บทที่ 1 เจ็ดวันหลังแห่งความตาย
ณ จุดสูงสุดของภูเขาจิ๋วโจว ยอดเทียน
หิมะเกล็ดใหญ่ราวกับขนห่านกำลังร่วงหล่นลงมาช้าๆ เข้าปก คลุมโลกทั้งใบ
มหยุนอยู่บนยอดเทียนอันสูงเสียดฟ้า และมองไปยังคนแปด คนที่มีสีผิวต่างกันออกไปอย่างเย็นชา น้ำเสียงเอ่ยกระชับ “ตาย ซะ หรือไสหัวไป”
ลมพัดแรงขึ้น ส่งผลให้หิมะลอยปกคลุมทั่วท้องฟ้า
คนทั้งแปดยังไม่ยอมถอย
“จอมพลหยุน พวกเราต่อสู้กันมาหลายปี นายเป็นยังไงคิดว่า พวกเราไม่รู้งั้นหรือ? วันนี้ในเมื่อมาถึงแล้ว ย่อมต้องได้ข้อสรุป
“ใช่ หากสามารถกำจัดนายได้ ทั่วทั้งจิ๋วโจรีสอร์ต พวกเรายัง ต้องกลัวอะไรอีก?”
“โปรดจอมพลหยุน อย่างกล่าวโทษกัน พวกเราต่างเป็นผู้นำ ได้แต่ต้องกระทำเช่นนี้แล้ว”
มู่หยุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะดังขึ้นกับคำพูดเหล่านั้น
“อดีตอันโสมมยังกล่าวไม่ทันรู้จบ วันนี้กลับโสโครกไร้จุดสิ้น สุด หยุน ยินดีน้อมส่งผู้อาวุโสทั้งหลายสู่ทางตาย
พูดไป สองมือก็กดลง จากนั้นแสงก็หลั่งไหลราวกับมาจากทั่วทั้งลิ่วโจว
การต่อสู้หยุดลงภายในช่างเวลาเพียงไม่ถึงสิบนาที แต่พลังที่
ส่งออกมานั้นกลับกึกก้องสะเทือน จนผู้สูงส่งฝีมือนับไม่ถ้วนถึง กับตัวสั่น ผู้แข็งแกร่งมากมายถึงกับสะท้าน ยอดเทียนทั้งยอดถล่มลงมาทันที คนทั้งแปด ไม่มีผู้ใดรอด
ชีวิต
นับตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่มีใครรู้ว่าจอมพลหยุนแห่งจิ๋วโจวนั้นที่แท้ แล้วแข็งแกร่งถึงขั้นใดกันแน่!
จิ่วโจว อี้โจว เมืองเจียง
เป็นหนึ่งคืนที่ลมหนาวพัดผ่านรุนแรงบาดลึกถึงกระดูก แต่โรง แรมทรงเส็ง ยังคงสว่างไสว แม้กระทั่งอยู่ภายนอกโรงแรมก็ยัง ได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านใน
วันนี้ ประธานของบริษัทต้าเจียงเฉิง ผู้นำของตระกูลและเป็น เจ้าบ้านตระกูลหลี่ หลี่เต๋อเทียน จัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรีสอร์ทเฟิงหยู
มู่หยุนนั่งอยู่ในรถ ในมือกำลังกำหนังสือลาตายที่เต็มไปด้วย คราบน้ำตา
“ลูกแม่ แม่ไปก่อนแล้ว ลูกจะต้องใช้ชีวิตให้ดีๆ เมื่อปีที่แล้ว “เมืองต้าเจียง” ได้สร้างรีสอร์ต โดยใช้มาตรการชดเชยขั้นต่ำสุด 3000 หยวนต่อครัวเรือน ในการเข้าครอบครอง หมู่บ้านตระกูลมู่ ใช้อำนาจข่มขู่ทุกๆ หนทางที่ทำได้ จนท้ายที่สุด ยังใช้รถปราบดินเพื่อรุกล้ำเข้ามาและทำลายหมู่บ้านตระกูล ทั้งหมดลงราบเป็นหน้ากลอง
เพียงชั่วข้ามคืน ชาวบ้านในหมู่บ้านทุกคนสูญเสียห้องของตน
บ้านของตนไป
มู่เหมียนมารดาของมู่หยุนและชาวบ้านที่สนิทชิดเชื้อต่างวิ่ง เต้นไปทั่ว เพื่อร้องขอความยุติธรรม
น่าเสียดายที่ สิ่งที่ได้รับกลับมีเพียงภัยคุกคามและความ รุนแรงมากมาย ชาวบ้านบางคนถึงกับถูกทุบตีจนขาทั้งสองข้าง พิการ แต่ไม่มีสื่อใดกล้ารายงานข่าว อีกทั้งยังไม่มีทนายความ คนใดเต็มใจที่จะเข้ามาปกป้องพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ ท่ามกลางคืนอันหนาวเหน็บ เหมียนที่ไร้ซึ่ง หนทางจะไปต่อจึงได้แต่ทิ้งจดหมายสั่งเสียเอาไว้ และเดินเข้าสู่ ยมโลก
“แม่ ลูกจะต้องล้างแค้นให้แม่ ทำลายตระกูลหลลงให้ ราบคาบอย่างแน่นอน”
ในเวลานี้เอง ชายชราที่กำลังเดินตัวสั่นเทามาตลอดตั้งแต่มุม ถนนเดินไปจนถึงประตูของโรงแรม จากนั้นก็เอ่ยปากพูดอะไร บางอย่างขึ้น
ฉันเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนโบกมืออย่าง กระวนกระวายและขับไล่ชายชราไปข้างๆ
“เป็นลุงฝู”
มู่หยุนจ๋าชายชราได้ เขาคือคนในหมู่บ้านตระกูลมู่ ครั้ง หนึ่งเขาเคยดูแลหยุน เป็นชายชราใจดีมีชื่อเสียง “คุณชาย ฉันไม่ใช่ขอทาน แต่เป็นเจ้านายของคุณที่ติดค้าง
พวกเราอยู่”
ลุงฝูลูบแขนเสื้อที่ขาดวิ่น น้ำเสียงสะอื้นไห้
“ไอ้แก่น รีบไสหัวไป ไม่งั้นฉันจะทุบขาแกซะ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตะคอกใส่ จากนั้นจึงยก กระบองไฟฟ้าในมือขึ้นมา
“ท่านประธานหลีคือคนที่แกจะเจอได้ง่ายๆ หรือไง? ไม่ดูสาร รูปตัวเองบ้าง ถ้ายังไม่ไปอีกอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ
ขณะที่เอ่ยอยู่ ในตอนนั้นเองก็มีชายหนุ่มสวมแว่นขอบทอง บนตัวใส่สูทกำลังเดินออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ในปากเคี้ยวหมาก ฝรั่ง ท่าทางดูทั้งโอ้อวดและเจ้าชู้
“พี่เจียง”
“พี่เจียง สวัสดีครับ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนรีบโค้งคำนับเพื่อ แสดงความเคารพทันที
คน ๆ นี้คือนายพลอันดับหนึ่งของหลี่เต๋อเทียน ผู้มีฉายา หมาบ้า เจียงเทา
เจียงเทาแค่นเสียง จากนั้นจึงพยักคางขึ้นเล็กน้อย “ไอ้หมาแก่ใคร ทำไมมายืนตรงนี้วะ หน้าตาอับโชค
ไม่แหกตาดูบ้างว่าวันนี้วันอะไร หากพวกคนใหญ่คนโตมา เห็นเข้า ได้ถลกหนังหมาพวกแกแน่
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งกระซิบข้างหูเจียงเท่า
“เพียะ” เจียงเทาหลังจากได้ยินก็ยกมือขึ้นตบทันที
“พวกสวะ คนแบบนี้ยังปล่อยไว้อีก? หักขามันแล้วโยนไปบน ทิ้งบนหลุมศพไร้ญาติก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไงวะ”
“ใช่ ๆ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกตบรีบพยักหน้า ทันที จากนั้นจึงหันหน้ามาพร้อมกับสายตาอำมหิต
“ตาแก่ แกรนหาที่ตายเองนะ
“พวกคุณช่วยมีจิตเมตตาหน่อยเถอะนะ” ลุงที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินบทสนทนาแล้วน้ำตาก็คลอเบ้าขึ้นมา
“พวกคุณไม่กลัวฟ้าดินลงโทษหรือไง?”
“ฟ้าดินลงโทษ?”
เจียงเท่าเดินก้าวขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฆ่าคนวาง เพลิงใส่เข็มขัดทอง สร้างสะพานปูถนนกลับไร้หลุมฝังศพ ตาแก่ ฉันจะส่งแกไปเกิดใหม่เร็ว ๆ นี้แหละ”
พูดไปในมือก็ถือมีดเล่มหนึ่ง เตรียมเข้าไปเชือดคอของลุง
เสียง “ตุ๊บ” ดังขึ้น เจียงเทารู้สึกว่าหน้าอกของเขาถูกกระแทก อย่างแรง จนไม่สามารถประคองตัวได้และชนประตูกระจกล้มลง กับพื้น อวัยวะภายในของเขาบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด แต่ กลับไม่เห็นชัดว่าเป็นใครที่โจมตีตน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้สึกว่ามีบางสิ่งวาบขึ้นมา จาก นั้นเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างค่อนข้างสูงโปร่งบุคลิกองอาจ ห้าวหาญ กำลังช่วยประคองลุงผู้ที่ตกใจจนขาอ่อนให้ลุกขึ้นมา
“ลุงฝู ไม่เป็นไรใช่ไหม”
มู่หยุนกล่าวเบา ๆ
“นาย นาย นายคือเสี่ยวหยุน?” ดวงตาที่ขุ่นมัวของลุงมอง ไปที่มหยุน ท่าทางตื่นเต้นอย่างยิ่ง
ดวงตาของมู่หยุนมีน้ำตาคลอ “เป็นเสี่ยวหยุนเอง เสี่ยวหยุนก
ลับมาแล้ว”
ออกรบมาห้าปี คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไป เสียแล้ว ความรู้สึกเกิดขึ้นมาพรั่งพรู
“เสี่ยวหยุน เสี่ยวหยุนเอ๋ย แม่ของนายแขวนคอที่นี่
ลุงพูดอย่างลนลาน นิ้วเหี่ยวเฉาของเขาไปยังด้ามจับด้าม จับโลหะบนกำแพงด้านนอกของประตู ที่นั่นมีเพียงเชือกป่าน หยาบแขวนอยู่
“พวกเขาไร้จิตสํานึก แม่ของนายแขวนคอตาย พวกเขาไม่ แม้แต่จะถาม และปล่อยทิ้งอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ก่อนจะให้คนเอาไปโยนฝังในหลุมศพไร้ญาติ มู่หยุนมองไปที่เชือกและกำหมัดแน่น หนเลือด ต้องชำระด้วยเลือด
ลุงฝน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความโกรธ
ในเวลานี้เอง ในโรงแรมมีกลุ่มคนเดินออกมา โดยนำมาด้วย ชายวัยกลางคน ในวัย 40 ปี เขาสวมชุดสูทราคาแพง ท่าทาง กระฉับกระเฉง เขาก็คือ หลี่เต๋อเทียน เจ้าบ้านตระกูลหลีคน ปัจจุบัน
หลี่เต๋อเทียนเห็นเจียงเท่านอนครวญครางอยู่บนพื้น เขาขมวด คิ้วเล็กน้อยและเดินออกจากประตูมา
“เด็กน้อย ยังเป็นคนหนุ่มเลือดร้อน นายทำอะไรอยู่?” หลีเต
อมองดูมู่หยุนอย่างประเมิน รู้สึกมองเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ออกอยู่
บ้าง”
“มู่หยุน จากหมู่บ้าน
เสียงเย็นเยียบของมู่หยุนตอบกลับไป สายตาของเขาจับจ้อง ไปที่หลี่เต๋อเทียน
“หมู่บ้านมู่?” หลี่เต๋อเทียนตกตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ นึกอะไรบางอย่างได้ และหัวเราะลั่น
“ที่แท้ก็เป็นพวกบ้านเรือนที่ถูกรื้อถอน
พูดไปเขามองไปยังเชือกป่านเส้นใหญ่ที่ยังคงแขวนอยู่บนผนัง
“ทำไม นายก็อยากถูกแขวนอยู่ที่นั่นเหมือนกัน?”
ฝูงชนที่อยู่ด้านหลังหลี่เต๋อเทียนก็หัวเราะขึ้นมาทันที
“เจ้าเด็กนี่ถึงกับกล้ามาหาเรื่องถึงที่นี่ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว สินะ”
“น่าจะอยากได้เงินล่ะมั้ง
“หี เห็นทีพรุ่งนี้บนเชือกนั่นคงต้องแขวนคอคนอีกคนแล้ว หญิงชราครั้งที่แล้วนั่นแขวนไปกี่วันนะ? เกือบหนึ่งเดือนได้มั้ง ฉันจำได้ว่าเนื้อแทบจะเหี่ยวไปหมดแล้วด้วย”
เพื่อเอาใจหลี่เต๋อเทียน ฝูงชนตั้งใจทำให้หยุนต้องอับอาย อย่างไม่ใส่ใจ
“พวกเราเถอะ พวกเราทำอะไรพวกเขาไม่ได้
ลุงฝูเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ จากนั้นจึงรีบดึงหยุนเอาไว้ เขา ตายไปไม่เป็นไร แต่มู่หยุนยังหนุ่มแน่น
บนตัวมู่หยุนแผ่รังสีสังหาร “พวกที่ลบหลู่แม่ฉัน ตายสถาน เดียว!”
ฝูงชนหัวเราะขึ้นดังลั่น
“ที่แท้ก็เป็นลูกชายของเบคอนชิ้นนั้นนี่เอง
หลี่เต๋อเทียนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หยุนอย่างดูถูก
“ให้เวลานายฝากข้อความลาตายเอาไว้ซะนายคิดจะแบล็ก เมล์เอาเงิน หรือคิดจะเป็นเหมือนแม่ของนาย ถูกแขวนอยู่บน นั้น?”
ในเวลานี้เอง หลี่เวยลูกชายของหลี่เต๋อเทียนก็เดินออกมาจาก ฝูงชน
“พ่อ จะมาเสียเวลาพูดกับมันทำไม ฆ่ามันแล้วโยนมันไปที่
หลุมศพก็จบแล้ว”
สีหน้าของมู่หยุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป เขาเอ่ยเสียงเข้ม “เจ็ดวัน เจ็ดวันหลังจากนี้ เป็นวันครบรอบวันตายหนึ่งปีของแม่ ฉัน วันนี้ ฉันต้องการให้พวกแกสำนึกผิด คุกเข่าต่อหน้าหลุมศพ ของเธอซะ ไม่งั้น ตระกูลหลี่ จะราบเป็นหน้ากลอง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ