Family เรามาสร้างครอบครัวกัน

ตอนที่9 ลูกของเขางั้นหรอ



ตอนที่9 ลูกของเขางั้นหรอ

ตอนที่9 ลูกของเขางั้นหรอ

“ฉันได้ยินมาว่าไอ้เด็กไม่มีพ่อน่ะ มันหาฟอเจอละหรอ ? “เสียงที่ ส่งผ่านโทรศัพท์ยังไม่สามารถปกปิดเสียงสูงของลันตาได้

“จะว่าอะไรก็ว่ามาเถอะ” ญาอี้พูดอย่างเย็นชา

ลันตาตะคอกและวางท่าว่า “ฉันจะให้แกสิบล้านแล้วพาลูกชาย ราคาถูกผู้ต่ำต้อยของแกไปต่างประเทศให้ฉัน เพียงแค่แกไม่กลับ ตลอดไปน่ะ ฉันจะให้แกปีละล้าน

ญาอี้ยิ้มกริ่มแล้วพูดว่า “โทษทีนะ ฉันไม่สนหรอกย่ะ”

ลันตาพูดออกไปอย่างไม่พอใจว่า: “นังญาอี๋ แกอย่ามาหน้าด้าน ถ้าแกยังมารบกวนฉันแล้วล่ะก็ฉันจะทำลายชื่อเสียงของแกและ แกจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเจอผู้คนอีกตลอดชีวิต !”

ยา ยกมุมปาก ญา พูดด้วยเสียงแผ่วเบาแต่เป็นเสียงที่กล้า หาญ “ประโยคนี้ฉันจะคืนให้แกทุกคำ นังลันตา แกเลียนแบบงาน ของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่ หกปีที่ผ่านมาแกติดหนี้ฉัน แก ต้องชดใช้หนี้ให้ฉัน !”
“นังญาอี้ !” ลันตากรีดร้องเสียงแหลมอยู่ในสายโทรศัพท์อีกฝั่ง

ญาอี้ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเธอ เลยวางหูโทรศัพท์ลงแล้ว ปิดมันทิ้ง

เมื่อได้ยินเสียงตุ๊ดตู้ดอย่างดังของอีกสาย ลันตาก็โกรธมากจน เธอฟาดโทรศัพท์ลง แล้วยังรู้สึกไม่หายโกรธจึงจับของที่ออฟ ฟิศฟาดอย่างรุนแรง

นังสารเลว!!!

กล้าใส่อารมณ์กับเธอ !

รอก่อนนะ คราวนี้เธอจะเหยียบย่ำหล่อนลงไปคลนอย่าง รุนแรง เพื่อที่มันจะไม่มีโอกาสโงหัวขึ้นมาได้

“ของที่ฉันต้องการพร้อมหรือยัง ?” ลันตาถามผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ “ฉันจะให้โทษฐานที่นั่งญาอี้ลอกเลียนแบบงานไม่มีวันล้างให้ สะอาดได้ตลอดชีวิต !

“คณลันตาไว้ใจได้เลยค่ะ ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว”

ลันตารู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เมื่อคิดภาพที่นังญาอี้ถูกเธอบดขยี้ก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ยและโหดเหี้ยม

เธอหันหัวกลับแล้วโทรหาประยงด้วยเสียงอันอ่อนโยนผ่าน โทรศัพท์เกี่ยวกับการออกไปรับประทานอาหารค่ำกับเขา

และตอนนี้ประยงจ้องมองไปที่เอกสารที่อยู่ในออฟฟิศ ทั้งหมด นั้นเป็นข้อมูลตลอดระยะเวลา 26 ปี ของญา

เมื่อโทรศัพท์มนต์สั่น หน้าจอโทรศัพท์แสดงการโทรมาของลัน

ตา

คิ้วของประยงบิดเล็กน้อย สายตามองลงไปที่พื้นด้วยความ รวดเร็วอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่ลังเลที่จะวางสายโทรศัพท์ไปดื้อๆ

ลันตาถูกวางสายโทรศัพท์อีกครั้ง ทั้งตัวคนก็ตะลึง

แม้ว่าบางครั้งประยงจะใจร้อนกับเธอแต่เขาก็ไม่เคยวางสายเธอ เลยสักครั้ง……..

เธอดื้อรั้นไม่ยอมแพ้ ลันตาโทรออกไปอีกครั้ง

ดวงตาที่แสดงออกถึงการเป็นทุกข์ของประยงมีสีเข้มข้นมากยิ่ง ขึ้น เพียงแค่เห็นหมายเลขของลันตาเขาก็เขียนเข้าไปไว้ในแบล็กลิสต์

ในที่สุดออฟฟิศก็เงียบสงบ

เขากุมคิ้วให้รู้สบายขึ้นแล้วกลับมาที่เอกสารอย่างละเอียดอีก ครั้ง

ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับชุติภาสก่อนที่เธอจะไปต่างประเทศ แล้วเด็กนั่นมาได้ยังไง ?

เป็นลูกแท้ๆ ของชุติภาสจริงๆ หรอ ความคิดนี้ผุดขึ้นมาเหมือน ดั่งเมล็ดในหัวใจของประยงงอกเงยออกมาอย่างรวดเร็ว

ยิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสงสัยว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูก แท้ๆ ของชุติภาส

พอลองนึกถึงใบหน้าเล็กอันละเอียดอ่อนของซีซั่น คิ้วของเขา ก็ขมวดแน่นเหลือบตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงสะท้อน ใบหน้าของเขาออกมาจากกระจกเรียบอย่างชัดเจน

เจ้าซีซั่นนั่นเมื่อเทียบกับชุติภาสแล้วในความเป็นจริงก็ดูเหมือน เขาซะมากกว่า…….
จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นและความทรงจำในค่ำคืนที่แสนสับสน อลหม่านเมื่อหกปีก่อนก็กลับมา

ผู้หญิงที่เขานอนด้วยในคืนนั้นมันใช่ลันตาจริงๆ น่ะหรอ ?

หรือว่า……จริงๆ แล้วเป็นญาอี้กันแน่

เมื่อมองลงไปที่เอกสารวันถัดมาจากคืนนั้นมันก็เป็นวันที่ญาอี้ได้ เดินทางออกนอกประเทศ

ประยงยกหูโทรศัพท์ขึ้นและออกเสียงสั่ง “จัดการเรื่องผลการ ตรวจ DNA ของฉันกับซีซั่นแล้วเอามาให้ฉัน

ผู้ใต้บังคับบัญชาที่นั่นตะลึงและตอบกลับอย่างรวดเร็วอีกครั้ง “ครับ พวกเราจะไปเอาเลือดของซีซั่นเดี๋ยวนี้”

ประยงบิดคิ้ว ‘เอาเลือดมา นั่นไม่ได้ทำร้ายเด็กใช่ไหม ?

“ไม่” เขาเคาะโต๊ะด้วยปลายนิ้วยาวหลังจากนั้นสองวินาทีเขาก็ กระซิบขึ้น “พวกนายไม่จำเป็นต้องไป เดี๋ยวฉันจะไปเอง”

เขาไปจับซีซั่นด้วยตัวเองจากนั้นก็พาไปตรวจที่โรงพยาบาล
ถ้าซีซั่นเป็นลูกของเขาจริงๆ เขาก็จะพาเด็กไปอย่างแน่นอน ไม่ ปล่อยให้เขาอยู่ข้างๆ ที่หญิงผู้ชั่วร้ายรู้แค่ลอกงานที่ในใจเต็มไป ด้วยการล่อลวงอีกต่อไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ