พลับพลึงเหมราช

5



5

5

“นั่นพาใครมาด้วยล่ะลูก” คุณนายจําปาเอ่ยถามบุตร ชายด้วยความสงสาร

“เด็กแถวนี้ครับ”

“สกปรกมอมแมม ไปรู้จักกันได้ยังไง ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ เรา” คุณนายจำปาขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่ชอบให้บุตรชาย ไปเล่นกับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า

“ลูกพ่อพันค่ะ” พลับพลึงนั่งพับเพียบบนพื้นอย่างเจียม เนื้อเจียมตัว หลังจากยกมือไหว้เจ้าของบ้านเรียบร้อย แล้ว

“ตายแล้ว! พากลับไปส่งบ้านเลยตาเหม ลูกไอ้พันขี้เมา เข้ามาในบ้านของเราเดี๋ยวก็ขโมยข้าวของไปหรอก” เสีย งดุๆ ของเจ้าของบ้านทำให้พลับพลึงสะดุ้งตัวสั่น

“ไม่หรอกครับ” เหมราชเองก็หน้าเสียนึกเห็นใจเด็กน้อย ที่โดนดุเช่นนี้

“ถ้าของในบ้านหายจะว่ายังไง”
“โอเคครับๆ” เหมราชไม่อยากทำให้มารดาหงุดหงิดใจ เลยพาพลับพลึงกลับไปส่งบ้าน

“นายสนมานี่สิ” คุณนายจำปาเรียกคนขับรถของบุตร ขายเสียงเข้ม

“ครับคุณนาย”

“ไปรู้จักกันได้ยังไง ทําไมไม่ห้าม” นายสนรีบเล่าให้ฟัง ถึงเหตุการณ์ทั้งหมด

“ตามไปอย่าให้คลาดสายตา ถ้าเด็กนั่นออดอ้อนขอเงิน หรือขออะไรให้รีบห้ามทันที พ่อมันขี้เมาไม่ทำงานทำการ อะไร เอาแต่ขี้เกียจสันหลังยาว ลูกมันคงเป็นพวกขอทาน ลักเล็กขโมยน้อยอยากได้ของคนอื่น” คุณนายพูดเสียง ไม่พอใจ นายสนรีบรับคำเพื่อตัดปัญหา เพราะเขาเองก็ รู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยอยู่มากไม่ต่างจากเจ้านายหนุ่ม เหม ราชพาพลับพลึงมาส่งบ้าน ก่อนจะยื่นถุงกระดาษให้เด็ก น้อย

“อะไรเหรอคะพี่เหม

“เปิดดูสิ” เด็กน้อยรับไปเปิดดูก่อนจะตาโต

“ชุดนักเรียนชุดใหม่เหรอคะ พี่เหมให้พลับพลึงเหรอ” เด็กน้อยน้ำตาไหลอาบแก้ม สะอึกสะอื้นเพราะเธอไม่เคยได้รับเสื้อผ้าชุดใหม่จากใครเลย มีแต่ของมือสองที่ เขาโละทิ้งไม่ใช้แล้วทั้งนั้นที่บริจาคมาให้

“ซื้อให้ห้าชุดเลย มีรองเท้าและถุงเท้าสำหรับใส่ไปเรียน ห้าวันเลย ไม่ต้องรีบกลับมาซักชุดอีกแล้วนะ” เขาสั่งให้ นายสนไปซื้อชุดนักเรียนที่ร้านในอำเภอมาให้เด็กน้อย

“หนูเกรงใจจังค่ะ” เด็กน้อยคุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะก้ม ลงกราบแทบเท้าอย่างซาบซึ้งใจ ไม่เคยมีใครให้อะไรเธอ เลย แม้แต่เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่หามาได้ก็ต้องทำงานอาบ เหงื่อต่างน้ำเหนื่อยสายตัวแทบขาด บางครั้งก็โดนเอา เปรียบ ได้ค่าแรงแค่น้อยนิดแม้จะทำงานทั้งวันแต่เธอก็ไม่ กล้าปริปากบ่น

“กราบฉันทำไม ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้

“พี่เหมเหมือนพ่อพระเลยค่ะ” เด็กน้อยยกมือไหว้ร้องไห้ สะอึกสะอื้น

“เด็กโง่เอ๊ย” เขายิ้มเอ็นดู นายสนเห็นเข้าก็พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่ห้ามอะไรเพราะสงสาร

“นี่พวกอุปกรณ์การเรียน” เหมราชไปนำพวกสมุด ดินสอ ยางลบและตำราเรียนรวมถึงหนังสืออ่านเล่นมาให้เด็ก น้อย
“ต่อไปหนูจะมีดินสอเขียนหนังสือแล้ว” ดินสอหลาย แท่งและยางลมรูปสัตว์ต่างๆ แถมยังมีกลิ่นหอม ทำให้เด็ก น้อยมองอย่างตื่นตาตื่นใจ เหมราชนำข้าวสารอาหารแห้ง อีกหลายอย่างมาเพิ่มให้บนบ้าน

“พรุ่งนี้พี่คงต้องกลับกรุงเทพฯ แล้วนะ อีกนานกว่าจะได้ มาที่นี่อีก ดูแลตัวเองด้วยนะ” เหมราชบอกเด็กน้อย เธอ รู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อยที่มืออุ่นๆ ของเขาลูบอยู่บนศีรษะ

“พรุ่งนี้พี่เหมจะกลับแล้วเหรอคะ”

“ครับ” เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดรับคำ

“กลับตอนไหนเหรอคะ”

“ทำไม จะไปส่งเหรอ”

“ค่ะ” เด็กน้อยรีบพูดอย่างกระตือรือร้น

“น่าจะตอนสายๆ น่ะเพราะต้องนั่งรถหลายชั่วโมง” มีวัน หยุดยาวหลายวันเขาเลยถือโอกาสมาเยี่ยมบิดามารดา และเที่ยวพักผ่อนไปในตัว

พลับพลึงจดจำเวลากลับของพี่ชายใจดีได้อย่างขึ้นใจวันนั้นเด็กน้อยรีบไปขุดหัวเผือกหัวมันมาเตรียมเอาไว้ พรุ่งนี้เธอจะจัดการต้มร้อนๆ ไปให้เขากินรองท้องบนรถ เธอไม่มีของมีค่าอะไรให้เขา ไม่มีขนมดีๆ อร่อยๆ แต่ก็ อยากตอบแทนน้ำใจเขาจึงทำเท่าที่มี

พอถึงเวลาเธอก็ไปด้อมๆ มองๆ แถวหน้าบ้านของเขา แต่ไม่กล้าเข้าไปข้างใน ร่างเล็กๆ ในชุดเก่าๆ ซึ่งมีรอย ขาดจนต้องปะทั้งตัวก้มมองหัวเผือกและหัวมันต้มในมือ นิ่ง เธอต้มมันร้อนๆ เพื่อจะเอามาให้พี่ชายใจดีกินรองท้อง ระหว่างเดินทาง เสื้อผ้าชุดนี้ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ ไม่ได้สนใจ ว่าจะโดนใครดูถูกหรือไม่

รถคันโตที่ขัดมันวาวกำลังจะแล่นออกจากบ้านทำให้ เด็กน้อยชะเง้อคอมองตามท้ายรถไปจนสุดตา เธอรีบวิ่ง ตามไปพอเห็นว่าเป็นรถของเหมราช แต่วิ่งตามไปไม่ทัน พลับพลึงคอตกในทันที มองมันและเผือกต้มในมืออย่าง เศร้าสร้อย คงไม่ได้เอาของกินที่อุตส่าห์ทำให้พี่ชายใจดี อีกแล้ว

“หยุดรถก่อนครับน้าสน” เหมราชสั่งคนขับรถเมื่อเขา เผอิญหันไปเห็นเด็กน้อยวิ่งตามมา

“มาส่งพี่เหรอ” เสียงนั้นทำให้เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมอง อย่างดีใจ

“หนูต้มหัวเผือกกับหัวมันมาให้พี่เหมกินรองท้องระหว่างเดินทางค่ะ” เด็กน้อยพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย ขึ้นมาในทันที รีบยื่นสิ่งที่ตั้งใจทำส่งให้พี่ชายที่แสนใจดี

“ขอบใจนะ น่ากินจัง” เขารับมาถือเอาไว้ รู้สึกว่ายังอุ่นๆ อยู่เลย ก่อนก้มมองเท้าเล็กๆ ไร้รองเท้าของเด็กน้อย แล้ว เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“นี่รองเท้าคู่ใหม่นะครับ พี่ซื้อเอาไว้เมื่อวันก่อนแต่ลืมให้ เอาไปใส่สิ จะได้ไม่ปวดเท้า เดินเท้าเปล่าแบบนี้มันไม่ดี นะ เดี๋ยวจะมีแผลที่เท้าเจ็บป่วยเอาได้” เด็กหนุ่มร่างสูงนั่ง ยองๆ อยู่ตรงหน้า ก่อนจะวางรองเท้าแตะสำหรับใส่เล่น ลงตรงหน้าเด็กน้อย

“พี่ให้เป็นของขวัญนะครับ อีกนานกว่าเราจะได้เจอกัน อีก” เขาโยกศีรษะเด็กน้อยยิ้มอบอุ่นให้ นั่นเป็นประโยค ที่เหมราชไม่รู้เลยว่าจะไม่ได้เจอเธออีกนานจริงๆ เพราะ คุณยายนั้นอยากส่งหลานชายไปเรียนต่อต่างประเทศ ทันทีที่เรียนจบที่ไทย

“มีอะไรเหรอเหม” เสียงถามของมารดาทำให้เหมราชหัน ไปมอง

“ไม่มีอะไครับคุณแม่”

“เธออีกแล้วเหรอ มายุ่งวุ่นวายอะไรกับลูกชายของฉันนักหนา

“เขาแค่มาส่งครับ

“เราก็กลับได้แล้ว เดี๋ยวจะถึงบ้านค่ำมืดตึกตื่น” คุณนาย จำปาหันไปบอกลูกชายแต่สายตาไม่สบอารมณ์มองไป ยังเด็กน้อย พลับพลึงหลบวูบ รีบยกมือไหว้กล่าวลา ชายใจดีในทันที

“กลับบ้านดีๆ นะ” เหมราชบอกเด็กน้อย ยิ้มให้อย่าง เอ็นดู พลับพลึงโบกมือให้พี่ชาย ก่อนจะเดินกลับบ้านของ ตัวเองอย่างหงอยๆ

“นั่นอะไรน่ะเหม”

“พลับพลึงต้มมันเทศกับเผือกมาให้ครับ”

“ตายแล้วสกปรก ทิ้งไปเถอะลูก อย่ากินเลย” พลับพลึง ที่เดินห่างออกมา ได้ยินคุณนายจำปาพูดแบบนั้นก็รู้สึก เศร้าใจ เธอกอดรองเท้าแตะคู่สวยราคาแพงเอาไว้แน่น รู้สึกหดหู่ใจเพราะกลัวเหมราชจะทิ้งของกินราคาถูกของ เธอ

“น่ากินออกครับ ผมไปก่อนนะครับ” คนพูดรีบบอก มารดาก่อนก้าวขึ้นรถ แถมยังถือของฝากจากเด็กน้อย เอาไว้แน่นเหมือนกลัวมารดาจะแย่งไปทิ้ง
พิเหม” เล็กน้อยครางก่อนจะเดินหยุด มองท้ายรถ ไปด้วยดวงตาเป็นประกาย ดีใจที่เขาไม่ทิ้งของกินที่เธอ อุตส่าห์ทำให้ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย

“จะไปไหนก็ไป ยายเด็กสกปรก” คุณนายจำปาหันไป ไล่ตะเพิด พลับพลึงรีบวิ่งหนีอย่างตกใจกลัวเพราะสีหน้า และแววตาดุดันนั้นทำให้เด็กน้อยไม่กล้าแม้แต่จะมอง

เหมราชแกะห่อโบสองออกจากกัน ด้านในมีมันเทศสี ส้มสีม่วงและหัวเผือกหัวบอนต้ม เขาไม่ค่อยได้กินอาหาร ประเภทนี้ เพราะอยู่เมืองใหญ่กินแต่อาหารหรูหราราคา แพง เคยมาเยี่ยมบิดามารดานานแล้ว คนใช้ในบ้านต้มกิน กัน จึงเคยได้ลิ้มลอง จำได้ว่ารสชาติอร่อยไม่น้อย

“ขอบคุณนะครับน้าสน์” เหมราชเอ่ยขอบคุณคนขับรถ

“เรื่องอะไรครับ”

“เรื่องพลับพลึงครับ” เขาตอบคนขับรถเสียงนุ่ม นายสน ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เข้าใจว่าเจ้านายหนุ่มหมายความว่า อะไรเพราะเขาสงสารเด็กน้อยเช่นกัน จึงไม่ได้เอาเรื่อง ของพลับพลึงไปบอกเล่าให้คุณนายจำปาฟัง
เหมราชวางของกินที่ห่อด้วยใบตองลงข้างตัวแล้วหัน มองวิวทิวทัศน์นอกรถ เวลาผ่านไปนับชั่วโมงเขาจึง เหลือบไปมองของกินที่เด็กน้อยให้เขามาอีกครั้ง เขาหยิบ มันขึ้นมากัดกิน รสชาติของมันหอมอร่อย ทำให้เหมราช อมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

“อืม… อร่อย’ เขาคิดในใจก่อนจะกินจนหมดเกลี้ยง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ