บทที่ 13 เอาชนะหวังเหลี่ย
“เฉินเฉียง นายก็กล้าหาญไม่เบาเลยนะ ถึงกล้ามาที่นี่ ฉันคิดว่า นายจะกลัวจนฉี่ราด แล้วมุดหัวอยู่ในห้องนอนเสียอีก เมื่อหวัง เหล่ยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นผม ก็รีบพูดเยาะเย้ยทันที “หวังเหย นายอย่าเพิ่งดีใจไป อีกสักพักเดี๋ยวก็ได้รู้ว่าใครจะ
กลัวจนฉี่ราดกันแน่” ผมก็พูดโดยไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
“เหอะ พวกทําอะไรเกินตัว ฉันจะรอดูว่านายมาคุกเข่า อ้อนวอนอย่างน่าสมเพชต่อหน้าฉันยังไง” หวังเหล่ยพูด แล้ว ทำท่าทางภาคภูมิใจที่มีเรื่องวิวาทตั้งแต่เด็กจนโต เขามี ประสบการณ์มากจริงๆ
“ใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่แน่” แม้ว่าผมจะโอกาสแพ้ แต่ผมจะ ไม่ถอยหลังเป็นอันขาด เย็นนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ผมก็จะเผชิญหน้าจนถึงที่สุด”
“เหอะ เย็นนี้หลังจากแกแพ้แล้ว ก็ออกไปจากโรงเรียนนี้แต่ โดยดีซะ แล้วอย่ามาขวางเรื่องของฉันอีก พอเห็นหน้าแกแล้วฉัน อารมณ์เสียว่ะ” หวังเหล่ยพูดขึ้น พร้อมกระโจนมาทางผมด้วย ความเร็ว พอมองเห็นชัดเจน หมัดของเขาก็มาทักทาย ใบหน้า ของผมแล้ว
ผมหลบพ้น แต่ หวังเหล่ยเร็วมาก ไม่นานก็ปล่อยอีกหมัดมา หาผม คราวนี้ผมหลบไม่พ้น จึงถูกเขาต่อยใส่ท้องน้อยอย่างแรง เจ็บจนผมต้องกัดฟันกรอด แต่ไอ้บ้าหวังเหล่ยก็ยังไม่ยอมหยุดเขาปล่อยหมัดครั้งแล้วครั้งเล่ามาใส่ผม ผมถอยหลังเรื่อยๆ และ พยายามหลบหมัดของเขา
ท่าไม่ดีแล้ว ขึ้นเป็นแบบนี้ต่อผมต้องแพ้จริงๆแน่ ผมต้องคิด หาวิธี ผมพูดกับตัวเองแบบนี้ในใจ แต่ผมก็ยังคิดวิธีไม่ออก หมัด ของหวังเหล่ยพุ่งเข้ามาอีกครั้ง แต่ผมยังคิดวิธีรับมือไม่ได้เลย
“เหอะ พวกเศษสวะยังไงก็คือสวะ ไม่ทันไรนายก็ทนไม่ไหว แล้วหรือ ยอมแพ้แต่โดยดีเถอะ หลังจากที่นายออกจากโรงเรียน ไป พี่สะใภ้นายก็จะเป็นของฉันแล้ว ฉันอยากได้เธอมานานแล้ว” หวังเหล่ยกล่าวด้วยใบหน้าหุ่นกาม
“หุบปาก อย่าพูดเรื่องไร้สาระ” ได้ยินเขาพูดแล้วผมรู้สึกไม่ สบายใจมาก เลยตวาดใส่เขาไปหนึ่งครั้ง
“พูดไร้สาระอะไร ฉันพูดเรื่องจริง เย็นนี้นายแพ้แน่ แพ้แล้วก็ ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันซะ ไม่มีนายเกะกะ พี่สะใภ้นายก็จะเป็น ของฉันไม่ใช่หรือ” หวังเหล่ยพูดขึ้น
พอได้ยินแบบนี้ผมก็โกรธมากขึ้น และไม่สนใจหมัดของหวัง เหล่ยที่พุ่งมาหาผม ผมชกเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง จน เลือดกําเดาเขาไหล หวังเหม่ยเหมือนถูกผมชกจนหน้ามืด เขาลืม โจมตีไปชั่วขณะ ผมอาศัยจังหวะนี้ ปล่อยหมัด ใส่ช่องท้องของ หวังเหลียอย่างแรงไปหลายสิบครั้ง จนเขาล้มคว่ำหน้าลงไป
“เขาโกรธมากเพียงเพราะผู้หญิงสวยคนเดียว” เวลาที่คนเรา โกรธเพราะคนที่ตัวเองรัก แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็ไม่ต้องการ ไม่ กลัวตาย แล้วจะมีอะไรที่ต้องกลัวอีก
หลังจากที่หวังเหล่ยล้มลงไป ผมก็ไม่ให้โอกาสเขา ผมยังคง รัวหมัดใส่เขาอีกหลายสิบครั้ง จนคนที่อยู่ข้างๆมาถึงผมไว้ ผม ถึงยอมหยุด ตอนนี้หวังเหล่ยลงไปกองอยู่กับพื้นเหมือนดินโคลน ไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นมา
“หยุดชกได้แล้วๆ เฉินเฉียงนายหยุดได้แล้ว พอแล้ว นายชนะ แล้ว ถ้าชกต่ออีกเขาจะตายได้นะ” เฉินห้าวเข้ามาดึงผมไว้เป็น คนแรก เขาแรงเยอะมาก สามารถแยกผมออกจากหวังเหลยได้ เลย
“เหอะ นายดูถูกพี่สะใภ้ของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนห้ามไว้ ตอนนี้ฉันได้ส่งนายไปหายมบาลแล้ว” ผมตะโกนด่า
ตอนนี้หวังเหล่ยบาดเจ็บไปทั้งตัว เพราะได้พรรคพวกมาช่วย ประคองเขาจึงลุกขึ้นยืนได้อย่างยากลำบาก เขาจ้องผมตาเขม็ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และมีท่าทางหวาดกลัวเล็ก น้อย ผมคิดว่าจากบทเรียนเมื่อครู่ เขาคงไม่กล้าดูถูกผมอีกต่อไป
“เฉินเฉียง นายแน่มาก คอยดูเถอะ บัญชีคราวนี้ไม่ช้าก็เร็ว หวังเหล่ยคนนี้จะต้องมาเอาคืนแน่ พวกเราไปโว้ย” หวังเหล่ยพูด ทิ้งท้ายไว้อย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็พาคนของเขาไป
“อย่าลืมสัญญาของนายล่ะ ถ้านายเป็นลูกผู้ชายนายต้องทำ ตาม ต่อไปห้ามระรานจ้าวชิงชิงและนักเรียนหญิงคนอื่นๆ อย่า แม้แต่จะคิดถึงพี่สะใภ้ของฉัน” ผมตะโกนใส่หวังเหล่ยเสียงดัง แต่เขาไม่ได้ตอบกลับมา ผมคิดว่าพอพูดต่อหน้าทุกคน เขาคงไม่ กล้าที่จะไม่ทำตามหรอก ดังนั้นผมจึงวางใจ
“เฉินเฉียง นายเก่งมาก ฉันไม่คิดเลยว่านายจะชนะ ขอบใจ นายนะ” จ้าวชิงชิงวิ่งเข้ามา ผมถึงรู้ว่าเธออยู่ท่ามกลางฝูงคน ด้วย ใช่สิ เธอรู้เรื่องการดวลครั้งนี้ และก็รู้ด้วยว่าที่ผมยอมรับ การดวลครั้งนี้ก็เพื่อเธอ ดังนั้นเธอจะพลาดไม่ได้
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน่า ไม่ต้องขอบคุณหรอก” ผมยิ้ม จ้าวชิง ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นห่วงผมจริงๆ ดังนั้นได้ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆเพื่อเธอจะเป็นไรไป และผมก็อยากสั่งสอนหวังเหลี่ยมา นานแล้ว เพียงแค่ไม่มีโอกาสเท่านั้น แต่ว่าหลังจากนี้ความ บาดหมางระหว่างพวกเราคงเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าผมจะมี เจียว เจียวและเฉินห้าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ก็เกรงว่าเรื่องราวมันจะไม่ ยุติลงง่ายๆแบบนี้
พูดถึงฉู่เจียวเจียว จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึง มีภูมิหลังที่เก่งกาจขนาดนั้น เหมือนคนอย่างเฉินห้าว แค่ได้ยิน ชื่อของเธอก็เคารพนับถือมาก ภูมิหลังของเฉินห้าวเองก็ไม่น้อย เช่นเดียวกัน เป็นบุคคลที่เป็นที่นับถือในโรงเรียนของพวกเรา ถ้า จะให้พูดออกมาจริงๆ แม้แต่ หวังเหล่ยยังสู้เขาไม่ได้ สรุปแล้ว เจียวเจียวเป็นคนแบบไหนกันนะ ถึงทำให้เฉินห้าวเคารพได้ถึง ขนาดนี้
ตอนมัธยมต้นก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ผมก็ดูไม่ออกจริงๆว่า เธอเก่งขนาดนี้ ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงน่ารัก ธรรมดาคนหนึ่ง นอกจากคะแนนของเธอแล้ว ผมก็นึกไม่ออกเลย ว่าเธอจะควบคุมคนอื่นได้ยังไง ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่เดือน เกิด เรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ
ในเวลานี้ เฉินห้าวเดินมาหาผมพอดี เขาพูดกับผมด้วย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “เพื่อนนายเก่งมาก ฉันมองนาย ด้วยสายตาที่งมาก หวังเหลี่ยคนนั้นก็ถือว่ามีทักษะดี ฉันจะ จัดการเขายังต้องระมัดระวัง นึกไม่ถึงว่านายจะจัดการจนเขาลง ไปกองกับพื้นได้ เก่งจริงๆ
เฉินห้าวพูดชมผมไม่ยอมหยุด ชมจนผมรู้สึกเคอะเขินนิด หน่อย ผมจึงพูดขึ้น: “เป็นเพราะรวบรวมความกล้าหาญในตอน นั้น ที่จริงฉันก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก
“นายไม่ต้องถ่อมตัวแล้ว เรื่องเมื่อครูทุกคนต่างก็เห็นกันหมด ฮาๆๆๆๆๆ……” เฉินห้าวพูดพร้อมหัวเราะ
“ใช่แล้วเฉินห้าว ฉันขอถามอะไรหน่อย เจียวเจียวเธอมีที่มา ที่ไปยังไงกันแน่ ทำไมนายกับหวังเหล่ยต้องดูหวาดกลัวเธอแบบ นี้ด้วย ฉู่เจียวเจียวที่ฉันรู้จักเป็นผู้หญิงน่ารัก เป็นคนละคนกับที่ นายรู้จักหรือเปล่า” ผมใช้โอกาสนี้ถามขึ้น
“ไม่ผิดหรอก ฉู่เจียวเจียวก็คือเจียวเจียว พี่เจียวฉันจะเข้าใจ ผิดได้ยังไง นายอย่าถามฉันเกี่ยวกับเรื่องของเธอ ไปถามพี่เจียว ด้วยตัวเองเถอะ ตัวเธอไม่พูด ฉันก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไร ฉันไม่ กล้าพูดส่งเดชหรอก” เฉินห้าวรีบส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ