บทที่ 10 ฝีมือของเฉินห้าว
เมื่อผมกับเฉินห้าวกลับไปถึงที่ห้องเรียน ก็พบว่าห้องเรียนวุ่นวาย ไปหมด พวกเพื่อนๆ ต่างล้อมวงกันไว้ พอผมแหวกฝูงชนเข้าไปดู ก็พบหวังเหล่ยกำลังหยอกเย้าผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ มือไม้ลูบไล้ไป ทั่ว ผู้หญิงคนนั้นกลัวจนห่อตัวอยู่ในมุมห้อง แต่ก็ไม่กล้าหนีไป
“หวังเหล่ย หยุดเดี๋ยวนี้” เมื่อมีเฉินห้าวเป็นพวก ผมก็ไม่กลัว หวังเหล่บอีกแล้ว
“เฉินเฉียงถึงมาจนได้ ถึงใจกล้าไม่เบาเลยน ถึงกับกล้าบอก ให้กหยุด คงไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วจริงๆ กูกำลังตามหามึงอยู่ พอดี นายกลับมาหาถึงที่ด้วยตัวเองแล้ว” ทันทีที่หวังเหลยเห็นผม ก็รีบเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางซ่าสุดๆ
“หึ วันนี้ฉันไม่ได้มาเพื่อถูกตีหรอกนะ แน่จริงนายก็ลงมือ ดูสิ ว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้พ่ายแพ้ เนื่องจากผมมีเฉินห้าวคอย หนุนหลัง ดังนั้นตอนนี้ผมไม่กลัวเขาด้วยซ้ำ
“เฉินห้าว? นายคงไม่คิดว่าเฉินห้าวจะช่วยนายหรอกนะ เฉิน ห้าวนายมาได้เวลาพอดี ไอ้หมอนี่มันก่อเรื่องไว้กับฉัน ช่วยสั่ง สอนมันแทนฉันหน่อย”เมื่อหวังเหล่ยเห็นเฉินห้าวที่อยู่ด้านหลัง ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่กลับพูดเช่นนี้กับเฉินห้าวที่อยู่ด้าน หลังผม
ผมตะลึงงัน นึกไม่ถึงว่า เฉินห้าวจะเป็นพวกเดียวกับหวังเหล่ย ผมมองไปยังเฉินห้าว สีหน้าของเฉินห้าวไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่ได้ลงมือทำร้ายผมด้วย ไม่รู้ว่ากำลัง วางแผนอะไรอยู่
“ขอโทษด้วยหวังเหลย เรื่องนี้ฉันทำตามที่นายบอกไม่ได้ นาย รู้ไหมว่าหมอนี้เป็นใคร เขาเป็นน้องชายของพี่เจียว ฉันไม่มีทาง ทำร้ายเขาแน่ แต่ถ้านายคิดจะทําอะไรเขา ก็ขอให้คิดให้ดีก็แล้ว กัน” เฉินห้าวพูดอย่างสงบนิ่ง
“อะไรนะ นายบอกว่าเขาเป็นน้องชายของพี่เจียว เขาแซ่เฉิน ไม่ใช่หรือ จะเป็นน้องชายของพี่เจียวได้ไง”หวังเหล่ยชะงักไปเล็ก น้อยอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถามขึ้นด้วยท่าทางไม่เชื่อ
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ แต่พี่เจียวได้โทรศัพท์มาหาฉันด้วยตัวเอง บอกกับฉันด้วยตัวเองแบบนี้ ต่อให้ไม่ใช่น้องแท้ๆ ก็คงเป็น ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมาก นายลองคิดดูดีๆเองเถอะ”เฉินห้าวเอ่ย พลางสายตาก็จ้องหวังเหล่ยนิ่ง
หวังเหล่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง แต่เหมือนว่ายังไม่ตายใจ พูดกับ เฉินห้าวต่อ ต่อให้มันมีความเกี่ยวข้องกับพี่เจียวจริงๆก็ไม่มี ประโยชน์ วันนี้ฉันต้องจัดการมัน ฉันเรียกพวกมาเรียบร้อยแล้ว ฉันอยู่ในวงการนี้มานานขนาดนี้ ไม่เคยถูกใครทำแบบนี้มาก่อน นายรู้ไหมว่าเมื่อวานมันทำอะไรฉัน มันใช้เก้าอี้ฟาดหัวฉันจน แตก หากไม่ใช่เพราะฉันหนังเหนียว ป่านนี้คงนอนหยดน้ำเกลือ อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว สรุปก็คือตอนนี้ต่อให้ใครหน้าไหนมาพูด อะไรก็ไม่ได้ผล
“เรื่องก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้นายไว้หน้าฉันหน่อยเรื่องนี้ให้มันจบแค่นี้ ทุกคนจับมือกันเถอะ”เฉินห้าวยังคงพูดต่อ “จับมือดีกัน เป็นไปไม่ได้หวังเหลยปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว
“เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม งั้นคำนี้นายเก็บไว้พูดกับพี่เจียวเถอะ ตอนนี้ฉันขอประกาศไว้ตรงนี้เลย ต่อไปถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นนายก ไปจัดการเองละกัน ถ้าพี่เจียวโกรธขึ้นมา นายก็ไปรับมือกับมัน เองเถอะ”เฉินห้าวก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
หลังจากที่หวังเหล่ยได้ฟังดังนั้น ก็เกิดกลัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ ซัด ไม่ได้พูดตอบอะไร ละสายตาจากเฉินห้าวมาอยู่ที่ผม จ้องผม
นึ่ง
“นายไม่ต้องมองหน้าฉัน เรื่องระหว่างเราไม่จบง่ายๆแค่นี้แน่ ถ้านายฆ่าฉันไม่ได้ ฉันนี่แหละเอานายตายแน่
ทันทีที่หวังเหล่ยได้ฟังประโยคนี้ก็ปรี๊ดขึ้นมา พุ่งตรงเข้ามาหา ผมทันที แต่กลับถูกเฉินห้าวขวางเอาไว้ หวังเหล่ยก็ไม่กล้าทำ อะไรเขา ได้แต่รามือไปก่อน หวังเหลี่ยมองมายังผมอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ย”เฉินเฉียง แน่จริงมึงก็ออกมาสิ เรามาดวลกันตัวต่อ ตัว ถ้าแพ้มึงก็ใสหัวออกไปจากโรงเรียนนี้ และอย่ากลับมาให้ เห็นหน้าอีก ”
“ตกลง ถ้าฉันชนะนายก็ห้ามไปวุ่นวายกับจ้าวชิงชิงและ เพื่อนๆคนอื่นอีก และอย่าไปยุ่งกับพี่สะใภ้ฉันด้วย ผมเอ่ยอย่าง ไม่มีทีท่าอ่อนข้อแม้แต่น้อย
เมื่อเฉินห้าวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รู้ว่าตอนนี้ห้ามพวกเราไม่ อยู่แล้ว หากเป็นการรุมเขายังพอพูดอะไรได้บ้าง แต่การท้าดวลตัวต่อตัวเป็นเรื่องของคนสองคน เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างอยากต่อสู้ เขาเองก็ห้ามไม่อยู่แล้ว ได้แต่ถอยออกไปจากตรงกลางระหว่าง พวกเรา
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ที่หนึ่ง จ้องหวังเหล่ยนิ่ง เตรียมพร้อม สำหรับการลงมือตลอดเวลา และในขณะนั้นเอง ในห้องเรียน กลับมีเงาร่างหนึ่งเพิ่มเข้ามา และเงาร่างนี้เอง ที่ได้หยุดการทํา ดวลของเราไว้
“จ้าวชิงชิง? “ผมมองไปยังเงาร่างที่เพิ่งปรากฏขึ้นนั้น รู้สึก ประหลาดใจไม่น้อย จ้าวชิงชิงก็มองตรงมายังผม ดูท่าทางเป็น ห่วงผมไม่น้อย
“พวกนายทําอะไรกันในห้องเรียน ห้องเรียนเป็นที่ที่เรียน หนังสือ ไม่ใช่ที่ที่ชกต่อยกันจ้าวชิงชิงเห็นความไม่ชอบมาพากล คิดจะหยุดการดวลกันระหว่างเรา
“ก็ได้ ในเมื่อน้องชิงชิงเอ่ยปากพูดแล้ว งั้นเราไม่ลงมือกันใน ห้องเรียน พรุ่งนี้ไปกันที่สนามกีฬาเฉินเฉียง ถ้ามึงไม่มาแสดงว่า มึงก็คือไอ้ขี้ขลาด”หวังเหล่ยพูด ก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่
“ตกลง ฉันจะรอนาย”ผมพยักหน้ารับคำท้าไป ก่อนจะหันมา พูดกับเฉินห้าว “เรื่องวันนี้ ฉันขอบใจนายมากนะ”
เฉินห้าวปัดมือเล็กน้อยพลางเอ่ย ไม่เป็นไร เรื่องของนายก็คือ เรื่องของฉัน แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้ เรียบร้อย”
หลังพูดจบเขาก็กลับห้องของเขาไป และทุกคนต่างก็แยกย้ายไปนั่งที่แล้ว
“เฉินเฉียงนายเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้รับปากท้าดวลกับหวัง เหล่ยล่ะ” จ้าวชิงชิงลากผมกลับไปนั่งที่ จากนั้นถามผมด้วย ท่าทางร้อนใจ
“ฉันกับเขาทําไว้แล้ว ก็แค่ฉันชนะ เขาก็จะไม่มาระรานเธอและ เพื่อนๆคนอื่นๆ อีก เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ ฉันต้องชนะแน่
สายตาที่จ้าวชิงชิงมองผมนั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทว่า กลับเป็นเพียงชั่ววูบเท่านั้น ก่อนจะกลับมาสงบเหมือนกันอย่าง รวดเร็ว สิ่งที่มาแทนที่คือสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ต่อให้ เป็นเช่นนี้ นายก็ไม่ควรรับปากเขา หวังเหล่ยชกต่อยมาตั้งแต่ เล็กจนโต นายดวลกับเขาตัวต่อตัวจะชนะได้อย่างไร
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่ฉันมีวิธีรับมือเขา เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอก็ จะรู้เอง เชื่อฉัน ต้องไม่มีอะไรแน่”ผมแสร้งทำท่ามั่นใจและบอก กับเธอ หวังให้เธอสงบลง
จ้าวชิงชิงถอนหายใจอย่างจนใจ เมื่อเห็นผมพูดแบบนี้ ก็คงรู้ แล้วว่าต่อให้พูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์
หลังศึกษาด้วยตัวเองในภาคกลางคืนเรียบร้อยแล้ว ผมกลับ มายังหอพักเพียงลำพัง ขณะที่กำลังจะวางแผนว่าจะรับมือกับ หวังเหล่ยในวันพรุ่งนี้อย่างไรดี ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา พอผม หยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายจากพี่สะใภ้ ผมจึงรีบกดรับสาย
“ฮาโหล พี่สะใภ้ มีอะไรหรือเปล่า”
“เฉินเฉียง ตอนนี้นายอยู่ในหอพักใช่ไหม น้ำเสียงของพื้ สะใภ้ฟังดูมีความกังวลเล็กน้อย
“ใช่ ผมอยู่ที่หอพัก ทำไม มีอะไรหรือเปล่า”ผมถามอย่างเป็น
ห่วง ฟังจากน้ำเสียงของพี่สะใภ้แล้ว ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ “พี่ชายนาย เขามาอีกแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี…”พี่สะใภ้
พูดอย่างหมดหนทาง
“ว่าไงนะ ไอ้หมอนั่นมาก่อกวนอีกแล้วงั้นหรือ พี่รอผมก่อน ผม จะไปหาพี่เดี๋ยวนี้แหละ วางใจเถอะ ต้องไม่เป็นอะไร” ผมเอ่ย ปลอบพี่สะใภ้ไปประโยคหนึ่ง จากนั้นเตรียมตัวเล็กน้อย ก่อนจะ วิ่งออกจากห้องไปทั้งรองเท้าแตะ และตรงไปยังบ้านพักของพี่ สะใภ้ทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ