ความลับระหว่างผมกับพี่สะใภ้ 18+

บทที่ 14 คิดถึงอนาคต



บทที่ 14 คิดถึงอนาคต

เมื่อเฉินห้าวไม่เต็มใจที่จะพูด ผมก็ไม่อยากรบเร้าถามต่อแล้ว ดู เหมือนต้องสืบประวัติของฉู่เฉียวเจียวให้ชัดเจนเสียแล้ว ต้องหา โอกาสเพื่อเจอหน้าเธอสักครั้ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีโอกาส ยังมีเรื่องหลายอย่างที่รอผมจัดการอยู่

เอาชนะหวังเหล่ยได้ ทุกคนก็แยกย้ายกัน ผมก็กลับไปนอนใน ห้องนอนของตัวเอง พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ เย็นวันนี้ผมชก หวังเหลียจนน่าเวทนา ดูจากนิสัยของเขาแล้ว ต้องหาโอกาสมา แก้แค้นอย่างแน่นอน ผมอาจจะหลบได้ครั้งหนึ่ง แต่ผมไม่ สามารถหลบไปได้ตลอดชีวิต ไม่ว่ายังไงผมจะต้องหาวิธีที่ทน ลำบากเพียงครั้งเดียวแล้วสบายไปตลอดให้จงได้

แม้ว่าตอนนี้ผมจะได้รับการคุ้มครองจากเฉินห้าว แต่ถึง อย่างไรก็เป็นการพึ่งกำลังของคนอื่นอยู่ดี มีหลายครั้งที่เฉินห้าว ก็ไม่สามารถดูแลได้ และตอนที่เฉินห้าวสามารถช่วยผมได้ ก็ เพียงแค่พาคนมาปกป้องผมทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ถ้าครั้งไหนที่เขา มาไม่ทัน ชีวิตผมคงจบเห่แน่

ผมคิดไปคิดมา รู้สึกว่าวิธีเดียวที่จะทำให้ผมสบายในภาย ภาคหน้าได้ก็คือ ต้องสร้างอำนาจให้กับตัวเอง จะพึ่งคนอื่นอีก ต่อไปไม่ได้แล้ว มีแค่มือของตัวเองเท่านั้นที่สามารถใช้กำลังได้ อย่างเต็มที่ ผมจึงสามารถปกป้องตัวเองได้ และสามารถปกป้อง คนที่อยู่รอบข้างได้ แต่จะสร้างอำนาจให้ตัวเองยังไงล่ะ ผมคิดเรื่องนี้ทั้งคืนก็ยังคิดไม่ออก

เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปที่ห้องเรียน ก็พบว่าในห้องเรียนคุยกันเสียง เกรียวกราว และกำลังพูดถึงผม มันทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ เล็กน้อย เมื่อก่อนผมเป็นเหมือนอากาศธาตุ ในห้องเรียน แม้แต่ เพื่อนร่วมชั้นยังมีไม่กี่คนที่จำชื่อผมได้ บางครั้งที่มีคนพูดถึงผม ก็ มักจะพูดถึงเรื่องที่ผมถูกใครต่อยอะไรพวกนั้น

แต่ทว่าวันนี้ พวกเขากำลังพูดถึงผลการดวลของผม เมื่อวาน เย็นผมชนะหวังเหลีย เรื่องของผมถูกแพร่กระจายไปในโรงเรียน ตอนที่ผมเดินเข้ามาในห้องเรียน ผมรู้สึกได้ถึงความอิจฉาเล็ก น้อยและสายตานับถือที่จ้องมองมาทางผม

“พี่เฉียง” ตอนที่ผมเพิ่งนั่งลงได้ไม่นาน ก็มีผู้ชายสองสามคน เดินมา มองผมด้วยใบหน้าเคารพแล้วพูดขึ้น ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีวันที่ถูกคนอื่นเรียกว่าพี่

“ทำไม ตามหาฉันมีเรื่องอะไร” อีกฝ่ายเรียกผมว่าพี่เฉียง ผมก็ ต้องแสดงท่าทางของพี่เฉียงที่แข็งแกร่งออกมา ผมตั้งใจกดเสียง ต่ำลง แล้วทำท่าทางยากที่จะคาดเดา

“ไม่มีอะไรครับ พี่เฉียง เมื่อวานตอนเย็นพวกเรามีธุระพอดี เลยไม่ได้ไปดูการต่อสู้ของพี่ ถือว่าพลาดโอกาสมาก จึงอยากให้ พี่เล่าให้พวกเราฟังด้วยตัวเอง ว่าพี่เอาชนะไอ้บ้าหวังเหล่ยนั่นได้ ยังไง” หนึ่งในกลุ่มผู้ชายพูดขึ้น

“แบบนี้นี่เอง ได้สิ เล่าให้พวกนายฟังหน่อยแล้วกัน…..” ผม พยักหน้ารับปาก แล้วเล่าให้พวกเขาฟัง คิดไม่ถึงว่าพอเล่าเสร็จพวกเขาจะมองมาที่ผมด้วยสายตาประหลาดใจอย่างมาก เหมือนยิ่งนับถือผมมากขึ้นไปอีก

ในตอนนั้นเอง หวังเหล่ยก็เดินเข้ามาในห้องเรียน เขาถูกพัน ด้วยผ้าพันแผลทั้งตัว ดูแล้วเหมือนมัมมี่ เมื่อเพื่อนๆ ในห้องเรียน เห็นเขาก็ส่งเสียงโห่ขึ้นทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเขา

“หุบปากเดี๋ยวนี้ พวกแกอยากตายหรือไง” หวังเหล่ยตวาด ด้วยความโมโห และคว้าเอาผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เพื่อมาเชือดไก่ให้ ลิงดูนั้น เพราะมันอยู่ไม่ไกลจากผม ผมจึงจับเขาไว้

“หวังเหล่ย เป็นเพื่อนห้องเดียวกันไม่ใช่หรือไง ทุกคนแค่ล้อ

เล่นเฉยๆ ทำไมนายต้องลงไม้ลงมือด้วย

“นายว่าไงนะ เมื่อวานนายชนะฉันก็เพราะโชคช่วยเฉยๆหรอก กล้าดียังไงมาใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับฉัน ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ใช่ไหม” หวังเหล่ยพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ทำไม นายยังคิดจะสู้กับฉันอีกหรือไง ฉันว่านายเลิกคิดเถอะ จะได้ไม่ถูกฉันอัดอีกรอบ ถึงตอนนั้นแล้วมันคงไม่จบแค่การพัน แผลหรอก” ผมพูดกับเขาอย่างเย็นชา

“แก” พอหวังเหล่ยได้ยินก็ยิ่งโกรธกว่าเดิม แต่ก็ไม่กล้าลงมือ ผมว่าเขาคงจะกลัวผมไปแล้ว และบวกกับร่างกายที่บาดเจ็บ จึง ยิ่งไม่กล้าลงมือกับผม

“พี่เฉียง พูดได้ดีมาก เมื่อครูพี่พูดได้ดุดันมาก” ผู้ชายที่ถูกผม ช่วยไว้เดินมาข้างผม แล้วพูดกับผมด้วยใบหน้าที่นับถือ
“เรื่องเล็กน้อย เป็นเพื่อนกันนี้ ยังไงก็ไม่สามารถทนตนายถูก ร้งแกได้หรอก” ผมพูดพร้อมโบกมือ ทําท่าทางสบายๆ พวก ผู้ชายในห้องยิ่งนับถือผมมากขึ้นไปอีก

ในตอนนั้นเอง ผมก็คิดอะไรขึ้นได้ว่าผู้ชายพวกนี้เหมือนผม เมื่อก่อนไม่มีผิด ล้วนมาจากชนบท ไม่มีกำลังหรือภูมิหลัง เป็น คนซื่อๆ ในโรงเรียน และถูกคนอื่นกลั่นแกล้งได้ง่ายๆ ถึงแม้พวก เขาจะมีจำนวนมาก แต่พวกเขาไม่รวมเป็นกลุ่มเดียวกัน พอมี หนึ่งคนถูกรังแกคนอื่นก็แค่ไปยืนดูเท่านั้น ดังนั้นคนอื่นถึงยิ่งกล้า ที่จะรังแกพวกเขา

แต่ถ้าพวกเขารวมเป็นกลุ่มเดียว สร้างเป็นกลุ่มอำนาจใหม่ บางทีอาจจะกลายเป็นกลุ่มที่ทรงอำนาจที่สุดในโรงเรียนก็ได้ เพราะพวกผู้ชายแบบนี้ มีจำนวนเยอะที่สุด ในโรงเรียน สองหมัด ยากจะสู้มือ มีจำนวนคนมากคือข้อได้เปรียบ

ไม่ผิด ความคิดนี้ไม่เลวจริงๆ ตั้งใจเรียนหนังสือไม่ใช่ ทางออก อย่างน้อยสำหรับผม พ่อกับแม่เลี้ยงคงไม่ยอมให้ผมไป เรียนที่มหาวิทยาลัย ไม่ว่าคะแนนของผมจะดีขนาดไหน ผมก็ไป เรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ ดังนั้น ในโรงเรียนมัธยมผมต้องสร้าง กำลังให้กับตัวเอง หลังออกจากโรงเรียนไปแล้ว อาจจะยังมี ประโยชน์กับผมอยู่ก็ได้ ถึงตอนนั้นผมก็ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหน อีกแล้ว

ขณะที่ผมกำลังจินตนาการถึงอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองอยู่ ทันใดนั้นจ้าวชิงชิงก็เข้ามาในห้องเรียน เดินมาหาผมแล้วถาม ว่า: “เมื่อวานนายได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ฉันซื้อปลาสเตอร์ยา ผ้าพันแผล และยาน้ำมาด้วย ถ้านายบาดเจ็บก็บอกฉันเลยนะ เดี๋ยวฉันช่วยทำแผลให้

“ไม่เป็นไรๆ มีแค่แผลเล็กๆ ไม่มีปัญหาอะไร” ถึงแม้ผมจะ ซาบซึ้งใจมาก แต่ก็รีบโบกมือปฏิเสธ

“ดูสิ มือของนายมีเลือดออก ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก……. จ้าวชิงชิงพูด แล้วหยิบปลาสเตอร์ยามาติดให้ผม

“ชิงชิงคนสวยกลายเป็นแฟนของพี่เฉียงแล้วหรือ พวกเธอดู สนิทสนมกันจริงๆ” ตอนที่จ้าวชิงชิงช่วยติดปลาสเตอร์ยาให้ผม เพื่อนร่วมชั้นก็พูดขึ้นด้วยความอิจฉา

“พี่เฉียงคู่กับชิงชิงคนสวย หรือก็คือฮีโร่ที่คู่กับสาวสวย มี ปัญหาอะไรล่ะ” ผู้ชายคนหนึ่ง ใช้จังหวะนี้พูดขึ้น

ผมฟังแล้วรู้สึกมีความสุขมาก ผมมองจ้าวชิงชิง แก้มของเธอ แดงขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเขินอายอย่างมาก และดูเหมือนว่าเธอจะ ไม่มีท่าทีปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย ยังตั้งใจใส่ยาให้ผม ให้ตาย เถอะ หรือว่าวันของผมจะมาถึงแล้ว ไม่ใช่แค่พี่สะใภ้ แม้แต่จ้าว ชิงชิงผมก็อาจจะมีโอกาส จ้าวชิงชิงไม่เหมือนกับพี่สะใภ้ เธอ ต้องเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ยังไม่เคยจูบแรกแน่ แค่คิดก็ตื่นเต้น แล้ว

แต่ชั่วขณะผมก็คิดว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะครอบครอง จ้าวชิงชิง ระหว่างพวกเราแม้แต่คนรักก็ยังไม่ใช่จะก้าวเข้ามาใน หัวใจของผมได้ ก็คงต้องใช้เวลาอีกนาน ดังนั้นในตอนนี้ผมจะ ยึดหลักความเป็นจริง จัดการกับตัวปัญหาใหญ่อย่างหวังเหล่ยให้ได้ ผมไม่อยากให้เขาเข้ามาขัดขวางผมในช่วงเวลาที่สำคัญ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ