะเดียวกันก็ต้อง เชื่อมั่นในหยางเสี่ยวเทียน แค่เพียงพวกเราให้เวลากับเขา เขา จะต้องนำพาเมถุนกรุ๊ปได้ดีแน่ๆ” เหอเชี่ยนพูดอย่างไม่ให้ใคร คัดค้านสงสัย

เมื่อพูดจบ ทุกคนก็ไม่รู้จะพูดอะไรหุ้นส่วนหลายคนใช้หางตา สำรวจดูหยางเสี่ยวเทียน เต็มไปด้วยความสงสัย

ทันใดนั้น คนแก่ใส่แว่นหนวดเคราขาวหนึ่งในนั้นมองไปที่ หยางเสี่ยวเทียน น้ำเสียงผันผวนเล็กน้อย แต่กลับเต็มไปด้วย ความเป็นศัตรู “นายต้องการเวลามากแค่ไหน?”

เมื่อประโยคนี้ออกมา ทุกคนในรวมทั้งเหอเชี่ยนต่างก็หันไป มองหยางเสี่ยวเทียน

ถ้าหากหยางเสี่ยวเทียนเกาะไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วมีเหอเชี่ยน คอยช่วยเหลือ ถ้าหากไม่มีการทำผิดที่ร้ายแรง หุ้นส่วนทั้งหลายก็ทําอะไรไม่ได้

แต่ถ้าหากหยางเสี่ยวเทียนให้คำมั่นสัญญาแล้วผลลัพธ์ไม่ได้

อย่างที่พูด ไม่ว่าจะเพราะตัวเองหรือเพราะคิดถึงบริษัท พวกเขาต่างก็ไม่

ต้องการให้หยางเสี่ยวเทียนรับตำแหน่งที่สำคัญอย่างท่าน

ประธาน

หยางเสี่ยวเทียนพูดไม่ออก

“เธอต้องการเวลากี่ปี ถึงจะมีความสามารถในการเป็นผู้นำ ของเมถุนกรุ๊ป?” คนแก่เคราขาวถาม

จิ้งจอกเฒ่าพวกนี้ต่างก็อยากให้ฉันสละตำแหน่งทั้งนั้นเลยนี่ หยางเสี่ยวเทียนคิดอย่างรอบคอบแล้วก็ตอบกลับอย่างจริงจัง ว่า “สักปีที่ยังมีชีวิตแหละมั้ง!

“พรึ่บ!” ผู้บริหารที่อยู่ในสถานการณ์เกือบจะพ่นน้ำออกมา แม้แต่เหอเชี่ยนที่นิ่งสงบมาเสมอก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยน

ทำไมถึงได้มีคนหน้าไม่อายขนาดนี้นะ

“อย่างมากที่สุดพวกเราให้เวลานายได้แค่สามปีเท่านั้น! คน แก่เคราขาวท่าทางน่าเกรงขาม พูดเสียงแข็ง

“สามปีน้อยเกินไป” หยางเสี่ยวเทียนส่ายหัว

“นายมีเวลาแค่สามปี ถ้าหากภายในเวลาสามปีนายยังไม่ได้ รับการยอมรับจากคณะกรรมการบริหาร นายก็จำเป็นจะต้องถอย!” คนแก่เคราขาวบังคับกดดัน

“แล้วถ้าหากได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการบริหารละ?” หยางเสี่ยวเทียนถามกลับ

“นายต้องการอะไร?” คนแก่เคราขาวถามอย่างไม่แคร์ “ถ้าหากว่าผมทำได้ นายก็ไปให้พ้น! หยางเสี่ยวเทียนตบโต๊ะ

อย่างแรง สายตาแหลมคมมองไปที่คนแก่เคราขาว

ที่ผ่านมาเขาล้วนแต่ยึดหลักการเคารพกันและกัน แต่คนแก่ เคราขาวนั้นเอาแต่บังคับกดดัน แทบจะอยากถีบเขาออกจาก เมถุนกรุ๊ป เขาจําเป็นจะต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าตัวเขา หยาง เสี่ยวเทียนนั้นไม่ควรมีปัญหาด้วย

“ตกลง! ทุกคนได้ยินแล้วใช่มั้ย พวกเรามีกำหนดอยู่ที่สามปี! คนแก่เคราขาวหันกลับไปอย่างพอใจ คนที่เหลือก็ต่างสบายใจ ขึ้น

คนธรรมดาที่ส่งไปรษณีย์ ถ้าอยากจะพาเมถุนกรุ๊ปสู่ความ รุ่งโรจน์ภายในสามปี ก็ไม่ต่างกับคนโง่เพ้อฝัน

สิบกว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็ผ่านประสบการณ์มาเป็น สิบปี แม้แต่พวกเขายังไม่กล้าพูดว่าจะได้รับการยอมรับจากคณะ กรรมการบริหารด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับหยางเสี่ยวเทียน ละ?

จากที่พวกเขาดู เพียงแค่ภายในสามปีนี้ ให้เมถุนกรุ๊ปอยู่ใน สถานะเดิม ไม่ดิ่งลงเหว ก็เป็นความสามารถที่เก่งมากแล้ว
เฮ้อ ยังเด็กเกินไปจริงๆ

สายตาเหอเชี่ยนมองดูหยางเสี่ยวเทียนอย่างซับซ้อน ในใจ ถอนหายใจยาวๆ

“นี่มันหมายความว่ายังไง? หรือว่าเวลาสามปีมากเกินไปนั้น หรอ?” หยางเสี่ยวเทียนตะลึง

หยางเสี่ยวเทียนหัวเราะ “ถ้าหากไม่สามารถนำพาเมถุนกรุ๊ปสู่ ความรุ่งโรจน์ได้ แล้วฉันยังเกาะอยู่ในตำแหน่งของท่านประธาน จะมีความหมายอะไรละ? มอบให้คนที่มีความสามารถยังจะดีซะ กว่า!”

เมื่อได้ยินคำนี้เหอเชี่ยนก็ตะลึง และประทับใจในประโยคนี้ อย่างมาก

คนในบริษัทมีคนไม่รู้กี่คนที่อยากจะเกาะตำแหน่งท่าน

ประธานไว้ แต่เธอไม่เคยเจอใครที่ได้เป็นประธานแล้วยังยินยอม

ที่จะเสียสละตำแหน่งนี้มาก่อนเลย

การประชุมคณะกรรมการบริหารสิ้นสุดลง ผู้บริหารแต่ละคน ต่างก็ออกจากห้องประชุม หยางเสี่ยวเทียนเองก็ไม่อยู่รอ ตอนนี้เขาเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน มีเรื่องหนึ่งกำลังรอเขาไปทำ หยางเสี่ยวเทียนเพิ่งเดินออกจากประตูอาคารเมถุน ก็เห็นซึ่ง

หวั่นจูนและหลิ่วเยี่ยนเดินมาแต่ไกล

“ถึงแม้ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้จะผ่านเพราะนาย แต่ฉันจะใช้ ความสามารถของฉันมาพิสูจน์ตัวเองแน่นอน!” พูดคำนี้จบหลิ่วเยียนก็จากไปโดยไม่หันมามอง

“คืนนี้…” หยางเสียวเทียนกำลังเตรียมจะชวนหลิ่วเขียน นมื้อค่ำด้วยกัน แต่ซ่งหวั่นจนกลับเข้ามาอย่างหน้าไม่อาย

หลังจากที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหยางเสี่ยวเทียนแล้ว ซึ่งหวั่น นก็เปลี่ยนสีหน้าจากเย็นชารังเกียจเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอย ยิ้มอย่างใสซื่อ

“เสี่ยวเทียน ฉันพูดคำไหนคำนั้น คืนนี้นายอยากจะทำยังไง ก็ได้……” ซึ่งหวั่นจูนพูดอย่างลึกซึ้ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ