บทที่ 12 อย่าแสดงความรักต่อหน้าสุนัขตัวเดียว
บทที่ 12 อย่าแสดงความรักต่อหน้าสุนัขตัวเดียว
“คนของบ้านตระกูลเห้อย่อมต้องมีหมอประจำตระกูลอยู่ แล้ว และถึงแม้ว่าหมอประจำตระกูลจะไม่สามารถจัดการ ได้ เขาก็สามารถหากุมารแพทย์มืออาชีพได้ ทำไมเขาถึง ต้องให้ลูกไปดูแลด้วย”
เฉียวเยว่เพิ่งอ้าปากและพบว่าเธอไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
เธอคุ้นเคยกับเสี่ยวเป่า และเสี่ยวเป่ายึดติดในตัวเธอ มากเกินไป
เห้ออี้ล้วบอกว่าเสี่ยวเป่ายอมให้แค่เธอสัมผัสตัวเขา แต่ เธอไม่เห็นด้วยตาของเธอเอง เธอไม่รู้ว่าคำพูดของเขา จริงหรือไม่ เห้ออี้ลั่วใช้วิธีการรุกแบบนี้ เธอเองก็ไม่เข้าใจ ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องการอธิบายให้พ่อแม่ของเธอฟัง
เฉียวไห่ซิงและลั่วหมิงเม่ยสบตากัน ลั่วหมิงเม่ยพูดเบา ๆ ว่า
“ลูกรัก พ่อแม่ไม่ได้ตำหนิลูกนะ เราแค่อยากให้ลูกเข้าใจ ว่า สถานะทางครอบครัวของลูกกับเห้ออี้ถั่วแตกต่างกัน มาก หากลูกคบกับเห้ออี้ลั่วอาจจะต้องรู้สึกเสียใจมากภายหลัง ถึงตอนนั้นพ่อกับแม่ก็ไม่มีวิธีที่จะ ช่วยลูกได้ ลูกต้องแบกรับมันไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น พวก เราไม่อยากให้ลูกต้องเจอกับสถานการณ์แบบนั้น”
เฉียวเยว่เมิ่งแกล้งทำเป็นหัวเราะและพูดว่า “แม่กับพ่อ คิดไปถึงไหนเนี่ย ฉันเพิ่งจะพบกับเห้ออี้ลั่วแค่สองสาม ครั้งเองแล้วฉันก็ไม่ได้สนิทกับเขา ถ้าฉันจะตกหลุมรัก และแต่งงานกับใครสักคน ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือก ผู้ชายที่มีลูกแล้ว แม้ว่าเขาจะหล่อและรวยก็ตาม”
“ถ้าลูกคิดอย่างนั้น แม่ก็โล่งใจ” ลั่วหมิงเม่ยถอนหายใจ ด้วยความโล่งใจ
“แม้ว่าครอบครัวของเราจะไม่มีเงินมาก แต่ก็ไม่ได้ขัดสน และแม่ก็สามารถทำให้ลูกรักของแม่ไม่ต้องกังวลอะไร เพียงแค่หาคนที่ลูกอยากแต่งงานด้วยก็พอ”
“คุณนายลั่ว คุณพูดได้อย่างน่ารังเกียจมาก ฉันฟังแล้ว ขนลุกไปหมด”
ลั่วหมิงเม่ยเอนตัวลงบนไหล่ของเฉียวไห่ซิงด้วยสีหน้า เศร้าสลดและพูดอย่างกระเป๋ากระงอดว่า
“สามี คนบางคนเกลียดฉัน”
เฉียวเยว่เพิ่งกลอกตาไปมา “สองคนนี้นี่ โปรดดูแลสัตว์เลี้ยงให้ทั่วถึงอย่าแสดงความรักต่อหน้าสุนัขตัวเดียว”
“ก็แค่หยอกเล่น
เฉียวเยว่เมิง …
ครอบครัวทานอาหารค่ำด้วยกันอย่างมีความสุข เฉียว เยว่เพิ่งนั่งคุยกับแม่และพ่อของเธอต่ออีกสักพักในห้องนั่ง เล่นที่ชั้นหนึ่ง จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบนกลับไปที่ห้องของเธอ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำ
เมื่อเฉียวเยว่เพิ่งออกจากห้องน้ำมาก็สังเกตเห็นว่าแสง ของโทรศัพท์มือถือที่ถูกโยนไว้บนเตียงกำลังกระพริบอยู่ เฉียวเยว่เพิ่งมานอนบนเตียงและเปิดโทรศัพท์มือถือของ เธอดู
บนหน้าจอปรากฏข้อความส่วนตัวจากโปรแกรมวีแชท ของหยางเสว่หลินและเสี่ยวอัน
เฉียวเยว่เมิ่งมองดูเครื่องหมายอัศเจรีย์เต็มหน้าจอของ เสี่ยวอันแล้วเพิกเฉยโดยอัตโนมัติ แต่เปิดดูข้อความส่วน ตัวของหยางเสว่หลิน
“เมิ่งเมิ่ง สถานการณ์ระหว่างเธอกับเหออี้ลั่วคืออะไร คงจะไม่คิดจะไปแย่งชิงกับผู้หญิงร้ายกาจสองคนนั้น อย่างโจวจื่อหยางกับเย่ชิงจริงๆใช่ไหม คิดให้ดีนะ เห้ออี้ลั่วเป็นคนที่มีลูกแล้ว และบางทีเขาอาจจะยังไม่หย่า กันก็ได้”
เฉียวเยว่าเพิ่งอ่านข้อความแล้วตอบว่า: เมื่อก่อนเธอไม่ ได้พูดแบบนี้นี่นา
เสว่หลิน: เมื่อก่อนฉันก็แค่มองอย่างชื่นชม โดยดูจาก หน้าตา ประวัติครอบครัว
และฐานะทางการเงิน แต่มันไม่เหมือนกันในกรณีที่เธอ จะคบกับเขา
เมิ่งเมิ่ง: ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา อย่าเดาไปเรื่อย เปื่อย และอย่าเอาไปนินทากับคนอื่นในโรงพยาบาล
เสว่หลิน: ตอนนี้ที่โรงพยาบาลมีแต่เรื่องซุบซิบระหว่าง
เธอกับเห้ออี้ลั่ว
การบรรยายครั้งก่อนของศาสตราจารย์หลิน เขาก็มาส่ง
เธอที่โรงพยาบาลด้วย
เห้ออี้ลั่วพูดต่อหน้าหลาย ๆ คนว่าคุณเป็นคู่หมั้นของเข มีอะไรแบบนั้นมั้ย
เสี่ยวเยว่เมิ่ง ฉันคิดว่าเห้ออี้ลั่วกำลังตามจีบเธออยู่
เฉียวเยว่เพิ่งอ่านข้อความยาวเหยียดของหยางเสว่หลิน เธอชะงักปลายนิ้วไปชั่วครู่ แล้วตอบว่า
อย่าเชื่อเรื่องซุบซิบ
เสว่หลิน: ก็ได้ ฉันจะเชื่อเธอ
เฉียวเยว่เมิ่งหมดเรื่องจะพูด : ฉันพักผ่อนก่อนนะ จาก นั้นก็วางโทรศัพท์ลง
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ที่เธอจะต้องเผชิญในวันพรุ่งนี้ เธอก็รู้สึกปวดหัวอยู่พักหนึ่ง
จนถึงตอนนี้ เธอและเห้ออี้ลั่วเป็นเพียงคนสองคนที่ไม่ สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้
เพราะมันจะกระทบกับทั้งชีวิตและหน้าที่การงานของ
เธอ
วันรุ่งขึ้น เฉียวเยว่เพิ่งรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่ กำลังจ้องมองเธอ ทันทีที่เข้ามาในโรงพยาบาลก็มีเสียง กระซิบกระซาบกันอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเธอเดินผ่านเสียง สนทนาพร้อมใจกันหยุดลงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินเข้าไปใน ออฟฟิศด้วยใบหน้าที่เย็นชา
นอกจากเสี่ยวอันแล้วในออฟฟิศของเธอยังมีผู้หญิงอีก สองคนที่มาจากแผนกอื่น ๆ ในโรงพยาบาล หนึ่งในนั้นคือ ดอกไม้งามของโรงพยาบาล หูเมิ่งฉี
หูเมิ่งฉีนัยน์ตาแดงก่ำ พูดจากล่าวหาได้อย่างน่าตกใจ
“เฉียวเยว่เมิ่ง เธอกล้าแย่งคนของฉันได้ยังไง” เฉียวเยว่เมิ่งพูดไม่ออก ตอบอย่างไม่ได้คิดจะเอาใจ
“คุณหมอหูคุณควรมีเหตุผลมากกว่านี้ ฉันไม่ได้มีส่วน เกี่ยวข้องกับเห้ออี้ลัว อย่าเพิ่งตกใจไป เขายังเป็นของ คุณ” แทนที่จะรู้สึกสบายใจกับคำพูดของเฉียวเยว่เมิ่ง หู เพิ่งฉีกลับรู้สึกตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น
“น้อยๆหน่อย เธอคิดจะสู้กับฉันเหรอ ผู้คนในโรง พยาบาลต่างก็รู้ว่าฉันชอบเห้ออี้ลั่ว ทำไมเธอถึงยังไป ทำตัวสนิทสนมกับเขาอีก”
“ครั้งหน้าฉันจะบอกให้เขาไปหาคุณ”
หูเมิ่งฉีเกือบจะถ่มน้ำลายใส่คำพูดยั่วยุของเฉียวเยว่เมิ่ง
“เฉียวเยว่เมิ่ง เธอ เธอกล้ามาก” หลังจากนั้นเธอก็หมุน ตัวแล้ววิ่งหนีไป
เฉียวเยว่เมิ่งรู้สึกสับสนงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองไปที่เสี่ยวอัน
“นั่นคือสิ่งที่เธอทำได้ในฐานะผู้ช่วยของฉันงั้นเหรอ”
เสี่ยวอันพูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน”
“ถ้าเธออยากรู้อยากเห็นนัก ครั้งหน้าฉันจะสั่งย้ายเธอ” เสี่ยวอันสลดลงไปในทันที
เฉียวเยว่เมิ่งไม่สนใจเธออีก เธอสวมเสื้อกาวน์สีขาวเพื่อ
จะไปออกตรวจ
หลายวันต่อมา เฉียวเยว่เพิ่งต้องทนอยู่ท่ามกลาง ความเศร้าโศกของเพื่อนร่วมงานและผู้ป่วยหญิงในโรง พยาบาลจนเธอไม่อยากไปทำงาน
แต่เมื่อสายตาของคนเหล่านั้นค่อยๆลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ก็มีคนหนึ่งคนปรากฏตัวขึ้น
ส่งผลให้ทุกคนส่งสายตามาที่เธอมากขึ้นอย่าง กระตือรือร้นที่จะฆ่าเธอด้วยดวงตาของพวกเขา
คนๆนั้นก็คือพ่อบ้านของเห้ออี้ลั่ว
คุณพ่อบ้านดูเป็นสุภาพบุรุษ แต่งกายด้วยชุดสูทสไตล์ อังกฤษแบบสวมใส่สบายและดูสง่างาม ทันทีที่เขาปรากฏ ตัวขึ้นในโรงพยาบาลก็ทำให้เกิดผลกระทบตามมาสูงมาก ทุกคนตามเขาไปที่ออฟฟิศของเฉียวเยว่เพิ่ง
เฉียวเยว่เพิ่งกำลังให้คำปรึกษากับผู้ป่วย เมื่อเธอเห็น เหตุการณ์นี้ เธอก็เบ้ปากและรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจไปชั่ว ขณะ แต่บนใบหน้าของเธอก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจ ใด ๆ เธอพูดกับผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับการตรวจด้วยน้ำเสียง อบอุ่นว่า
“คนอายุมากแล้วระบบทางเดินอาหารไม่สามารถ ซ่อมแซมได้เหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กและค่อนข้างอ่อน ไหวต่อความเสียหาย นี่เป็นสถานการณ์ที่พบได้บ่อยมาก ดังนั้นอย่ากังวลมากเกินไป หมอจะสั่งยาให้คุณสามวัน เพื่อรอดูอาการ ถ้าไม่ดีขึ้น ค่อยทำการตรวจเพิ่มเติม”
“ได้ได้ได้ ขอบคุณคุณหมอเฉียวมาก”
เฉียวเยว่เมิ่งเขียนชื่อยาลงในสมุดบันทึกประจำตัวของผู้ ป่วยแล้วส่งสมุดบันทึกคืนไปยังผู้ป่วย
“เสี่ยวอัน คุณพาผู้ป่วยไปห้องการเงินและรับยา”
“อ้อ” เสี่ยวอันไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเธอกำลังจะ พลาดเรื่องน่าตื่นเต้น แต่เธอก็ยังคงเชื่อฟังพาผู้ป่วยออก จากออฟฟิศของเฉียวเยว่เมิ่ง
หลังจากที่ผู้ป่วยออกไป พ่อบ้านก็พูดขึ้นว่า “คุณเฉียว นายน้อยของฉันให้มาเชิญคุณไปพบ”
“ขอโทษนะ ฉันยังทำงานอยู่”
“คุณเพิ่งหมดเวลาทำงานไปเมื่อห้านาทีก่อน” เฉียวเยว่ เมิ่งเงยหน้าขึ้นมองดูพ่อบ้านด้วยความไม่พอใจ
พ่อบ้านยังคงมองไปที่เฉียวเยว่เมิ่งด้วยรอยยิ้ม อย่างไม่ คิดที่จะประนีประนอมหรือยอมแพ้
เฉียวเยว่เมิ่งเหลือบมองไปที่ฝูงชนที่สอดรู้สอดเห็นที่พา กันยืนอออยู่เต็มหน้าออฟฟิศ
“ไปกันเถอะ”ให้คุณเดียว”
เฉียวเยวเมื่อไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ