บทที่11 เข้าใจผิดและโมโห
ตอนที่หลินหยู่เยียนกดออดตรงประตูนั้น จู่ๆ ประตูห้องพัก โรงแรมก็เปิดออก ภายในห้องมืดสนิท มือใหญ่คว้าตัวเธอเข้า มาแล้วกดตัวเธอเอาไว้ตรงประตู
ในปากเต็มไปด้วยรสชาติของไวน์แดงเข้มข้น ทำให้เธอรู้สึก
หนักหัว และชายหนุ่มเองก็แทบจะอดทนรอต่อไปไม่ได้แล้ว…….
หลินหยู่เยียนจากที่เริ่มต้นด้วยดิ้นรนจนกระทั่งถูกเขาควบคุม เอาไว้ได้แล้วนั้น ร่างกายของเธออ่อนยวบลง ชายหนุ่มอุ้มเธอขึ้น มาแล้วพาเดินเข้าไปยังห้องนอน
เธอเพิ่งจะนอนลง เขาก็กดตัวเธอเอาไว้ เป็นการกระทำที่ได้ มารยาทไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่นิดเดียว
“คืนนี้คุณดูพิเศษมาก…..
และผ่านไปไม่กี่วินาที จู่ๆ การเคลื่อนไหวของเหลิงเจาเซียว หยุดลง มือหนึ่งจับอยู่ที่คอของหลินหยู่เยียน น้ำเสียงเย็นชา : “บอกมา ทำไมตัวคุณถึงได้มีกลิ่นน้ำหอมของผู้ชาย?
กลิ่นนี้ รู้สึกคุ้นๆ อยู่บ้าง
หลินหยู่เยียนรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาในทันที ดิ้นเพื่อจะลุกขึ้น
แต่ร่างของเธอกลับถูกเขากดเอาไว้ไม่สามารถขยับได้เลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เปิดไฟ เธอก็รับรู้ได้ถึงดวงตาที่เฉียบคมของเหยี่ยว ราวกับเสือชีตาห์ที่กำลังรอกัดคอเธอให้ขาดเสียอย่างนั้น
เธอรู้สึกกลัว : “คุณ…..ปล่อยฉัน……..หายใจไม่ออก
น้ำเสียงขาดๆ หายๆ ดวงตาของเหลิ่งเจวีเชียวมืดลง คลาย แรงลงมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงบีบอยู่ตรงคอของเธอ : “อย่าโกหก ผม ผลที่ตามมาคุณคงจะรับผิดชอบมันไม่ไหวหรอกนะ
แรงที่มือของเขานั้นเพียงพอที่จะทำให้เธอเจ็บเสียจนสั่น สะท้านไปหมด : “ก่อนที่ฉันจะมาฉันไปที่ตงกงมา มีชายมีอายุคน หนึ่งเข้าใจผิดนึกว่าฉันเป็นเด็กนั่งดริ้งค์ เขาดึงสายชุดกระโปรง ฉันจนขาด แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยฉันไว้ แล้วเขาก็ช่วยผูก เชือกที่ขาดให้ฉันด้วย คงจะเป็นน้ำหอมจากมือของเขา…..ถ้า คุณไม่เชื่อคุณก็ไปดูกระโปรงชุดนั้นของฉันก็ได้!”
มือของชายหนุ่มนับว่าปล่อยเธอแล้ว เหลิงเจาเซียวยื่นมือออก ไปเปิดโคมไฟ ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบสะท้อนในดวงตาของเธอ
เพียงแต่เวลานี้ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นยังดูเย็นชาเฉยเมย เสียจนทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้
เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปหากระโปรงชุดนั้นที่ห้องรับแขก ถึงแม้ว่า ชุดกระโปรงนั้นจะขาดแล้ว แต่สายเสื้อที่ผูกเป็นโบว์เอาไว้นั้นเขา เห็นมันแล้ว ข้างหนึ่งยังคงขาดอยู่เช่นนั้น
เหลิ่งเจว๋เซียวโยนชุดกระโปรงนั้นลง แล้วเดินกลับมาที่ห้อง นอนอีกครั้งด้วยท่าทางที่ขึงขัง หลินหยู่เยียนซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่ม ด้วยความอาย ไม่กล้ามองเขา
ร่างกายสั่นเทา นึกถึงตอนที่เขาบีบที่คอเธอตอนนั้นแล้ว ในใจ ก็ยังคงมีความหวาดผวาอยู่
เธอไม่นึกเลยว่าผู้ชายคนนี้เวลาโมโหจะน่ากลัวขนาดนี้…….
“เหตุผลผ่าน ครั้งนี้ผมเชื่อคุณ ทางที่ดีที่สุดคือคุณควรจะจำคำ พูดของผมเอาไว้ว่าของที่ผมแตะต้องแล้ว จะไม่ยอมให้ใครหน้า ไหนได้มาสัมผัสทั้งนั้น!
ความเผด็จการและอำนาจที่ดูแข็งแกร่งของเขา ทำให้หลินหย เขียนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ทั้งๆ ที่เป็นแค่โฮสต์คนหนึ่ง ทำไมถึงสามารถพูดได้ออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำแบบนี้ได้ กัน?
“ตอนนี้ฉันไปได้แล้วใช่ไหม?”
เหลิ่งเจาเซียวเปิดผ้าห่มออก แล้วเอาผ้าห่มโยนลงบนพื้น ดวงตาลึกซึ้งและลมหายใจที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ : “นี่เป็นเรื่องที่ ตลกที่สุดที่ผมได้ยินมาวันนี้เลยนะ
เขายังเธอเอาไว้ในอ้อมกอด : “ผมยังไม่ทันได้เริ่มจริงๆ เลย จะปล่อยคุณไปได้ยังไง?
สุดท้ายแล้วก็หนีไม่พ้นคืนนี้
ท่าทางที่ดูไม่ยี่หระกับความตายของเธอนั้น ทำให้เหลิงเจ เซียวรู้สึกโมโหยิ่งขึ้น การกระทำของเขาจึงยิ่งดูมุทะลุไม่สามารถ ที่จะควบคุมได้……
หลังจากนั้นสองชั่วโมง เหลิ่งเจาเซียวจึงยอมปล่อยเธอในที่สุด
หลินหยู่เยียนขดตัวอยู่ตรงมุมกำแพง มองเขาเดินเข้าไปใน ห้องน้ำ
เธออดที่จะคิดไม่ได้ว่า เหลิ่งเจเซียวจะเป็นโรคกลัวสิ่งสกปรก ขึ้นรุนแรงหรือเปล่า…….
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เธอจึงลุกขึ้น แล้วเดินไปแอบดูตรงช่อง
ประตูห้องน้ำ
“คุณอยากจะถามอะไร?”
เสียงทุ้มน่าฟังดังขึ้นจากทางด้านบนศีรษะของเธอ หลินหยู่ เขียนตกใจจะหนีไป แต่ถูกมือหนึ่งของเขาคว้าตัวเข้ามาด้านใน ห้องน้ำเสียก่อน
“ช่วยผมเช็ดตัวหน่อย” เป็นคำสั่งเช่นเคย
หลินหยู่เยียนมองเขา เธอรู้ว่าถ้าไม่ตามใจเขา ก็คงจะไม่ สามารถออกไปจากห้องน้ำนี้ได้
สุดท้ายแล้วจึงช่วยอาบน้ำให้เขาอย่างว่าง่าย
รอจนอาบน้ำเสร็จ สวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วนั้น หลินหยู่เขียนใส่ ชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรมกอดชุดกระโปรงที่ไม่สามารถใส่ต่อ ได้อีกอย่างกลุ้มใจ
เหลิ่งเจว่เซียวเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก แล้วหยิบเอาถุงแบ รนด์เนมที่ซื้อมาโยนลงไปตรงข้างๆ เท้าของเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ให้คุณ รีบใส่เร็วเข้า ผมจะไปส่งคุณกลับ
เขาเดินออกไปจากห้องนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลินหยู่เยียนรีบเปิดถุงใบนั้นออกดู ด้านในเป็นชุดกระโปรงสี ต่า ยังไม่ได้เอาป้ายออกเลยเสียด้วยซ้ำ
เธอมองอย่างไม่ชอบใจนัก ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าจะยังไม่ได้ซัก
แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าหากเธอไม่ใส่คงจะต้องออกไปทั้ง ร่างเปลือยเปล่าแบบนี้
หลังจากนั้นห้านาที เหลิงเจาเซียวก็พาเธอออกไปจากโรงแรม
เหลิ่งเจาเซียว ในคืนนี้ ราวกับว่าดูอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก
เธอจำได้ว่าครั้งที่แล้ว เขายังปฏิบัติกับเธออย่างอ่อนโยนอยู่ เลย แต่คืนนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นอีกคนเลยอย่างไรอย่างนั้น ในใจของหลินหยู่เยียนนั้นลึกๆ แล้วรู้สึกอับอายและรู้สึกไม่ได้
รับความเป็นธรรม
เธอมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่อยู่ข้างทาง เห็นคู่รักเหล่านั้นที่ เดินจูงมือกันแล้วก็รู้สึกอิจฉา
เป็นเพราะสามีคนก่อนอย่างเซียวหรานออกนอกลู่นอกทาง กลับทำให้เธอต้องมาทำร้ายตัวเองอย่างน่าเวทนาเช่นนี้
ต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกโฮสต์ใช้รูปถ่ายมาขู่เข็ญ
“อยากรู้ไหมว่าทุกครั้งทำไมผมต้องรอบคอบขนาดนี้?” เหลิ่ง เจ เซียวมีสีหน้าท่าทางที่เย็นชา น้ำเสียงไม่มีความอบอุ่นอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
หลินหยู่เยียนหันมามองหน้าเขา แก้มของเธอแดงขึ้นมา “ทำไม?”
เขาเหลือบมองเธอ : “เพราะว่าผมจะไม่ให้มีเรื่องลูกนอกสมรส เกิดขึ้นกับผม
คำตอบของเขา ทำให้หลินหยู่เยียนตกใจเสียจนพูดอะไรไม่ ออก และนี่ก็คือที่ว่าทำไมทุกครั้งเขาถึงได้มีการป้องกันเป็นอย่าง
นี่เขากลัวว่าจะเธอจะตั้งท้องลูกของเขาโดยไม่คาดคิดอย่าง นั้นน่ะหรือ?
“อย่ามองตัวเองสูงไป เพราะผมทำแบบนี้กับทุกคน”
การดูถูกอย่างเย็นชาเช่นนี้ ทำให้หลินหยู่เยียนทอดกลั้นเอาไว้ มาตลอดทั้งคืนนั้นถึงกับระเบิดออกมา : “คุณนี่มันตลกจริงๆ เลย นะ ใครจะโง่ไปท้องลูกของคุณกัน? คลอดออกมาแล้วไม่กลัว ขายหน้าหรอกหรือ?”
ใครจะให้ตัวเองมีลูกให้กับผู้ชายแบบนี้กัน
เหลิ่งเจาเซียวไม่ได้อธิบาย เพียงแต่มุมปากของเขานั้นปรากฏ รอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา สถานะของเขานั้นเธอเข้าใจผิดไปกัน ใหญ่แล้ว
“คุณหัวเราะอะไร! คืนนี้ฉันทำตามที่ฉันรับปากเอาไว้แล้ว ยัง เหลืออีกเก้าครั้ง หลังจากสิ้นสุดแล้วคุณเอารูปมาคืนฉันด้วย! เธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะคอยเตือนเขาทุกครั้ง
ดวงตาเขาเย็นชา น้ำเสียงไม่พอใจ : “ทำไม อยู่กับผมมันไม่ สามารถทำให้คุณพอใจได้อย่างนั้นหรือ? คุณถึงต้องอยากจะ สลัดผมให้หลุดไปขนาดนี้?”
“ใช่! ฉันอยากจะรีบสลัดคุณให้พ้นไปเร็วๆ เสียที!
คำพูดที่เป็นความจริงของเธอนี้ทำให้เหลิงเจาเซียวรู้สึกไม่ พอใจจนถึงขีดสุด เสียงเบรกดังขึ้น : “เก่งจริง คุณก็ลองพูดอีกที
หลินหยู่เยียนรู้สึกหวาดกลัว ถึงแม้ดึกขนาดนี้บนถนนจะมีรถ ไม่มากนักก็ตาม แต่เบรกรถกะทันหันแบบนี้ก็อันตรายมาก
สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา
หลังจากที่เหลิ่งเจาเซียวไปส่งหลินหยู่เขียนในเขตชุมชนแล้ว ก็ขับรถออกไปเลยทันที
มองไมบัคที่ขับออกไปไกลแล้ว เธอจึงด่าออกมา : “ประสาท ไปกินดินปืนมารึไง!”
เหลิ่งเจ เซียวที่กลับมาถึงคฤหาสน์แล้ว ก็ดึงเนคไทลง แล้ว เดินไปนั่งพิงลงตรงโซฟา แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจาก กระเป๋ากางเกง พลางเลื่อนหน้าจอแล้วกดตรงอัลบั้มรูป เพื่อหารูปรูปหนึ่ง
เด็กผู้หญิงวัยรุ่นที่อยู่ในรูปนั้นยิ้มแย้มอย่างสดใสราวกับแสง
อาทิตย์ ใบหน้างดงามหวานหยาดเยิ้ม ละเอียดอ่อนราวกับ ตุ๊กตา เขาพูดกับตัวเอง : “ในเมื่อไปกับเขาแล้ว ทำไมยังต้องกลับมาอีก?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ