2
2
“ครูใหญ่มาถึงบ้านผมมีอะไรครับ” พ้นถามครูใหญ่อย่าง นอบน้อม
“ครูจะมาคุยเรื่องพลับพลึงหน่อย”
“นางพลับพลึงมันไปทำความเดือดร้อนอะไรให้ใครเห รอครับ นางลูกคนนี้มันต้องตีเสียให้เข็ด” นายพันทำท่า จะตรงเข้าไปทุบตีบุตรสาว แต่ครูใหญ่สุภาพรีบดึงมือเด็ก น้อยเนื้อตัวมอมแมมไปซุกเอาไว้ทางด้านหลัง พลับพลี กอดขาครูใหญ่แน่น หลบบิดาอย่างหวาดกลัว
“ไม่ใช่หรอกนายพัน พลับพลึงไม่ได้ทำอะไรให้ใคร เดือดร้อน” เสียงดุๆ ของครูใหญ่ทำให้นายพันหยุดกึก
“แล้วครูใหญ่มาหาผมถึงบ้านมีอะไรเหรอครับ”
“พลับพลึงควรได้เรียนหนังสือนะนายพัน ยังเด็กอยู่เลย จะให้ออกมาทำงานงกๆ ได้ยังไงกัน”
“ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะครับ หัดให้มันทำมาหากินตั้งแต่ ตอนนี้โตขึ้นจะได้เลี้ยงตัวเองได้ ไม่เป็นภาระคนอื่น” เหตุผลของนายพันทำให้ครูใหญ่ถอนใจแรงๆ
“เป็นเด็กก็ควรเรียนหนังสือ จะทำงานก็ทำได้แต่นอก เหนือจากเวลาเรียน นายพันเป็นพ่อก็ควรส่งเสียเลี้ยงดู ลูก มันเป็นหน้าที่ที่พ่อควรทํา ไม่ส่งลูกเข้าโรงเรียนรู้ไหม ว่าผิดกฎหมายนะ” คำขู่ของครูใหญ่ทำให้พันชะงัก
“ถ้ามันอยากเรียนก็ได้ครับ แต่มันก็ต้องทำงานด้วย บ้าน ผมยากจนออกอย่างนี้ ข้าวสารกรอกหม้อแทบไม่มี จะให้ ส่งมันเรียนผมก็ไม่มีปัญญาหรอกครับ”
“ก็ถ้าเลิกกินเหล้าหรือกินเหล้าให้น้อยลงก็คงมีเงิน มากกว่านี้” ครูใหญ่ตอกกลับ พันไม่กล้าเถียงอะไรมาก เพราะเกรงบารมีครูใหญ่อยู่มาก
“เดี๋ยวครูจะช่วยเรื่องจัดหาทุนการศึกษาให้พลับพลึงเอง พลับพลึงเป็นเด็กหัวดีเรียนเก่ง ฟังแบบนี้แล้วนายพันจะ ว่ายังไงล่ะ” ครูใหญ่วกกลับมาเรื่องเรียนของเด็กน้อยอีก ครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอขอบคุณครูใหญ่มากครับ” นายพัน ยกมือขึ้นไหว้ พอรู้ว่าบุตรสาวจะได้ทุนการศึกษาก็หูผึ่งใน ทันที
“งั้นฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ให้พลับพลึงไปเรียนด้วยล่ะ” ครูใหญ่กำชับนายพันเป็นมั่นเหมาะ
“ได้ครับ มันอยากไปเรียนก็ให้มันไปเรียนสิครับ ถ้าได้ทุนการศึกษาก็ดีไม่ต้องเป็นภาระผม” พันรีบเออออ ห่อหมกเดินไปส่งครูใหญ่ก่อนจะหันมาทำตาเขียวใส่บุตร สาว
“มึงฟ้องครูใหญ่ใช่ไหมว่ากูไม่ให้ไปโรงเรียน” เสียงของ บิดาทําให้เด็กน้อยสะดุ้งตัวสั่นเทา
“หนูเปล่านะจ๊ะ”
“มึงไม่ทำงานแล้วจะเอาอะไรกิน” พ้นตะคอกบุตรสาว เสียงดัง
“หนูจะทำงานหลังเลิกเรียนนะจ๊ะพ่อ”
“ให้มันแน่ จริงๆ ก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไม เสียเงินเสียทอง เปล่าๆ นี่ถ้าครูใหญ่ไม่บอกว่าให้ทุนการศึกษามึง กูก็ไม่ให้ มึงเรียนหรอก ไปให้พ้นหน้ากูเลยไป เห็นแล้วรำคาญจริง เขียว” ได้ยินเสียงตวาดเช่นนั้นเด็กน้อยจึงรีบหนีขึ้นบ้าน ในทันที
ร่างเล็กๆ ผอมบางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเก่าๆ ผุพัง เธอหยิบ ชุดนักเรียนเก่าๆ สีซีดออกมา เสื้อนักเรียนมีคราบเหลือ งๆ เพราะผ่านการใช้งานมานานหลายปี เด็กน้อยจำได้ ว่ามีคนบริจาคมาให้เมื่อหลายปีก่อน แม้เสื้อนักเรียนจะ ตัวใหญ่มากใส่แล้วดูตลกจนโดนเพื่อนล้อ แต่เธอก็ยังมี ความสุขที่ได้ใส่มันไปโรงเรียนทุกวัน กระโปรงนั้นขาดมีรอยปะ เย็บเบี้ยวๆ เยๆ จากฝีมือของตัวเอง มันเก่าจนซีด และยับย่นเพราะที่บ้านไม่มีเตารีด พอซักผึ่งจนแห้ง เธอก็ สะบัดไปมา ก่อนนำมาสวมใส่ไปเรียน
เด็กน้อยพลับพลึงกอดชุดนักเรียนแนบอกด้วยความรัก เธอมีชุดนักเรียนแค่ชุดเดียวและรองเท้านักเรียนขาดๆ อีกหนึ่งคู่ มือเล็กๆ หยาบกร้านลูบเสื้อผ้าไปมาแล้วอมยิ้ม ตามประสาเด็ก ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้อย่างทะนุถนอม
เธอเดินเข้าไปในครัวด้วยความหิว วันนี้ไม่มีกับข้าวแต่ มีข้าวสารอยู่นิดหน่อยจึงจัดการก่อไฟกับไม้พื้นเพื่อต้ม ข้าวต้ม เสียงบิดาที่เมามายขึ้นมานอนโวยวายอยู่บนพื้น บ้านเก่าๆ ผุๆ แว่วเข้ามากระทบหู
“นางแพศยา นางกากี มึงมันร่าน นางดอกทอง หนีตาม ไป ทิ้งกูกับลูกไป นางวันทองสองใจ มึงต้องไม่ตายดี” พัน ด่าทอภรรยาที่หนีหายไปไม่หยุดปาก ก่อนจะเงียบเสียง แล้วหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เรียกหาบุตรสาว
“นางพลับพลึง มึงอยู่ไหนวะ ทำไมไม่มาดูแลกู อย่าให้ เห็นนะว่ามึงแอบไปกินอะไรอร่อยๆ แล้วปล่อยให้กอด นะ กูจะตีมึงให้หลังลายเลยคอยดู” คนเมาร้องโหวกเหวก โวยวายเสียงดังลั่นบ้าน เด็กน้อยตัวเล็กผอมบางเดินไป ทรุดนั่งลงข้างๆ บิดาก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวต้มร้อนๆ ขึ้น มาเป่าเบาๆ
“พ่อกินข้าวนะจ๊ะ” คนได้ยินก็อ้าปากรับข้าวเข้าปาก กลิ่นเหล้า งไปทั่วบริเวณแต่เด็กน้อยชินเสียแล้ว
พลับพลึงป้อนข้าวบิดาจนหมดก่อนจะเดินไปล้างชาม ตรงนอกชานเก่าๆ ที่ทำจากไม้ไผ่ เธอมองข้าวต้มที่เหลือ อยู่ก้นหม้อจึงตักมากินแก้หิวเนื่องจากรู้สึกแสบท้อง
เด็กน้อยเดินไปหยิบผ้าห่มผืนเก่าที่มีคนบริจาคมาห่มให้ บิดาก่อนจะนำมุ้งมากางให้ เธอต่อเก้าอี้ขึ้นไปแขวนมุ้งกับ ตัวบ้าน แล้วตัวเองก็ไปนอนขดอยู่อีกด้านหนึ่งของมุ้งที่ กางให้บิดาเพราะมีมุ้งแค่หลังเดียว
เสียงไก่ขันในตอนย่ำรุ่งปลุกให้พลับพลึงลุกขึ้นมาจาก ที่นอน เธอปรือตาขึ้นแล้วรีบลอดมุ้งออกมาเพื่ออาบน้ำ อาบท่าเตรียมจะไปโรงเรียน บิดายังไม่ตื่น เด็กน้อยจึงรีบ ไปขุดเผือกกับมันมาต้มและใส่จานสังกะสีเก่าๆ ทิ้งเอาไว้ ให้ท่าน คิดตื่นมาท่านอาจจะหิว
เด็กน้อยรีบสวมใส่ชุดนักเรียนเก่าๆ ของตัวเองและวิ่ง ลงบันไดบ้านไปอย่างลิงโลด รอยยิ้มสดใสของเด็กน้อย กลับมาอีกครั้งเมื่อจะได้ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีก ครั้ง มือน้อยๆ กอดตำราเรียนเก่าๆ และสมุดแจกฟรีที่ทาง โรงเรียนแจกให้เอาไว้แน่น เธอไม่มีกระเป๋าสวยๆ เหมือน คนอื่นแต่ขอให้ได้เรียนก็ดีใจแล้ว พลับพลึงวิ่งมาถึง โรงเรียนตอนเข้าแถวเตรียมตัวเคารพธงชาติพอดิบพอดี เด็กน้อยวิ่งกระหืดกระหอบมาต่อท้ายแถว เธอตัวเล็กที่สุดเลยไม่ค่อยมีใครมองเห็น พลับพลึงร้องเพลง ชาติอย่างมีความสุข เดินเข้าห้องเรียนด้วยรอยยิ้ม เพื่อนๆ ที่โรงเรียนคุยกันอย่างสนุกสนาน ชีวิตการเป็น นักเรียนทำให้พลับพลึงรู้สึกมีความสุขเพราะเหมือนอยู่ อีกโลกหนึ่งที่ไม่ใช่ที่บ้านและมีปีตาคอยเฆี่ยนตี
พอพักกลางวันก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน พลับพลึงเข้าไป ยืนต่อแถวจากเด็กคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้มยินดี เด็กน้อยมอง แกงผักบุ้งใส่ปลากระป๋องแล้วกลืนน้ำลายด้วยความหิว การมาโรงเรียนทำให้เด็กน้อยไม่ต้องอดข้าว
พลับพลึงมองถาดอาหารตรงหน้าขณะวิ่งตามเพื่อนๆ ไป นั่งลงกินอย่างมีความสุข เธอตักกินอย่างเอร็ดร่อยน้ำตา ไหลเพราะสุขจนไม่อยากกลับบ้าน
หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ คุณครูจะให้ไปยืน เข้าแถว พลับพลึงตัวเล็กที่สุดแต่เธอก็ไปยืนอยู่ท้ายแถว ถุงเท้าที่ใช้งานมานานหลายปีแทบไม่เกาะเท้า แถมยัง ขาดจนเห็นนิ้วเท้าเล็กๆ โผล่ออกมา กระโปรงตัวเก่าและ เสื้อนักเรียนสีเหลืองเก่าๆ ทำให้ครูใหญ่สุภาพหยุดมอง เด็กน้อยอย่างเวทนา
“เด็กๆ แปรงฟันกันนะจ๊ะ” ทุกวันคุณครูจะให้แปรงฟัน ก่อนเข้าห้องเรียน หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เสร็จและเด็กๆ ได้วิ่งกันจนหมดเวลาพักแล้ว
แปรงสีฟันอันเล็กๆ เก่าๆ ที่ครูสมศรีเคยซื้อให้ก่อนย้าย ไปสอนที่อื่นถูกหยิบมาพร้อมแก้วน้ำพลาสติกเก่าๆ เด็ก น้อยไปยืนเข้าแถวแปรงฟันใกล้ๆ กับเพื่อนคนอื่นๆ มอง แปรงสีฟันอันใหม่และแก้วน้ำสีสวยของเพื่อนร่วมชั้น อย่างอิจฉานิดๆ เธอพยายามทำตัวกลมกลืนกับคนอื่น แม้ หลายครั้งจะโดนเพื่อนๆ ดูถูกก็ตามที
หลังจากแปรงฟันเสร็จแล้วคุณครูก็ให้นักเรียนท่องสูตร คุณ พลับพลึงท่องอย่างแข่งขันเพราะเธอค่อนข้างเป็น เด็กหัวดี พอตกเย็นก็เข้าแถวเดินกลับบ้านตามนักเรียน คนอื่นๆ ไป บ้านของเธออยู่หลังสุดท้ายของหมู่บ้านจึง ต้องเดินเท้านานกว่าเด็กๆ คนอื่น
พอถึงบ้านเด็กน้อยก็รีบซักชุดนักเรียนของตัวเองเพื่อวัน พรุ่งจะได้ใส่อีก บ้านของเธอมีลมโกรกเพราะไม่ไกลกัน นักมีทะเล ลมตอนกลางคืนทำให้เสื้อผ้าของเด็กน้อยแห้ง หมาดๆ พอใส่ไปโรงเรียนก็แห้งไปเอง
พลับพลึงบิดชุดนักเรียนและถุงเท้าของตัวเองแรงๆ แล้ว สะบัดเพื่อให้แห้งมากที่สุดก่อนตากเอาไว้ เธอรีบกวาด บ้านถูบ้านและหุงหาอาหาร วันนี้ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ จึงรีบพาจอบวิ่งไปขุดมันสำปะหลังตรงชายป่า เพื่อเอามา ต้มเป็นอาหารเย็น บิดาไม่อยู่เธอจึงไม่ได้ยินเสียงบ่น รู้ว่า ท่านออกไปสังสรรค์ดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ อีกเช่นเคย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ