ฉันก็เคยรักนาย

บทที่ 8 กลั่นแกล้ง



บทที่ 8 กลั่นแกล้ง

สิ่งที่โผล่เข้ามาในสายตาคือรูปปั้นที่ประดับอยู่ภายใน ห้องโถงของบ้านตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่านั่นคือหนึ่งใน ของที่คุณท่านซ่งโปรดปรานมากที่สุดเมื่อตอนที่ท่าน ยังมีชีวิตอยู่ เสิ่นฉ่ายเวยมองไปอย่างอึ้งๆ หัวใจของ เย็นแข็งเช่นเดียวกับประติมากรรมที่ทำมาจากหิน และ นี่ทำให้เธอเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองนั้นโง่งมมากขนาด ไหน รีบหันกลับอย่างแมงกับเม่าบินเข้ากองไฟ ทว่านำ

บางที่เธอควรทำตามที่ข่ายเจ๋พูดว่าควรจะหนีออก จากที่นี่ หาที่เงียบสงบสักที่ แล้วใช้ชีวิตต่อไป

มือของหญิงสาวทาบทับหน้าอกเพื่อฟังเสียงหัวใจ

ที่คล้ายกับระเบิดเวลา ที่สามารถจุดให้ระเบิดได้ทุกที่ ทุกเวลา ซ่งหมิงเยี่ยพยายามเก็บตัว กลัวว่าซ่งหมิงเยี่ย จะเจ็บปวด แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจแล้ว

เพราะไม่ชอบ เพราะไม่รัก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหรือ ตายสักนิดก็ไม่เคยสนใจ ที่ปากทางบันไดมีเสียงดังขึ้น เธอเงยหน้าและสบตากับเสิ่นฉ่ายหมุยอย่างพอดิบพอดี เธอยิ้มเอาแต่ใจตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น “พี่ รังนกในห้องครัว คงใกล้เสร็จแล้ว เธอช่วยไปยกมาให้หน่อยสิ

วันนั้น หลังจากเสิ่นฉ่ายเวยถูกบังคับให้พาออกจาก โรงพยาบาลมา ก็ถูกบีบบังคับให้มาอยู่กับผู้หญิงคนนี้

เธอหันหน้ากลับไปมองเรียบๆ “ฉันไม่ใช่คนรับใช้ เธออยากกินก็ไปยกเอง ”

“ตอนนี้หมิงเยี่ยไม่อยู่ที่นี่”เสิ่นฉ่ายหมุยจับราวบันได เอาไว้แล้วยกเท้าขึ้นกลางอากาศ ยกยิ้มเยาะ “เธอลอง ทายดูซิ ถ้าฉันเหยียบลงไปบนอากาศ เธอจะกลายเป็น ยังไงนะ?”

หัวใจของหญิงสาวกระตุกไปทีหนึ่ง หลังจากนั้นจึง เก็บอาการสีหน้าท่าทางด้วยความรวดเร็วแล้วเดินเข้า ห้องครัวไป เสิ่นฉ่ายหมุยที่เดินกลับลงมาที่เดินยิ้ม เยาะอย่างสบายอารมณ์ ทำไมเธอถึงได้จงเกลียดจง ชังเสิ่นฉ่ายเวย หรือเป็นเพราะเธอสมบูรณ์แบบเกินไป สมบูรณ์แบบเสียจนไม่มีใครรักเธอ

ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกๆคนที่เจอพวกเธอสองพี่น้อง ครั้ง แรกที่มองเห็นมักจะเป็นเสิ่นฉ่ายเวย ทว่าเธอกลับเป็น เพียงใบไม้ที่ช่วงขับให้ดอกไม้สดอย่างพี่ดูโดดเด่นยิ่ง ขึ้น เป็นโคลนตมใต้เท้าของดอกโบตั๋น

ทำไมล่ะ! เธอจะไม่ยอม

เมื่อก่อนพี่สาวอันสูงส่งที่อยู่บนสวรรค์ เธอจะเป็นคน ดึงลงมากระทืบด้วยตัวเธอเอง เสิ่นฉ่ายหมุยยิ้มเยาะ อย่างสบายใจ นิ้วมือของหญิงสาวค่อยๆรวบกำมือที ละน้อยเข้าไว้ด้วยกัน ราวกับกำลังกดเก็บความแค้นจน อยากจะบีบให้เป็นผุยผง เธอต้องการให้เสิ่นฉ่ายเวยรับ รู้ว่ารสชาติของนรกมันเป็นเช่นไร!

เสิ่นฉ่ายหมุยนั่งบนเก้าอี้ราวกับสนมกุ้ยเฟยในห้องตั้งแต่เธอกลับมา ผู้เป็นเจ้าของของห้องนอนนี้ก็กลับไม่ ใช่เสิ่นฉ่ายเวยอีกต่อไปพร้อมๆกับก้าวขึ้นบันไดขึ้นไป จิตใจของเสิ่นฉ่ายเวย ก็ยิ่งจมดิ่งลงไปเรื่อยๆทีละนิด ตัวเองเป็นอ่อนแอราวกับคนกำลังจมน้ำ อีกนิดก็จะหมด หนทางหายใจแล้ว

เสิ่นฉ่ายเวยหยิกตัวเองไปครั้งหนึ่ง ตั้งใจทำให้ อารมณ์ของตนคงที่ เดิมที่เธอจะเอารังนกวางไว้ที่หัว เตียงก็พอแล้ว ใครจะรู้ว่ากลับได้ยินเสียงของผู้หญิงดัง ขึ้น “แม้ว่าจะยกมาแล้ว แล้วทำไมไม่เอามาส่งให้ถึงมือ ฉันล่ะ? หรือว่า พี่ยังไม่พอใจอะไรฉันอีกหรือเปล่า?”

เธอหัวตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว เสิ่นฉ่ายเวยใช้แววตา หยอกเล่นมองมาที่เธอ เธอตั้งใจกลั่นแกล้งตนเอง อีก แค่ไม่กี่ก้าวก็ส่งให้ได้แล้ว เธอพยายามพูดโน้มน้าวใจ ตัวเอง

แต่ทว่า เสิ่นฉ่ายเวยกำลังจะเดินไปหาอีกฝ่าย ถ้วย ร้อนในมือกลับถูกปัดคว่ำด้วยความรวดเร็วและรุนแรง ซุปรังนกร้อนผ่าวหกใส่ท่วมมือ!

“เพล้ง!”

“พี่ ท่าทางแบบนี้คืออะไรกัน? ถ้าไม่อยากให้ฉันกินก็ ช่างมันเถอะ ทำไมจะต้องทำหกต่อหน้าฉันด้วยล่ะ?”

“ซ่งหมิงเยี่ยไม่อยู่แปปเดียว เธอก็จะทำแบบนี้แล้วใช่ ไหม? “เสิ่นฉ่ายเวยขมวดคิ้ว เธอประคองมือที่โดนซุป หกใส่ของตนเองขึ้น ใบหน้าไม่เปลี่ยนอารมณ์จ้องมองไปยังหญิงสาว “สักวันหนึ่งเขาจะต้องรู้ว่าเนื้อแท้ของ เธอเป็นยังไง!”

เพียงแค่เห็นใบหน้าที่เริ่มถอดสีไปทีละนิดของเงิน ฉ่ายหมุย ปากของเธอก็เริ่มอึ้ง พูดอะไรแทบไม่ออก “ฉัน ฉันมีเนื้อแท้ที่ว่าอะไรตรงไหนกัน? พี่พูดแบบนี้ เป็น เพราะเกลียดฉันใช่ไหม?”

เสิ่นฉ่ายเวยรู้สึกว่าท่าทางของเธอที่เปลี่ยนไปก่อน หลังช่างต่างกันอย่างน่าประหลาดใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่า ด้านหลังมีสายลมเย็นยะเยือกพัดโชยมา เมื่อหันกลับ ไป ก็พบว่าซ่งหมิงเยี่ยยืนอยู่หน้าประตู สายตาคมดั่ง เหยี่ยวจ้องมาดั่งมีพายุเริ่มก่อตัวขึ้นมา

ชายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยใบหน้าอันเย็นชา เอ่ยถามกับ เสิ่นฉ่ายหมุยด้วยความอบอุ่น ทั้งยังสำรวจร่างกายของ เธออย่างละเอียดทุกมุม ดูว่ามีส่วนไหนโดนซุปร้อนเมื่อ กี้หกใส่อีก

ในที่สุด เขาก็ชี้ไปยังเศษบนพื้นแล้วสั่งเสิ่นฉ่ายเวย “เธอมาเก็บซะ คุกเข่าเก็บทีละนิดเช็ดให้สะอาด”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ