บทที่15 หลอกคุณ
หลังจากห้าปีผ่านไป
ต้นไม้ทองกวาวเหลือง สดชื่น เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงได้ เร็วขึ้น ผู้คนต่างรู้สึกถึงความเย็นสดชื่นนั้น
เมื่อรติณมาลงจากเครื่อง ถอดเก็บเสื้อแจ๊คเก็ตกัน
หนาวตัวเอง
หาปีแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปราวกับไม่คุ้นเคยกันเลย รวมไปถึงสภาพอากาศ ที่ไม่คุ้นชิน
วุฒิชัยจูงมือเล็กของรติณญาอยู่ด้านหลัง รติณมาที่ ยืนอยู่หน้าหวนหันกลับมา จูงมือเล็กของรติณญาจากวุฒิ ชัย เอ่ยพูดกับวุฒิชัย “คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันจะพา รติณญากลับห้องเอง
หลายปีมานี้ วุฒิชัยค่อยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด ต้องห่างจากบ้าน พูดถึงจุดนี้แล้ว รติณมาก็รู้สึกผิดจะแย่ อยู่แล้ว
วุฒิชัยพยักหน้ารับ เอ่ยถามอย่างเบาเสียง “คุณจะ ไปเยี่ยมคุณน้ามั้ยครับ?”
เมื่อตอนนั้นที่ไม่ได้ไปพร้อมกับเธอ ก็เพราะว่าอยู่ ช่วยตามหาแม่ของเธอ พอสืบรู้ได้ ว่าถูกดนัยส่งไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชรา แต่ไม่ถูกทําร้ายอย่างใด เลยพก ข่าวดีนี้ไปให้รติณมาด้วย
“ตอนนี้คงยังค่ะ” เขาอมยิ้มอยากเอ่ยต่อ “ให้เรื่อง ทั้งหมดมันดีขึ้นกว่านี้ ค่อยไปหาท่านดีกว่าค่ะ”
หลายปีมานี้ก็รอมาได้แล้ว รออีกแค่ไม่กี่วันเองคงไม่ เป็นไร เธอกลับมารอบนี้ ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดยังไม่จบ ลง เธอยังไม่อยากให้ดนัยตื่นตระหนก
เธออดทนรอแบบนี้มาหลายปี ก็เพื่อจะทวงสิ่งที่ควร เป็นของเธอกลับมา และจะไม่ยอมให้ตัวเองพลาดแม้แต่ อย่างเดียวอีก
“หลังจากหนึ่งเดือนกับทำสัญญาพวงมาลัยกรุ๊ป เดือนนี้ก็พักผ่อนดี ๆ มีอะไรก็เรียกผมได้นะครับ”
พูดจบวุฒิชัยถึงยอมไป จริง ๆ สำหรับเขาแล้ว ตลอด ปีที่ผ่านมาคือความเจ็บปวด เขาคิดว่าแค่อยู่เคียงข้างเธอ ตลอด จะทําให้เขาใจอ่อนได้ แต่ถึงแม้เขาจะพยายามแค่ ไหน ใจของเธอราวกับมีกำแพงกั้นไว้ เข้าไปยังไงก็ไม่ได้
หรือพูดง่ายๆ คือ ในใจเธอมีเพียงผู้เดียวตลอดมา และคนอื่นไม่สามารถผ่านลอดเข้าไปได้
รติณมาพารติณญาสู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้หนึ่ง เดือน ทั้งสองยืนอยู่ตรงนอกหน้าต่าง มองดูบ้านหลังที่มี สีสันคึกคัก และยิ้มออกที่มุมปาก ต้องสังเกตดี ๆ ถึงจะเห็น รอยยิ้มที่แฝงทั้งหวานขมอยู่
หลายปีมานี้ วันนี้ก็มาจนถึง เรื่องราวพวกนั้น ผู้คน พวกนั้น เธอจะไม่ยอมอ่อนแออีก ของที่ควรเป็นของเธอจะ เอากลับทีล่ะอย่าง ๆ
อมยิ้มไปยิ้มมา น้ำตาเริ่มริมไหลจากตา รติณญาดึง จับมือเธอ เอ่ยถามอย่างเบาเสียง “คุณแม่ค่ะ ร้องไห้อีก ทำไมค่ะ?”
ถ้อยคำนี้ ที่สื่อถึงตลอดเวลาที่ผ่าน เธอร้องไห้ไปไม่
น้อย
จริง ๆ แล้วเส้นทางชีวิตที่ผ่านมา มันยาวและลึกตื้น ทั้งขรุขระและอุปสรรคมากมายมีเพียงตัวเธอเองที่รู้ดีว่า เป็นเช่นไร
รติณมานั่งย่อลง ลูบหัวรติณญาเบา ๆ อย่างเอ็นดู “ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพราะว่าแม่เป็นโรคเกี่ยวกับตา โดดลมนิด น้ำตาก็จะไหลออกมาเองค่ะ”
รติณญาไม่ยอมเชื่อ เด็กน้อยเฉลียวฉลาด ไม่เปิดเผยต่อหน้ารติณมาตอนนี้
รติณมาโอบกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอด น้ำตายิ่ง ไหลหลั่งไม่หยุด หลายปีมานี้ นับว่าเป็นโชคอันยิ่งใหญ่ และมีความสุขที่มีรติณญา
ส่วนด้านอีกฝั่ง บ้านตระกูลพวงมาลัย เสียงเอ่ยถาม ป้าที่พึ่งรับโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ “คุณผู้ชายว่าไงบ้าง?
พอป้าเห็นสีหน้าแพรววาแล้วก็หวาดกลัว ทำได้เพียง เอ่ยปากพูด “คุณผู้ชายว่า คืนนี้จะไม่กลับ ช่วงนี้งานที่ บริษัทเยอะ คงจะไม่กลับมาบ้านอีกค่ะ”
เมื่อเสียงป้าพูดจบลง แก้วชาก็ถูกปัดแตกกระจาย เกลื่อนพื้น
“ดนัย มันจะมากไปแล้วนะ!”
พอป้าเห็นเธอเช่นนี้แล้ว ไม่กล้าเข้ายุ่งอยู่แล้ว เลย เลี่ยงออกไปอีกฝั่งอย่างเงียบ ๆ
ดวงตาร้ายกาจที่กำลังเปล่งประกายของแพรววา ใน ที่สุดก็ยืนขึ้น เดินไปยังที่มีแสงไฟ
เธอขับรถออกไปแล่นมาจอดหน้าตึกบริษัทพวงมาลัย กรุ๊ป ไม่ใช่สิ ตอบปิคารเรียกว่าตึกพาเค้าแล้วสินะ
บริษัทไม่มีใครแล้วตอนนี้ มีเพียงห้องท่านประธานที่ ไฟยังสว่างจ้าอยู่ ดังนั้นเลยไม่มีคนห้ามเขาไว้ได้ เธอเดิน ตรงดิ่งสู่ยังห้องทำงานเขา
พอถึงห้องทำงานดนัย เขากำลังตั้งใจทำงานอยู่ อัน ที่จริงแล้วเธอรู้ เขาแค่ไม่อยากกลับบ้านเท่านั้นเอง เลยทำ ไปอย่างงั้นแหละ
ความจริงแล้ว หลายปีมานี้ เขาเป็นแบบนี้ตลอด มา หลังจากได้พวงมาลัยคืนกลับมา ก็ไม่เคยตั้งใจใส่ใจ ทำงานอีก ทำให้ต้องเสี่ยงอยู่ในเส้นทางล้มละลาย จน ต้องกู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทต่างประเทศมา
เธอรู้เห็นถึงเรื่องราวนี้อยู่ในสายตา เพราะเขายัง ตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นไม่ได้
หลายปีมาแล้ว เธอก็ไม่ต่างอะไรจากเขาเลย แต่ หัวใจดนัยก็เหมือนกับก้อนหินที่แข็งขัง ทำยังไงก็ไม่ร้อน
พอได้ยินเสียงดนัยเงยหัวขึ้นมอง เห็นว่าเป็นแพรววา
ไม่สนใจ ก้มหน้าลงต่อ
เปลวไฟที่กำลังไหม้ลุกในใจเธอ แต่กลับทำอะไรไม่ ได้ ทำได้เพียงกดเสียงต่ำลง “ดนัย คุณไม่กลับบ้านมา หลายวันแล้วนะค่ะ”
ดนัยเงียบไม่ตอบ สำหรับเขาแล้ว คำพูดแบบนี้ที่วน เวียนไปมาไม่รู้กี่รอบแล้ว จนเขาไม่มีกระจัดกระจาย อยากตอบแล้ว
ความเย็นชาแบบนี้ทำให้เธอเจ็บทรมานลึกถึงใจ “ดนัย คุณจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? คุณไม่รู้ว่า บริษัทกำลังเจอมรสุมก้อนใหญ่อยู่เหรอ? ผู้หญิงคนนั้น สําคัญกว่าบริษัทของพ่อแม่คุณเหรอ?”
ฝ่ามือดีไปยังบนโต๊ะดังปิ้ง นี่เป็นสัญญาณห้ามของ เขา หลายปีมานี้ พ่อแม่เขา รวมถึงรติมาที่ไม่อนุญาตให้ ใครเอ่ยพูดได้ง่าย ๆ แต่แพรววากลับพูดมันออกมาหมด แบบนี้
เขาเดินไปยังข้างแพรววา ดวงตาที่ปกปิดความ รังเกียจไม่มิด เอ่ยพูด “คุณน่าจะรู้ดี ระยะเวลาห้าปีผ่านไป ไวมาก คุณก็จะพ้นจากฐานะภรรยา
แพรววาจ้องมองเขาเอ่ยพูดอย่างสิ้นหวัง “ห้าปีแล้ว คุณก็ยังลืมเธอไม่ได้? คุณบอกฉันหน่อย ห้าปีนี้ ฉันคือ อะไร ฉันคืออะไรกันแน่?
“ทำฉันจนต้องแต่งงานกับคุณ คุณน่าจะรู้ดี คุณบอก ว่าเธอคืออะไรกันแน่?” ท่าทางดนัยที่เต็มไปด้วยความ เยือกเย็น ไม่ออกความอ่อนน้อมสักเสี่ยวหนึ่ง
“ห้าปีแล้ว ฉันไม่เคยทำอะไรไม่ดีต่อบ้านนี้ ไม่ว่า เรื่องใด ฉันจะไม่ไป คุณไม่มีเหตุผลหนักแน่นพอ
ดนัยกระตุกยิ้มร้ายเอ่ยพูด “ผมไม่เพียงแค่จะหย่า กับคุณ และจะไม่ให้คุณได้อะไรเลย นอกจากคุณจะคิด เองได้แล้ว แล้วบอกผมว่ารติณมาอยู่ไหน บางทีผมอาจจะ พิจารณาให้คุณบางส่วนก็ได้”
ห้าปีมานี้ ดนัยรับมือพอกับเธอแล้ว และเกลียดตัวเอง มาก ที่ยอมเชื่อคำโกหกแพรววาตั้งแต่แรก แต่งงานกับ
เธอ
และสัญญาสิ้นสุดกำลังจะมาถึงแล้ว เขาจะได้รีบหย่า ร้าง แล้วเขาจะลังเลไปทำไมกัน?
ไหน ๆ ก็ไม่ทางที่จะได้รู้เรื่องรติณมาจากเธอแล้ว สําหรับเขาแล้ว แพรววาก็เป็นส่วนเกินในชีวิตเขามาตลอด
แพรววาหัวเราะ เสียงดังก้อง เอ่ยพูดกับดนัย “ได้ คุณอยากรู้มากไม่ใช่เหรอว่ารติณมาอยู่ไหน? ฉันจะบอก ให้!”
พอได้ยินชื่อรติณมา ดวงตาดนัยตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“รีบพูด!”
หัวเราะดังก้องออกมาอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นพูด ออกมาทีล่ะคำ “รติณมาเธอตายแล้ว เธอตายตั้งแต่ห้าปี ที่แล้ว ฉันหลอกคุณทุกอย่าง หลอกให้แต่งงานด้วย เลย แกล้งหลอกว่าเธอยังไม่ตาย”
พูดจบก็หัวเราะร้ายดังก้องต่อ ในระหว่างกำลัง หัวเราะสะใจมือใหญ่หนา สบัดตบไปยังหน้าบางขาว เพีย อย่างแรง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ