บทที่ 4ก้จิ๋วคือไม่ใช่ของไร้ค่า
“ไปทำบ้าบอที่ไหนมาอีก? งานสำคัญ แต่มาสายขนาดนี้ ไม่ เข้าท่า!”
กู้จิ๋วฉือยังไม่ทันได้ยืดตัวขึ้นตรง เสียงตำหนิของกู้ชิงหยวน
เป็นพ่อ ที่อยู่ด้านข้างก็ลอยเข้ามา
ได้ฟังอย่างนี้กู้จิ๋วฉือจึงขมวดคิ้วแน่น มองทั้งสามคนที่ยืนอยู่ ใกล้ๆ
โค้วยู่นเอ๋อกับแม่ของเธอโซวหรง ยืนอยู่ข้างกายของพ่อกู้ซึ่ง หยวนทั้งซ้ายและขวา สนิทสนมราวกับพวกเขาเป็นครอบครัว เดียวกัน
ตั้งแต่หลังจากแม่ของเธอจากไป โค้วนเอ๋อกับแม่จึงถือเอา คำสั่งเสียของแม่เข้ามาอยู่ในตระกูล หลอกล่อเธอจนเกิดความ หายนะไม่หยุดหย่อน
ในสายตาของผู้เป็นพ่อกู้ชิงหยวนเธอเปลี่ยนเป็นตัวปัญหาที่ รู้จักแต่สร้างความหายนะเท่านั้น เขาคนเดียวไม่สามารถอบรม ลูกสาวที่เหลวแหลกให้ดีได้
ความเป็นเฉยและคำตำหนิของเขา ทำให้จิ๋วฉือได้รับความ รักความเอ็นดูจากพ่อน้อยลงเรื่อยๆ จึงทำให้โค้วยู่นเอ๋อกับแม่ ของเธอคนที่สร้างความหายนะ กลายเป็นคนในครอบครัวที่สนิท สนมที่สุด!
“คุณลุงคะ อย่าตำหนิอาถือเลยค่ะ อาถือคงไปเตรียมของขวัญ ให้คุณปู่ฮั่วอยู่แน่ๆเลยค่ะถึงได้มาสาย ใช่ไหมอาฉือ? ”
กู้จิ๋วคือกำลังจะเอ่ยปาก แต่จู่ๆเสียงหวานๆ ของโค้วยู่นเอ๋อก็ ดังขึ้นมา
เสียงที่ไพเราะนี้ช่างเหมาะสมกับหน้าตาจริงๆ ใบหน้าที่ว่า นอนสอนง่ายไม่มีพิษภัย ใครๆก็คงไม่ได้ระวังตัวจากเธอ ใครๆก็ คงไม่เชื่อว่าภายใต้ใบหน้านี้ จะเป็นคนที่ใจดำอำมหิต
กู้จิ๋ว ออดกลั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ไม่ได้ฉีกปากของ
โค้วยู่นเอ๋อทันที
“ใช่สิคะ อาฉือของพวกเรารู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ฮั่ว ก็ ต้องตั้งใจตระเตรียมของขวัญมาเป็นอย่างดีแน่ๆ ไม่งั้นงาน สำคัญขนาดนี้ จะมาสายได้ยังไง?
แม่ของโค้วยู่นเอ๋อ น้าของจิ๋วคือโชวผู้ทรงอธิบายตามคำพูด ของลูกสาว
กู้จิ๋วคือมองสองแม่ลูกที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วยสายตาไม่ เป็นมิตร เธอมาถึงตรงเวลา แต่ตอนนี้กลับโดนสองแม่ลูก ยัดเยียดว่ามาสายเสีย
ได้
ดูแล้วที่สองแม่ลูกช่วยเธอแก้ปัญหา ความเป็นจริงจะใช้ เล่ห์เหลี่ยมอื่นกับเธออีกล่ะสิ ช่างเป็นแผนการที่แยบยลนักนะ!
ก่อนหน้านี้เธอคิดแค่จะทำลายงานหมั้น จะเตรียมของขวัญให้คุณปู่ฮั่วได้อย่างไร?
“อาจอ รีบเอาของขวัญออกมาสิจ๊ะ?”
อย่างที่คิดไว้แล้วโซวผู้ทรงยิ้มกว้างพูดประโยคนี้ออกมา
กู้จิ๋ว ออยากจะพูดอะไรหน่อย แต่โค้วนเอ๋อก็เอ่ยปากตัดบท เธอได้อย่างแม่นยำ
“อาถือคงอยากทำให้คุณปู่ฮั่วประหลาดใจสินะ! เอางี้ พี่ให้
ของพี่ก่อนแล้วกัน”
โค้วยู่นเอ๋อหยิบกล่องสวยๆกล่องหนึ่งออกมาราวกับแสดง มายากล เดินไปเปิดกล่องต่อหน้าท่านฮั่ว
“คุณปู่ฮั่ว ได้ยินว่าคุณชอบเก็บสะสมไปป์ นี่เป็นหินโมราที่
หนูตามหามานานมาก ขัดจนเกลี้ยงเกลาเปลี่ยนเป็นไปค่ะ คุณ
ปู่ลองดูว่าชอบไหมคะ?”
ท่านปู่ฮั่วคลั่งไคล้ในการเก็บสะสมไปป์ เมื่อได้เห็นไปเขาก็ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิบมาเล่น
“ใส่ใจดีจังเลยนะ”
ท่านปู่ฮั่วดวงตาเป็นประกาย พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ คุณแม่ยั่วที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็มองโค้วยู่นเอ๋อด้วยความพอใจเช่น กัน
“ฉันว่าแม่หนูคนนี้ เฉลียวฉลาดจริงๆ
“ควรทําอยู่แล้วค่ะ”
โค้วยู่นเอ๋อตอบรับอย่างถ่อมตัว แล้วถอยไปอยู่ด้านข้าง แต่ครั้งนี้ ในที่สุดจิ๋วถือก็ไม่พลาดที่จะได้เห็นสายตาที่ กระหยิ่มยิ้มย่องของเธอ
โค้วยู่นเอ๋อแสร้งทําเป็นช่วยตนเองแก้ปัญหา แล้วหยิบของ ขวัญที่เธอตั้งใจเตรียมเอาไว้ออกมา เพื่อให้ได้รับความ โปรดปรานและคำชื่นชมจากผู้ใหญ่ของตระกูลถั่ว แล้วต่อด้วย ตนเองที่เป็นนางเอกของงานหมั้นนี้ เนื่องจากไม่มีของขวัญ ภาพ ลักษณ์ในใจของผู้ใหญ่ตระกูลถั่วก็ต้องถดถอยลงอย่างรวดเร็ว
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เป็นกลยุทธ์ที่ดีจริงๆ แต่ขอโทษนะ ชาตินี้ ฉันจะไม่ให้เธอสมหวังหรอก “คุณปู่ฮั่ว ตอนนี้ถึงตาฉันให้ของขวัญแล้วนะคะ!
กู้จิ๋วอยิ้มกว้างแล้วเอ่ยปากขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็น สายตาตกตะลึงของ โค้วยู่นเอ๋อ แล้วยังท่าทางหน้าตาตื่นของ โซวฝูหรงอีก
“ของขวัญของอาฉือปูต้องชอบอยู่แล้ว รีบเอาออกมาให้ดู เร็ว!”
คุณปู่ฮั่วรีบพูดอย่างสนอกสนใจ ความสนใจของทั้งสอง ตระกูลก็เคลื่อนจากโค้วนเอื้อมาบนร่างของเธออย่างรวดเร็ว
“ของขวัญชิ้นนี้ หนูกับพี่เช่อตั้งใจเตรียมไว้ให้คุณปู่ด้วยกันเธอค่อยๆเอ่ยปาก เป็นฝ่ายเดินไปที่ข้างกายของฮั่วหมิงเชื่อ แล้วคล้องแขนของเขา
ชั่วพริบตา เธอรู้สึกได้ถึงร่างกายที่เกร็งตึงของฝ่ายชายขึ้นมา ทันที แล้วยังมีสายตาที่กำลังสืบเสาะค้นหาอีกด้วย……..
“เธอสองคนเตรียมด้วยกัน?”
ไม่เพียงสายตาที่กำลังค้นหาของฮั่วหมิงเชื่อเท่านั้น แม้แต่ผู้ ใหญ่ของฮั่วทั้งสองตระกูลต่างก็ตกใจ คุณแม่ยั่วถึงกับออกปาก ถามตรงๆทันที
กู้จิ๋วฉือสามารถเข้าใจได้ ชาติที่แล้วตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าตนเองต้อง แต่งงานกับฮั่วหมิงเช่อ เธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบ ฮั่วหมิงเซ่อ หลบฮั่วหมิงเชื่ออยู่ทุกวัน เป็นไปได้อย่างไรที่จะ เตรียมของขวัญด้วยกัน
“ใช่ค่ะ!”
กู้จิ๋วฉือพูดเหลวไหลอย่างจริงจัง แล้วดึงแขนของฮั่วหมิงเชื่อ แต่ฝ่ายชายกลับไม่ขยับเขยื้อนเลย
“พี่เชอ~”
กู้จิ๋วฉือเรียกเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ สายตาที่เย็นชาของฝ่ายชาย หยุดอยู่บนใบหน้าของเธอครู่หนึ่งแล้วจึงเคลื่อนไหว ในใจของ เธอคลายกังวลลงได้ เหงื่อเย็นๆ ผุดเต็มหลังไปหมดแล้ว ครั้งนี้ เธอต้องเสี่ยงจริงๆ! แต่ทว่า ในที่สุดก็ดึงเขาให้เดินมาได้
เธอกําลังลากเขา ผ่านแขกผู้มีเกียรติ เดินไปทางวงซิมโฟนีที่ อยู่อีกด้านของห้องโถง การเคลื่อนไหวอย่างนี้ทำให้แขกผู้มี เกียรติพากันตกตะลึงไปตามๆกัน
“เธอจะทําอะไรน่ะ? หรือว่าจะเล่นเปียโน?”
“กู้จิ๋วถือเป็นแค่ลูกผู้ดีที่ไร้ค่าไม่ใช่เหรอ? เธอจะเล่นเครื่อง ดนตรีได้ยังไง?”
ได้รับสายตาที่สงสัยจากทุกคน แต่จิ๋วถือกลับไม่สะทก สะท้าน เธอปล่อยแขนของฮั่วหมิงเชื่อ แล้วถือไวโอลินขึ้นมาจาก ในมือของนักดนตรี
“ยังจำอันนี้ได้อยู่ไหม?”
กู้จิ๋วฉือหันไปมองฮั่วหมิงเซ่อ แล้วสีทำนองเพลงท่อนหนึ่ง
“จําได้”
สายตาของฮั่วหมิงเชื่อเปลี่ยนแปลงทันที ถึงกับเป็นฝ่ายเดิน เข้าไปนั่งลงข้างๆเปียโน แสงไฟอ่อนๆ คลุมอยู่บนร่างของเขา เขาจ้องมองเธอที่ด้านข้าง สายตาที่ส่งมาทำให้เธอรู้สึกกดดันจน หายใจไม่ออก ในสายตาเย็นชาไม่นึกว่าจะมีความอ่อนโยนขึ้น มาได้
เจ้าชายสุดที่รักในนิทาน ก็คงไม่เกินจริง
ใจของกู้จิ๋วฉือเต้นแรงขึ้นมา เธอควบคุมความตื่นเต้นในใจ แล้วโค้งคำนับให้คุณปู่ฮั่วที่อยู่บนระเบียงชั้นสองอย่างสง่างาม บรรเลงเพลงที่มีพลังด้วยท่าทางที่คุ้นเคย
หลังจากนั้นห้าวินาที ทั้งสิบนิ้วของถั่วหมิงเซอเริ่มพลิ้วไหว เสียงเปียโนที่ทุ้มต่ำแต่มีพลัง เข้ากันโดยปริยาย
เสียงเปียโนที่แพร่ออกไปอย่างก้องกังวาน บางครั้งเต็มไป ด้วยความยิ่งใหญ่เกรียงไกร บางครั้งนุ่มนวลอ่อนโยน ล่องลอย หวานชื่นอยู่ในใจของกันและกัน บางครั้งเศร้าเสียใจแต่กลับ คลุกเคล้าไปด้วยความฮึกเหิม แฝงไปด้วยการปลดปล่อยในช่วง
ท้ายของชีวิตคนเรา
ก็เหมือนกับคนๆหนึ่งที่เริ่มตั้งแต่อายุน้อยค่อยๆเดินไปจนถึง วัยไม้ใกล้ฝั่ง แต่ความรู้สึกกลับไม่แปรเปลี่ยนไป
เหล่าแขกผู้มีเกียรติก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก บ้างก็เมามายบ้าง ก็ฟังการแสดงที่ไม่แพ้ให้กับมืออาชีพอย่างเงียบๆ
บนระเบียงชั้นสอง นอกจากสองแม่ลูก โค้วนเอ๋อกับโซวฝูห รง ท่าทางของคนอื่นค่อยๆเปลี่ยนไป พ่อของจิ๋วฉือ แม้แต่พ่อ แม่ของฮั่วหมิงเอ ต่างก็ถอนใจ มองไปที่สองคนนั้นด้วยสายตา ซับซ้อน
ท่านปู่ฮั่วยิ่งตั้งใจดูการแสดงของทั้งสองคน มีความคิดถึงที่ไม่ เคยจางหายไป
กู้จิ๋วฉือจมลงไปในบทเพลง สายตาเลอะเลือนขึ้นมาอย่างอด ไม่ได้ นี่เป็นการเล่นดนตรีระหว่างเธอกับฮั่วหมิงเซ่ออีกครั้งหลัง จากห่างหายไปถึงเก้าปี
และบทเพลงที่เธอกับฮั่วหมิงเชือกำลังบรรเลงอยู่นั้น คุณยาย ฮั่วเป็นคนเขียนทำนอง ส่วนคนที่เขียนเนื้อร้อง…….กลับเป็นคุณปู่ชั่วที่อายุยืนยาวในวันนี้
บทเพลงนี้เป็นหลักฐานความรักของทั้งสองคน แล้วก็เป็นคำ อวยพรที่คนแก่ทั้งสองคนมอบให้เธอและถั่วหมิงเชื่อในอนาคต
เพียงแค่ตอนนั้นกู้จิ๋วคือเด็กเกินไป เด็กเกินกว่าที่จะรู้จักความ รัก เวลาที่ผ่านพ้นมาสุดท้ายแล้วก็ทำให้ผิดหวัง
วันนี้ เธอมอบเพลงนี้ให้กับคุณปู่ฮั่ว แล้วก็มอบให้ตัวเธอเอง
ฮั่วหมิงเช่อ ชีวิตนี้ ฉันจะไม่ทำให้ผิดหวังอีกแล้ว!
บรรเลงเพลงจบแล้ว บนใบหน้าของจิ๋วอเต็มไปด้วยหยด น้ำตา คิดไม่ถึงว่าห่างหายไปตั้งเก้าปี แล้วทั้งสองคนก็ไม่เคย ซ้อมด้วยกันอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่นึกว่าจะเข้ากันได้ดีอย่างนี้
“พี่เล่นได้ดีมากๆ”
กู้จิ๋วฉือชื่นชมออกมาด้วยสายตาที่เลอะเลือน ฝ่ายชายจึง ค่อยๆเข้ามาใกล้ เขายื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาของเธออย่างไม่คุ้น เคย ริมฝีปากบางๆพูดออกมาสองคำ
“ไม่ร้อง”
กู้จิ๋วฉือจ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง ไม่นึกว่าเธอจะไม่ ขัดขืนการสัมผัสของเขา?
“ดี! ดี! ดี! ของขวัญชิ้นนี้ปูชอบมาก!”
คุณปู่ฮั่วตื่นเต้นจนพูดว่า “ดี” ออกมาถึงสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าถูกอกถูกใจของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ขนาดไหน
กู้จิ๋วถือวางไวโอลินลง ยิ้มทั้งน้ำตา : “คุณปู่ฮั่ว ก่อนหน้านี้ คุณย่าบอกให้คุณปู่ดูแลตัวเองให้ดี ดื่มเหล้าให้น้อยลงสูบบุหรี่ ให้น้อยลง จําได้ไหมคะ?”
“จ๋าได้ๆ! ไม่สูบแล้ว!”
ท่านปู่ฮั่วรีบทิ้งไปป์ในมือไปอยู่ในกล่องอย่างไม่ชอบทันที ไม่ สนใจอีก
กู้จิ๋วอยิ้มบางๆ ชำเลืองมองโค้วนเอ๋อที่อยู่ตรงมุม ใบหน้าแสนดีไม่มีพิษภัยเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแล้วล่ะ
“เจ้าเด็กน้อยสองคนนี้! ทำให้คนแก่อย่างทั้งโมโหทั้งเอ็นดู จริงๆนะ!”
คุณปู่ฮั่วยิ้มกว้างเดินลงบันไดมา จูงมือของทั้งสองคนเอาไว้
“ทุกคน วันนี้เป็นวันดีที่ฉันอายุเจ็ดสิบ แต่คนแก่อย่างฉันยังมี ข่าวดีที่สำคัญยิ่งกว่าอีกหนึ่งเรื่องที่อยากประกาศ……
ใจของกู้จิ๋วฉือเต้นตึกตักๆๆอย่างบ้าคลั่ง เรื่องนั้น ในที่สุดก็มา แล้ว!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ