จักรพรรดิมารหานค้น

บทที่ 20 หมอเทพเซียนซูน



บทที่ 20 หมอเทพเซียนซูน

เรื่องของบริษัท จัดการจนถึงช่วงบ่าย ถึงจะแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ หลังจากนั้น ซึ่งชิงเหย็นกับเฉินจิ้นก็รีบเดินทางไปโรงพยาบาล ด้วยกัน

ในเวลานี้ แม่กับลูกสาวสองคนอย่างซึ่งจื่อหารกับฉันเผึ้งเขียว ที่รอด้วยความหวังอย่างจริงจังมานาน

ภายในใจ ก็พอจะพูดได้ว่าเป็นความร้อนรนกระวนกระวายใจ กระสับกระส่ายไม่เป็นสุข

“พี่ ในที่สุดพวกคุณก็มาสักที”

หลังจากที่เฉินจิ้นกับซงซึ่งเหยื่นมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งจื่อหาร ดีดตัวขึ้นมาทันที

หลังจากนั้น เธอก็เพิ่งจะพบว่า ตัวเองเหมือนจะไม่ได้สนใจเฉิน

จิ้น และเพื่อให้พ่อรักษาตัวให้รอดพ้นจากอันตรายนี้ ก็ยังต้องพึ่ง

เฉินจิ้น ด้วยเหตุนี้ ซึ่งจื่อหารจึงทักทายเฉินจิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เท่าไรนัก และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ฉินเผึ้งเจียว เป็นฝ่ายเริ่มทักทายเฉินจิ้น
เหตุการณ์ในช่วงนี้ เธอได้ฟังมาจากซึ่งจื่อหารทั้งหมดแล้ว

ถึงแม้จะไม่ค่อยอยากจะเชื่อก็ตาม แต่ความจริงก็แสดงให้เห็น อยู่ตรงหน้า และเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ และอีกอย่าง ใน ขณะที่กำลังรู้สึกตกใจและทิ้งอยู่นั้น ภายในใจของฉันเพิ่งเดียว ก็ แอบมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย

สิ่งที่เธอไม่ชอบเฉินจิ้นลูกเขยคนนี้ที่สุดก็คือ ค่อนข้าง เหลวแหลกและไร้ความสามารถ ซึ่งตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับ ญาติพี่น้องและเพื่อนทุกคน ทำให้ขายหน้าไม่มีศักดิ์ศรีเลย

เธอก็รู้สึกว่า ลูกสาวของตัวเอง ซึ่งเธอแบกรับภาระของบริษัท ที่มีความกดดันมากขนาดนั้น และเฉินจิ้นไม่เพียงแต่ไม่สามารถ ให้ความช่วยเหลืออะไรได้แม้แต่น้อยเลย แต่กลับดึงเธอไม่ให้ ก้าวไปข้างหน้า และการที่ถูกคนขี้ขลาดตาขาวและไม่มีความ สามารถ แถมทำให้เสียเวลาและความสุขไปตลอดชีวิตแบบนี้อีก ด้วย

แต่ ถ้าหากเฉินจิ้นเปลี่ยนเป็นคนเก่งมากๆจริงๆ งั้นซึ่งซึ่งเหย นก็จะไม่ต้องลำบากขนาดนั้นแล้ว เธอที่ทำหน้าที่เป็นแม่ยาย นั้น ก็จะทำให้คนอื่นอิจฉาได้
แต่ ทันใดนั้นฉันเพิ่งเจียวก็เปรียบเทียบเรื่องความรัก ซึ่งเป็น นกลับเป็นคนที่ทั้งเย็นชา แข็งกระด้างคนหนึ่ง

สำหรับแม่ยายคนนี้ เขาไม่รู้สึกชอบหรือรักเลยแม้แต่น้อย เฉินจิ้นก็ไม่พูดไร้สาระอะไรมากนัก แค่หยิบเข็มออกมา และก็ ต้องการจะฝังเข็มลงไป

ในเวลานี้ เขาก็มาถึงนกลางของแดนฝึกลม ในร่างพลังพอ เพียง เพียงแค่ต้องใช้เข็มที่ให้พลังงานหมุนกวน เข้าสู่ภายใน ร่างกายของซ่งเจี้ยนหยวน เพื่อกระตุ้นเส้นประสาทของเขา ก็จะ สามารถทำให้เขาฟื้นคืนสู่สภาพเดิมและตื่นขึ้นมาได้

แต่ทว่า เมื่อเฉินจิ้นกำลังเตรียมจะฝังเข็ม ประตูห้องผู้ป่วย ก็ ถูกเปิดออกทันที

“ช้าก่อน!”

มีเสียงแก่ๆดังขึ้นมา

ทุกคนจึงหันไปมองตามเสียงนั้น

ก็เห็นแค่ชายชราที่ผมสีขาว แต่สีหน้าเปล่งปลั่ง แดง ดูมี ชีวิตชีวาเดินเข้ามา

และตามมาอยู่ด้านหลังเขา ซึ่งก็คือหลี่เฟย คุณหมอรักษาประ จําของซ่งเจี้ยนหยวน
“นี่คือโรงพยาบาล ไม่ทราบว่าคุณมาด้วยฐานะอะไร ถึงมา รักษาคนไข้โดยการฝังเข็ม?” ผู้อาวุโสเดินเข้ามา แล้วถลึงตา มองเฉินจิ้นอย่างโกรธมากๆ

โชคดีที่เขามาทันเวลา ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดถูกชายหนุ่มทำอะไร สุ่มสี่สุ่มห้าอย่างตามใจ แล้วเกิดเรื่องขึ้นกับคนไข้ ใครจะรับผิด ชอบ

“ผม? ผมคือลูกเขยของเขา” เฉินจิ้นหรี่ตามองเล็กน้อย แล้ว สายตาก็มองผ่านผู้อาวุโส ซึ่งเป็นหลี่เฟยที่โถมตัวเข้ามาทาง ด้านหลังเขา

ในเวลานี้หลี่เฟยก็กำลังจ้องดูเฉินจิ้น ซึ่งภายในสายตาที่เปล่ง ประกายออกมานั้น แสดงให้เห็นถึงความยินดียินร้ายไปกับ ความโชคร้ายของคนอื่น

“ใช่ เขาคือลูกเขยของฉัน” ในตอนนี้ฉันเผึ้งเขียวลุกขึ้นยืน

แล้วยอมรับว่าเฉินจิ้นเป็นลูกเขยของเธอด้วยกิริยาท่าทางที่สง่า

แต่ทว่า หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ผู้อาวุโสกลับโมโหมาก ขึ้นอีก สายตาของเขาก็ย้ายไปร่างกายของเฉินจิ้น เป็นหันไป มองฉินเผึ้งเจียว แล้วพูดออกไปด้วยความโมโหว่า “เขาคือ ลูกเขยของคุณ แล้วเขาเป็นหมอไหม? คุณกล้าให้เขามาทำอะไร สุ่มสี่สุ่มห้า คุณไม่รับผิดชอบต่อสามีตัวเองขนาดนี้เลยใช่ไหม? ”
ฉันเผึ้งเขียวชะงักและดิ่ง เพราะจริงๆแล้วเฉินจิ้นไม่ใช่หมอ

ในเวลานี้เฉินจิ้น ก็หยุดสิ่งที่ได้ลงมือไป และเขาก็ต้องการเห็น ชายชราคนนี้ ว่าสรุปแล้วต้องการอะไร

“ไม่ทราบว่าท่านคือ? ” ในเวลานี้ ซึ่งซึ่งเหย็นลุกขึ้นยืน

“ท่านนี้คือซูนโกอาน เป็นผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ โรงพยาบาลเจียงโจวมาก่อน และยังเป็นหัวหน้าของสมาคม แพทย์แผนจีนเจียงโจวอีกด้วย

หลี่เฟยรีบพูดแนะนำออกมา และแน่นอนยังมีอีกหนึ่งประโยค ที่เขายังไม่พูด ก็คือนอกจากสองตำแหน่งนี้ แล้วซุนโกอานยัง เป็นลุงของเขาอีกด้วย

ไม่เช่นนั้น เขาที่ยังเป็นวัยรุ่นขนาดนี้ แล้วจะได้ตำแหน่งเป็น แพทย์ประจำของโรงพยาบาลเจียงโจวได้อย่างไร

เพียงแต่ ความสัมพันธ์ธ์ระหว่างพวกเขา มีไม่กี่คนที่รู้

“ท่านคือซูนโกอานหมอเทพเซียนซูน?”
เมื่อหลี่เฟยพูดออกไป ฉันเพิ่งเดียวกับซึ่งซึ่งเหยืนก็ถลึงตาทั้ง สองข้างกว้าง แล้วรู้สึกยากที่จะเชื่อเล็กน้อย

ซูนโกอาน ผู้ที่รวบรวมแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบันเข้า

เป็นหนึ่งเดียว

เขาประกอบอาชีพทางการแพทย์มาสิบปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรที่ เคยทําการผ่าตัดมาก็ยังไม่เคยทำพลาดเลย ในโลกทางการ

แพทย์ สามารถพูดได้ว่าเป็นการสร้างตำนานแห่งเทพ ไม่เพียงเท่านี้ เทคนิคในการฝังเข็มของเขา ก็อยู่ในระดับที่ ยอดเยี่ยมขั้นเทพมากๆอีกด้วย

โรคต่างๆ มากมายที่ไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยเครื่องมือ ทางการแพทย์ที่ทันสมัย และหลังจากที่เขาฝังเข็ม ก็สามารถ ทำให้อาการดีขึ้น จนกระทั่งหายเป็นปกติได้

แต่เพียงแค่ อายุของเขาที่มากขึ้น ซุนโกอานจึงอยู่ระหว่าง สถานการณ์การปลดเกษียณชั่วคราว และให้ความสำคัญดูแล สุขภาพร่างกาย แล้วจำนวนของการรักษาโรค จึงน้อยลงเรื่อยๆ

และที่ซ่งเจี้ยนหยวนกลายเป็นบุคคลที่สูญเสียความสามารถ ในการเคลื่อนไหวและความรู้สึกในสามปีนี้ ซึ่งซึ่งเหย็นพวกเขา ไม่ใช่ไม่เคยคิดที่จะเชิญให้บุคคลที่มีฝีมือและชื่อเสียงโด่งดังมากในเจียงโจวอย่างหมอ เทพเซียนซูน แต่ไม่เคยประสบความสําเร็จเลย เพราะแม้แต่เจ้า ตัวก็ยังไม่เคยเจอเลย

“หมอเทวดา มีบังอาจหรอก แต่ซูนโกอาน เป็นคนแก่มากๆ

ศูนโกอานมองสีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาของซงซึ่งเหยื่นกับ ฉินเผึ้งเจียว ภายในใจก็มีความพึงพอใจเล็กน้อย

ซึ่งชิงเหย็นกับฉินเผึ้งเจียวมองซึ่งกันและกัน ซึ่งภายในแววตา นั้นเต็มไปด้วยความดีใจ

ตลอดชีวิตที่ซุน โกอานได้ประกอบอาชีพทางด้านการแพทย์มา

ไม่เคยทำพลาด ถ้าหากศูนโกอานยอมลงมือจัดการ งั้นซึ่งเจี้ยน หยวนก็จะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน “ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลีเฟยที่ขอร้องอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่า

ผมก็จะไม่มาไกลถึงขนาดนี้หรอกนะ” ศูนโกงานพูดต่อ

หลี่เฟยได้ยินแบบนี้ ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ เพราะภายในใจรู้สึกชื่นชมยกย่องลุงตัวเองอย่างมากมาย

ในเวลาเดียวกันนี้ สายตาที่มองไปทางเฉินจิ้น มีความหยิ่ง ยโสและจองหองอยู่มาก
“ขอบคุณหมอหลีเฟย” ซึ่งซึ่งเหยื่นกับฉันเผึ้งเขียวขอบคุณหล เฟยอย่างสุดซึ้ง ในทันที

“ด้วยความยินดี ถึงอย่างไรก็ตาม ทำให้คุณซึ่งได้รักษาตัวให้ รอดพ้นจากอันตราย และเป็นเรื่องที่ผมตั้งใจมาโดยตลอด เพียงแค่ต้องมีความหวังกับทุกสิ่ง และผมก็จะพยายามทำให้เต็ม ที่ที่สุด แต่เพราะว่าผมยังเป็นวัยรุ่น และในตอนนี้ความสามารถ ทางการแพทย์ยังไม่มากพอ ผมก็เลยไปตามหาคนอื่น เพื่อหาวิธี ที่สามารถทำให้คุณส่งฟื้นกลับมาสู่สภาพปกติ และผมก็ไม่ลังเล ที่จะทำเลย” หลี่เฟยพูดออกมาอย่างจริงจังและไม่ย่อท้อที่จะยืน หยัดต่อความถูกต้อง

นับตั้งแต่ครั้งก่อน ที่เขาแพ้พนันกับเฉินจิ้น แล้วหลังจากนั้น เขาไม่ได้ทำตามที่พนันไว้ ชื่อเสียงของเขาก็แพร่กระจายไปทั้ง โรงพยาบาล ถึงแม้จะมีคนจำนวนมากที่อยู่ต่อหน้าแล้วไม่พูด อะไร แต่เขาก็ได้ยินคนอื่นพูดวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังเขาหลาย ครั้ง

เรื่องพวกนี้แทบจะทำให้หลี่เฟยโมโหและหดหูอย่างมาก และ ท้ายที่สุด เขาจึงต้องหาวิธีจัดการ โดยเชิญให้ซุนโกอานออกมา และเมื่อเฉินจิ้นต้องการจะมาช่วยให้ส่งเจี้ยนหยวนฟื้นอีกครั้ง ก็ ออกมาเหยียบย่ำเขา แล้วหลังจากนั้นก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูเหนือกว่าและเด่นชัดขึ้นมากอย่างยิ่ง แท้จริงแล้ว คำพูดของหลี่เฟยที่พูดออกมา หมอกับพยาบาลที่ ตามมาไม่กี่คนที่มองมาที่เขาสายตาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

ไม่มีทางเลือก เพราะคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนแบบนี้

เพียงแต่ ในเวลานี้ มีเสียงของคนที่ไม่ลงรอยกันดังขึ้นมาใน ทันที ซึ่งทำลายภาพลักษณ์ที่เหนือและเด่นกว่าที่เขากำลังสร้าง อยู่ “คุณก็รู้เหรอว่าความสามารถทางการแพทย์ของคุณยังไม่ดี พอ และในฐานะที่เป็นหมอมืออาชีพคนหนึ่ง ซึ่งถ้าความสามารถ ทางการแพทย์ยังไม่มากพอ ก็ไม่ต้องพูดออกมา ตัวเองรู้ก็ พอแล้ว ไม่อย่างนั้น หลังจากนี้ใครจะกล้ามาให้คุณรักษาโรค ล่ะ!”

“คุณ……

หลี่เฟยโกรธแค้นขึ้นมาทันที

ภายใต้สถานการณ์นี้ ไม่มีหมอคนไหนเป็นฝ่ายบอกว่าตนเอง รักษาคนไข้ได้ไม่ดี แล้วผลักไปให้คนอื่น และคนอื่นก็รักษาให้ หายแล้ว แบบนั้นไม่ใช่แค่การทำให้ตัวเองขายหน้า แต่เป็นการ พิสูจน์ยืนยันว่าความสามารถทางการแพทย์ของตัวเองยังไม่มากพอ

ซึ่งการกระทําของหลี่เฟยคือใช้วิธีที่ตรงข้ามกับอีกฝ่าย คือ ตามให้ซูนโก๋อานมา

ซูน โกอานหมอเทพเขียนซูน และซึ่งใครๆก็รู้ว่า ความสามารถ ทางการแพทย์ของหลี่เฟยด้อยกว่าเขา และในสายตาของคนอื่น มองเป็นเรื่องปกติมากๆ แต่หลี่เฟยยินดีที่จะเสียสละชื่อเสียงของ ตัวเอง เพื่อต้องการเชิญเขามา ให้รักษาคนไข้ของตนเองให้ รอดพ้นจากอันตราย และภาพลักษณ์นี้ เดิมทีแล้วต้องการจะ สร้างให้ดูดีขึ้นมา

แต่คำพูดของเฉินจิ้น เหมือนกับว่าเป็นฝ่ามือที่ตบลงบน ใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง และได้ทำลายภาพลักษณ์ที่เขายัง ไม่ทันได้สร้างขึ้นมาอีกครั้ง

“เชอะ เฉินจิ้น หมอเทพเซียนซูน มาแล้ว คุณยังไม่รีบถอยออก

มาอีก”

หลี่เฟยพูดออกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เฉินจิ้นชำเลืองมองเขาด้วยความเย็นชา หลี่เฟยก็รู้สึกตัวสั่น ขึ้นมาทันที

เพียงชั่วพริบตาเดียว เขาก็เหมือนถูกสายตาของภูตผีปีศาจ จ้องมองยังไงยังงั้น และทันทีหลังจากนั้น เขาก็รู้สึกเหมือน ตาแดงไปหมด เฉินจิ้นก็แค่ชำเลืองมองตัวเองไปเรื่อยเปื่อย แล้ว ตัวเองก็ถูกทำให้กลัวจนตัวสั่น ค่อนข้างจะน่าขายหน้าจริงๆเลย

เมื่อซูนโกอานเห็นว่าเฉินจิ้นทำให้หลายชายของตัวเองขาย หน้าโดยที่ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะ เขาจำไม่ค่อยได้ว่านานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่มีใครกล้ามาหักหน้าตัว เองแบบนี้

แต่เขาก็ยังทนพูดออกไป “คุณชื่อเฉินจิ้นใช่ไหม คิดว่าคุณเป็น คนกตัญญู ต้องการจะรักษาพ่อตาของตัวเองให้รอดพ้นจาก อันตราย ซึ่งความรู้สึกนี้สามารถเข้าใจได้ แต่ว่า…….

“พูดมาก”

เฉินจิ้นเห็นซูนโกอานที่ยืนอยู่เหนือมวลชน แล้วมีท่าทางอยาก จะพูดสั่งสอน จึงทำให้รู้สึกไม่พอใจและไม่ชอบขึ้นมา

บนโลกใบนี้ คนที่สามารถสั่งสอนเขาได้ มีแค่ท่านอาจารย์

ของเขา แต่เมื่อร้อยปีที่แล้วท่านอาจารย์ของเขา ก็นั่งฌานละ

สังขารไปแล้ว

ต้องการอยากจะพูดสั่งสอนเขา ยังมีใครที่มีคุณสมบัติ ขนาดเจ้าแห่งโลกปีศาจยุคก่อนยังทำไม่ได้เลย แล้วนี่ แค่ บุคคลธรรมดาก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
อย่างไรก็ตาม ค่าพูดที่เฉินจิ้นพูดออกมานี้

ทำให้ทุกคนในห้องผู้ป่วย ทั้งหมดหยุดชะงักและนิ่งอึ้งไป เฉินจิ้น เขา…..คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าพูดแบบนี้กับหมอเทพ เซียนซูน?

ก่อนหน้านี้ ที่เขาเหน็บแนมหลี่เฟย ก็ยังมีเหตุมีผล แต่ตอนนี้ การกระทำที่ไม่เคารพหมอเทพเซียนซูนเลยแม้แต่นิดเดียว จึง ทำให้ทุกคนโกรธเคืองในทันที

“คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดกับใครอยู่?”

“รีบขอโทษ”

หมอและพยาบาลเหล่านั้นที่เลื่อมใสศรัทธาหมอเทพเซียนศูน ซึ่งเสมือนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือมานานถูกดูหมิ่นยังไงยัง งั้น และแทบอยากจะกินเฉินจิ้นเข้าไป

ซึ่งซึ่งเหย็น ก็ถูกท่าทางการกระทำของเฉินจนทำให้ตกใจและ รู้สึกทึ่ง

“แหะแหะ แท้จริงก็เป็นคนโง่ที่ไม่มีสมอง คุณต่อได้เลย ยิ่งด่า เท่าไรอารมณ์ของลุงก็ยิ่งโมโหขึ้นเท่านั้น และหลังจากนี้คุณก็ไม่ ต้องคิดที่จะมาเป็นหมอที่เจียง โจวอีก”
ภายในใจของหลี่เฟยแอบดีใจมีความสุข

เฉินจิ้นที่ครั้งก่อนสามารถช่วยซ่งเจี้ยนหยวนกลับมา และถึง แม้หลี่เฟยจะไม่ยอมรับ แต่จริงๆเขาก็ยอมรับตัวเองว่าสู้ไม่ได้ และเพียงแต่ว่าความสามารถทางการแพทย์ของเฉินจิ้นดีมาก ขนาดนี้ จึงทำให้หลี่เฟยมองว่า เขาต้องการจะเป็นหมอแน่นอน แต่แค่ต้องการให้เฉินจิ้นล่วงเกินซูนโกอาน จากนั้นเฉินจิ้นก็จะ จบเห่ และตลอดชีวิตก็อย่าคิดที่จะมีหน้ามีตาอีก

“เฉินจิ้น…….”

ซึ่งซึ่งเหย็น ใช้สายตาเป็นการบอกใบ้เฉินจิ้น ให้รีบกล่าวขอ โทษซูนโก๋อาน

ซูนโกอาน นับตั้งแต่เป็นหมอเทวดาที่ไม่เคยทำพลาด แล้ว โดยธรรมชาติกับเส้นทางของตำแหน่งสูงและการมีอำนาจมาก ในเจียงโจวแต่ละเส้นทาง ก็มีความสัมพันธ์ธ์ที่ใกล้ชิดกันโดยไม่ สามารถแบ่งแยกได้ และยิ่งเป็นคนที่มีเงินมีอำนาจ ก็จะยิ่งกลัว ตาย และยิ่งกังวลว่าสุขภาพร่างกายจะมีปัญหา

จึงสามารถพูดได้ว่า อยู่ที่เจียงโจวซุน โกอานเป็นของบุคคล ประเภทนั้นแน่นอน คือ ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าไม่ถึงขนาดที่ต้องจำ ใจและไม่มีทางเลือก ก็ไม่สามารถล่วงเกินเขาได้ แต่กลับต้อง ประจบประแจงเขา และบุคคลประเภทนั้นก็จะรักษาความสัมพันธ์ธ์กับเขาไว้ ได้อย่างดีอีกด้วย

ในเวลานี้ ซึ่งซึ่งเหย็นไม่แม้กระทั่งกังวลว่าเฉินจิ้นจะล่วงเกิน นโกอาน แล้วจะส่งผลให้ตระกูลซึ่งต้องเจอความทุกข์ยากอะไร นั้น

แต่กลับกังวลว่าเฉินจิ้นจะล่วงเกินเขา และจะถูกคนส่วนใหญ่ ของเจียงโจวที่มีตำแหน่งสูงและมีอำนาจมองเป็นศัตรู ซึ่งสำหรับ เฉินจิ้น ก็เท่ากับได้ไม่คุ้มกับที่เสียไป

ถ้าหากเฉินจิ้นเป็นบุคคลธรรมดาก็โอเค แต่ตอนนี้เฉินจิ้นได้ แสดงความสามารถที่มหัศจรรย์ออกมาอย่างชัดเจน และ เนื่องจากศักยภาพของเฉินจิ้น ต่อไปในอนาคตก็จำเป็นต้อง คบค้าสมาคมกับบุคคลที่มีตำแหน่งสูงและมีอำนาจมากเหล่านี้ ซึ่งถ้าล่วงเกินคนเหล่านี้ก่อนล่วงหน้า ต่อไปในอนาคต ก็จะเดิน ไปอย่างยากลำบาก

เพียงแต่ หลังจากที่เฉินจิ้นเห็นสายตาที่บอกใบ้ของซ่งชิงเหยี น ก็ทำเป็นมองไม่เห็นยังไงยังงั้น

“ได้ ดีมาก”

หลังจากที่ซูนโกอานได้ยินคำว่า “เสียงดัง” สองคำนี้ ก็ชะงัก ไปหนึ่งวินาที หลังจากนั้นหน้าทั้งหน้าก็แสดงความโกรธไม่พอใจขึ้นมา

“ดูเหมือนว่าผมคิดไปเองแล้ว และในเมื่อพูดแบบนี้ งั้นก็แล้ว แต่พวกคุณเถอะ”

พูดจบ ซูนโกอานหันหลังกลับและเดินไปในทันที “หมอเทพเซียนซูน กรุณารอสักครู่!”

ฉันเติ้งเจียวเรียกซูนโกอานในทันที

หลังจากที่รู้ว่าชายชราคนนี้คือซุน โกอาน ฉันเพิ่งเจียวจึงฝาก คววามหวังทั้งหมดไว้กับศูนโกอาน

ไม่มีทางเลือก เพราะศูนโกอานถูกยกย่องให้เป็นหมอเทวดา กว่าสิบปี และผู้ป่วยที่เขาเป็นคนจัดการ ก็ไม่มีที่ไม่ดีขึ้น

ถึงแม้จะฟังซ่งจื่อหารพูดมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ว่าเฉินจิ้นเก่งและ

ยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกัน ฉันเพิ่งเดียวก็ยัง

เชื่อมั่นในศูนโก๋อานมากกว่า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ