ช็คเถื่อนปล้นพรหมจรรย์ ชุด ทัณฑ์ทราย

ตอนที่ 2



ตอนที่ 2

หล่อนหมุนตัวจะเดินหนีขึ้นบันไดบ้าน แต่แขนถูกอุ้งมืออบอุ่น กระชากเอาไว้เสียก่อน หล่อนเสียหลักถลาเข้าไปปะทะกับเรือน กายก่าย่า กลิ่นชายชาตรีแห่งแดนทรายโชยเข้ามาในจมูก หล่อนเบิกตากว้าง มึนเมากับความปรารถนาทางเพศที่เกิดขึ้น มาเป็นครั้งแรกในชีวิต สติเริ่มขาดหาย ก้อนเนื้อหัวใจเต้นระ ไม่เป็นจังหวะ

ใบหน้าหล่อจัดสีแทนค่อยๆ โน้มใกล้เข้ามาหามากขึ้น เรื่อยๆ ดวงตาของหล่อนถูกตรึงเอาไว้กับดวงตาสีทองเรืองรอง ของเจ้าชายแห่งแดนทรายจนไร้ทางดิ้นหนี

หล่อนพยายามบังคับตัวเองให้หายใจ แต่กลับทําได้ยากเย็น นัก เมื่อคู่ต่อสู้ของหล่อนช่างหล่อเหลาเหลือเกิน

และก่อนที่ใบหน้าคมสันของเขาจะชิดกับหล่อนมากเกินไป กว่านี้ เขาก็ผลักหล่อนออกห่างแรงๆ และหัวเราะเยาะ

“เธอไม่มีทางเอาชนะฉันได้หรอก”

“ฉัน… ไม่ยอมยกฮัสซันให้กับคุณ หรือว่ากับใครหน้าไหน อย่างแน่นอน” หล่อนประกาศกร้าว “เชิญคุณออกไปจากบ้าน ของฉันได้แล้ว ออกไปเลย ไปสิ!”

“โอเค ฉันเข้าใจแล้วละว่าเธอต้องการอะไร” เขาไหวไหล่กว้าง ของตัวเองเล็กน้อย เอาเป็นว่าฉันอยากจะขึ้นไปบนบ้านของเธอและอยากจะนั่งคุยกับเธอ”

“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ

หัวใจของมะลิกำลังสั่นไหว เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกแยกออก จากเด็กชายที่ตัวเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ หล่อนรักฮัสซัน และ ก็จะไม่ยอมยกเด็กน้อย ให้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น ในโลกนี้ ฮัส ชั้นไม่เหลือใครแล้วนอกจากหล่อน และก็คงไม่มีใครที่จะรักฮัส ซันได้เท่ากับที่หล่อนรักอีกแล้ว

อย่าทิ้งฮัสซันนะ มะลิ

คำสั่งเสียสุดท้ายก่อนที่ท่านคาริสจะสิ้นใจที่โรงพยาบาล หล่อนรับปากเจ้านายเอาไว้ และจะต้องทำให้ได้

“เอาน่า เชิญฉันขึ้นไปคุยข้างบนสักครู่จะเป็นไรไป

มะลิเม้มปากแน่น และก็ตระหนักดีกว่าหล่อนควรจะคุยกับเจ้า ชายรูปงามองค์นี้ให้จบเรื่องจบราวไป ก่อนที่ฮัสซันจะกลับจาก โรงเรียน

“งั้นก็… เชิญค่ะ”

หญิงสาวผายมือไปด้านหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก เซรีมอมยิ้ม หยันเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไม้เก่าๆ ขึ้นไปด้านบน มะลิ ก้าวตามขึ้นไป

“เชิญนั่งก่อนนะคะ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้ เซรีมพยักหน้ารับ ขณะกวาดตามองไปรอบๆ ตัวบ้านไม้ที่ช่างแตกต่างจากราชวังที่เขาอยู่ราวฟ้ากับเหว

“น้าคาริสทนอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ”

เขาเดินดูไปรอบๆ และก็ยิ่งค้นพบว่าตัวเองควรจะรีบพาฮัสซัน กลับไปซาเรีย ให้เร็วที่สุด เพราะแทบไม่ต้องคาดเดาเลยว่าชีวิต ของฮัสซันยามอยู่ที่นี่อัตคัดขัดสนแค่ไหน

ชายหนุ่มถอนใจออกมาอย่างสังเวชใจ ก่อนจะเดินกลับไปยัง ระเบียงไม้ และทรุดเรือนกาย ใหญ่โตเต็มเก้าอี้ของตัวเองลงนั่ง เมื่อผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นเมียเก็บของน้าชายเดินกลับมาพร้อม กับแก้วน้ำในมือ

“มีแต่น้ำเปล่า ไม่รู้คุณ… เอ่อ เจ้าชายจะดื่มได้หรือเปล่า”

เขารับแก้วน้ำมาจากมือของหล่อน แต่ระหว่างที่ยื่นมือออกไป นั้นนิ้วแกร่งสัมผัสเข้ากับปลายนิ้วเรียวของเจ้าหล่อนโดยบังเอิญ เขาเสมือนถูกไฟฟ้าช็อตไปทั้งเรือนร่าง ความปรารถนาที่มีต่อผู้ หญิงตรงหน้ากระพือขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

หากมีอนุ่มสองข้างนี้กอบกุมรอบความเป็นชายของเขาล่ะ แล้วก็ขยับรูดขึ้นลงด้วยจังหวะเสน่หา เขาจะรู้สึกยังไงนะ จะรู้สึก ฟิน จะรู้สึกดีแค่ไหนกัน

โอ้… พระเจ้า หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะเซรีม!

เขาสั่งตัวเองให้หยุดคิดเรื่องใต้สะดืออย่างดุเดือด แต่คง ไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่กำลังรู้สึกร้อนฉ่าเพราะความต้องการ ทางเพศ ผู้หญิงตรงหน้าของเขาก็คงไม่ต่างกัน เพราะเขาเห็นหล่อนหน้าแดงก่ำ กลีบปากหนาอิ่มเต็มเผยอกว้าง และดวงตาก็ จ้องมองเขาไม่หยุด

หล่อนร่านร้อน…

เซรีมสรุปให้กับตัวเองเสร็จสรรพ และก็ด่าทอตัวเองในอกลั่น ที่เกิดไปติดอกติดใจเมียเก็บของน้าชายตั้งแต่แรกเห็นแบบนี้ มัน น่ารังเกียจ และเขาจะไม่ยอมให้ความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนอย่าง นี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด

เจ้าชายหนุ่มยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอีกใหญ่ ก่อนจะกระแทกแก้ว เปล่าลงกับโต๊ะไม้เก่าเก็บเบื้องหน้าแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์ สวาทที่อัดแน่นอยู่ในอก

“นั่งเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

มะลิเลือกเก้าอี้ตัวที่อยู่ห่างไกลจากเจ้าชายหนุ่มที่สุด และทรุด ตัวนั่งลงไป ร่างกายของหล่อนยังคงสั่นเทา และร้อนฉ่าจาก สัมผัสจากปลายนิ้วแกร่งเมื่อครู่นี้

“รีบพูดมาค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ฉันจะไม่ว่าง

เพราะหล่อนต้องไปรับฮัสซันจากโรงเรียนอนุบาลนั่นเอง “เธอรู้ใช่ไหมว่าฮัสซันเป็นคนของราชวงศ์ซาเรีย”

หล่อนรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่คิดจะยอมรับ “ตอนนี้แกอยู่เมืองไทยค่ะ และฉันก็เป็นผู้ปกครองตาม กฎหมายของแกด้วยค่ะ”
มะลิคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าเจ้าชายรูปงามตรงหน้า เพราะท่านคาริสได้เขียนพินัยกรรมยกฮัสซัน ให้เป็นลูกบุญธรรม ของหล่อนก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ

“เธอแค่เป็นเมียคนที่สองของน้าคาร์ส

เซรีมระบายยิ้มบางๆ ท่าทางของเขาสง่างามทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม

มะลิหน้าแดงกับคำกล่าวหาไร้ความจริงที่ได้ยิน แต่กระนั้น ก็ไม่คิดจะปฏิเสธ เพราะการปล่อยให้เขาคิดแบบนั้นมันทำให้ หล่อนมีภาษีเหนือกว่าการเป็นแค่สาวใช้

“และฉันมั่นใจว่าน้าคาริสไม่มีทางจดทะเบียนสมรสกับเธอ จริงไหม

“ค่ะ”

เซรีมระบายยิ้มหยันอีกครั้ง พยายามสะกดกลั้นความพึง พอใจที่มีต่อผู้หญิงตรงหน้าเอาไว้สุดความสามารถ

“ดังนั้นเธอจึงไม่มีสิทธิ์ใดในตัวของฮัสซัน”

“ก็อย่างที่บอกไปแล้วนั่นแหละค่ะ ตอนนี้ฉันเป็นผู้ปกครอง ตามกฎหมายของฮัสซัน”

“เป็นไปไม่ได้”

“ท่านคาริสเขียนพินัยกรรมเอาไว้ก่อนสิ้นใจค่ะ คุณอยากจะดู พินัยกรรมนั้นไหมคะ”
เซรีมขบฟันแน่น เริ่มรู้สึกถึงความร้ายกาจที่มีมากพอๆ กับ ความน่าปรารถนาของผู้หญิงตรงหน้า

“ฉันไม่ต้องการดูหรอก ฉันแค่ต้องการตัวฮัสซันกลับไปซาเรีย เท่านั้น”

“งั้นก็คงต้องทำให้เสียเวลาเปล่าค่ะ เพราะฉันไม่มีทางยอมให้ เรื่องที่เจ้าชายต้องการเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” มะลิผุดขึ้นยืน พยายามบังคับตัวเองไม่ให้สั่นเทา “เชิญเจ้าชายอย่างคุณกลับ ไปได้แล้วละค่ะ เสียใจด้วยนะคะที่ต้องขัดพระทัย

เซรีมไม่ยอมขยับ สีหน้าของเขากระด้างขึ้น ก่อนที่คำพูดเย็น ชาจะดึงออกมา

“เธอต้องการเงินเท่าไหร่

คนที่กำลังจะเดินหนีซะงักอีก หล่อนค่อยๆ หมุนตัวกลับมามอง ผู้ชายที่กำลังจะใช้เงินฟาดหัวตัวเอง ความกรุ่นโกรธพุ่งเข้าใส่ ร่างอย่างบ้าคลั่ง หล่อนกัดฟันแน่น

“อย่ามาใช้วิธีนี้กับฉัน!”

“หนึ่งล้าน หรือว่า สองล้านดี กับการยกฮัสซันให้กับฉัน”

ผู้ชายที่หล่อเหลาปานเทพบุตรลุกขึ้นยืน และเดินมาหยุดตรง หน้าของหล่อน

“เธอมีแต่ได้กับได้น่า เงินก็ได้ แถมเวลาออกไปหาผู้ชายก็ยัง ไม่ต้องพะวงห่วงฮัสซันที่คอยอยู่ที่บ้านอีก เห็นไหม นี่คือทางออกที่แสนวิเศษสำหรับเธอ”
หล่อนไม่เคยโกรธใครหน้ามืดตามัวแบบนี้มาก่อนเลย มือเล็ก ข้างลำตัวกำแน่นเป็นหมัด

“ถึงฉันจะจน… แต่ฉันก็ไม่คิดจะขายฮัสซัน ฉันรักเขามาก รู้

เอาไว้เสียด้วย!” มะลิตะโกนใส่หน้าเซรีม หล่อนมองเขาด้วยความขุ่นเคือง

หยาดนํ้าตาเอ่อคลอ

เจ้าชายอย่างเขามีสิทธิ์อะไรมาพูดจาแบบนี้กับหล่อน และมี สิทธิ์อะไรมาดูถูกความรักที่หล่อนมีต่อฮัสซัน หล่อนเลี้ยงฮัสซัน มาตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่ที่นายหญิงพิกุลคลอดฮัสซันและจากไป หล่อ นกฮัสซันมาก รักเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเอง

“ฮัสซันไม่ใช่ลูกของเธอ เธอไม่มีทางรักเขาได้มากกว่าญาติพี่ น้องของเขาหรอก”

“คุณมันคนจิตใจคับแคบ!”

“เอาน่า อย่าเล่นตัวนักเลย” เซรีมพูดอย่างรู้ทัน “ห้าล้านบาท ฉันจะเซ็นเช็คให้เธอทันที เดี๋ยวนี้เลย และไม่ต้องกลัวเช็คเด้งนะ เพราะเงินแค่ห้าล้านบาทไทยมันน้อยนิดสำหรับฉันมาก”

มะลิจ้องมองผู้ชายตรงหน้าเขม็ง โกรธจัด “ก็ฉันบอกแล้วไงว่า ไม่มีทาง ไสหัวของคุณกลับไปได้แล้ว ไปสิ!”

“สิบล้านบาท”

“ถ้าคุณยังไม่หยุดเอาเงินฟาดหัวฉันอีกล่ะก็ ฉัน…ฉันจะต่อย คุณให้คว่ำเลย” หล่อนตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความเกลียดชังแต่เชรีมกลับคิดว่าหล่อนแสดงละคร

ยี่สิบล้าน… โอ๊ย…!

หมัดเล็กของมะลิซัดเข้าใส่มุมปากของเจ้าชายแห่งแดนทราย อย่างจังและเต็มแรง เขาถอยหลังไปเล็กน้อยกับแรงปะทะจาก กําปั้นเล็ก หยาดเลือดไหลออกมาเพราะปากของเขาแตกเป็น แผล

“เธอทําบ้าอะไรเนี่ย!

เซมเอามือปาดเลือดที่มุมปากออก ก่อนจะจ้องหน้าเจ้าของ กําปั้นด้วยความเดือดดาล

“ฉันเตือนคุณแล้ว”

“ถ้าตอนนี้เธออยู่ที่ซาเรีย เธอถูกบั่นคอไปแล้ว มะลิ กรอง อักษร!

แม้จะรู้สึกหวาดกลัวกับค่าของเจ้าชายตรงหน้า แต่หล่อนจะ แสดงความรู้สึกอ่อนแอนั้นออกไม่ได้ หล่อนต้องเข้มแข็งเพื่อปก ป้องฮัสซัน

“คอฉันจะไม่มีทางถูกตัด เพราะฉันจะไม่มีทางเหยียบย่างไป ยังบ้านป่าเมืองเถื่อนของคุณเด็ดขาด รวมถึงฮัสซันด้วย เราสอง คนจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย และพวกคุณก็ไม่มีทางแยกเราสอง คนออกจากกันได้”

หล่อนต่อว่าเขาอย่างดุเดือด และไม่มีทางยอมแพ้แม้แต่น้อย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเอาจริง หากเป็นคนอื่นอาจจะถอยหนี แต่สําหรับเขา…. เจ้าชายแห่งทะเลทรายที่เลือดทั้ง ตัวเต็มไปด้วยความทะนง ไม่มีทางเสียละ

“ก็ไม่แน่นะ มะลิ กรองอักษร”

เขาก้าวเข้ามาหาใกล้จนได้กลิ่นกายบุรุษชัดเจน หล่อนจะถอย หลังหนี แต่อ้อมแขนยาตวัดรัดรวบเอวคอดเอาไว้ และ กระชากเข้าไปกอดรัดแน่น

“ปล่อยนะ คุณจะทำบ้าอะไรเนี่ย…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ