บทที่ 2 ท่านอย่าได้คิดเสวยสุข
ขณะกำลังจะเริ่มการประมูล แม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างก็ กระตือรือร้น พวกเขาส่วนหนึ่งเป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่ จึงมี กำลังทรัพย์อยู่มาก ส่วนหนึ่งวันนี้ได้รับการปูนบำเหน็จจาก ฮ่องเต้มาพอสมควร ทุกคนจึงแลดูคึกคัก
“เอาเหล้ามาเพิ่มอีก คืนนี้ท่านแม่ทัพจะได้อิงแอบสาวงาม ฮ่าๆ” มู่หลี่เฉียงหัวเราะลั่น เขาเป็นคนมีรูปกายกำยำสูงใหญ่ เกือบเท่านอ๋อง มักจะเสียงดังและเอะอะโผงผาง
เสี่ยวเอ้อฟานรีบนำเอากาสุราใหม่มาวางต่อหน้าหญิงขึ้น เหอ เขารินเหล้าแล้วกระดกเข้าปากแล้วจ้องมองไปบนเวที เขา มิได้หมายตาคุณหนูบ้านใด บรรดาบ่าวและนางกำนัลในวังยิ่ง ไม่คิดจะแตะต้อง แม้จะอยู่หัวเมืองเหนือแต่จวนแม่ทัพของเขาก็ แทบจะไม่มีบ่าวรับใช้เป็นสตรี ส่วนหนึ่งเพราะเขาต้องระวังตัว และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขายังไม่อยากผูกพันกับสตรีนางใด หากจะต้องหลับนอนกับผู้หญิงคนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า นานไปเขา ย่อมรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ เลือกนอนกับนางโลมที่คัดสรรมา แล้วเพียงครั้งสองครั้งแก้ขัดก็น่าจะเพียงพอระบายความพลุ่ง พล่านของวัยฉกรรจ์
เมื่อเจ้าหอจันทร์ฉายกรีดกรายออกมาประกาศให้ชายหนุ่ม ทั้งหลายเตรียมตัว เสียงโห่ฮาดังสนั่น “เริ่มการประมูลได้ !
แม่นางหลี่รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ส่วนหน้าอกนั้นมีขนาดอวบอัดแน่นจนทำให้สาบเสื้อส่วนบนปริ เมื่อนางเดินเยื้องกรายผ่าน บรรดาทหารหนุ่ม ทุกคนล้วนลอบกลืนน้ำลาย ดวงตาลุกโชน เหมือนมองเห็นศัตรูตรงหน้า ต่างหมายจะตรงเข้าไปขย้ำให้สิ้น ซาก บั้นท้ายงอนงามของนางกระเพื่อมโยกย้ายไปตามจังหวะ การเดินได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
นายกองผู้หนึ่งลุกขึ้นเสนอราคา “ข้าให้ห้าพันตำลึง” สิ้น เสียงนั้น ทหารอีกโต๊ะ ส่งเสียงโหลั่น
“ข้าให้หกพันตำลึง” เหล่าทหารม้าอีกโต๊ะไม่ยอมแพ้
“เจ็ดพัน” อีกโต๊ะลุกขึ้นยืนประกาศ ทำเอาสองโต๊ะแรกนั้น มามองพร้อมกัน สุราแรงฤทธิ์ทำให้พวกเขาล้วนเริ่มมึน จนลุก หน้ากันเย้ยอีกฝ่ายที่ให้ราคาน้อย
“แปดพัน” นายทหารราบ โต๊ะใกล้ๆ กับจวนอ๋องตะโกนขึ้น เสียงโห่ยิ่งดังสนั่น ในเมื่อคืนนี้ทั้งหมดโดนเหมาโดยกองทัพ ภาคเหนือ ย่อมต้องเต็มไปด้วยเสียงเอ็ดดึงด่าทอกันหยาบคาย ตามประสาผู้นิยมใช้กำลัง
รองแม่ทัพฉินหันมา “ท่านแม่ทัพราคากำลังขึ้น ท่านว่ายัง
ไง?”
หมิงจิ้นเหอยิ้มเย็น เขารอให้ทุกคนเริ่มสู้ราคาไม่ไหวแล้ว ค่อยตบราคาเพียงครั้งเดียวก็พอ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา “หนึ่ง หมื่นตำลึงน่าจะพอ
“ใจเย็นฉินอี้นั่ว เจ้าไม่ต้องห่วง ระดับท่านแม่ทัพถ้าบอกว่า จะเอา ยังไงคืนนี้ก็ต้องได้” มู่หลี่เฉียงยกจอกเหล้าขึ้นต่อหน้าแล้วกระดกลงไป
หมิงจิ้นเหอกระดกเหล้าอีกจอก รู้สึกแปลกใจในรสชาติ เขา ช่าเลืองมองไปด้านข้างเห็นเสี่ยวเอ้อหน้าขาวที่ยืนอยู่เยื้องไป คล้ายจะมีรอยยิ้มเยาะติดอยู่ริมฝีปากยิ่งมองยิ่งรู้สึกมึนงงมาก ขึ้นจนเปลือกตาหนักอึ้ง ชายหนุ่มพยายามยันกายลุกขึ้นยืนเพื่อ ประมูลเป็นคนสุดท้าย “หนึ่ง….
พบ!
“ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ!” หลี่เฉียงเขย่าร่างจนอ๋อง ในชุด นายทหารเต็มยศ แต่อีกฝ่ายกลับไปขยับเขยื้อน
“ข้าว่าท่านแม่ทัพไม่ไหวแล้ว ฉันหวังหย่ง เจ้าส่งท่านแม่ทัพ กลับจวนเถิด” ชายหนุ่มในชุดทะมัดทะแมงสองคนที่ไม่รู้มาจาก ที่ใด จู่ๆ ก็ปรากฏกายอยู่ข้างหลัง ฟานซิ่วถึง เดินออกมาประ คองจวิ้นอ๋องออกไปด้านนอก
ที! ดีนะที่ใส่ผงนิทรามากหน่อย ช้าอีกเพียงนิดท่านคงเอ่ย ราคาทันแล้ว นางเป่าลมออกจากปากเบาๆ แสร้งเดินตามไป ดูแลจนถึงรถม้า คุณหนูฟ่านรื่นรมย์ใจเดินกลับเข้าไปดู บรรยากาศในหอจันทร์ฉายต่อ คืนนี้นางจะต้องแอบดูบรรดาสาว งามออดอ้อนออเซาะชายหนุ่มสักนิดหน่อยแล้วค่อยกลับจวน
จนอ๋องลืมตา ยังรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย เมื่อมองเห็นเพดาน คุ้นตา ก็เริ่มทบทวนความจำ เมื่อวานเขากำลังประมูลหญิงงาม อยู่ แล้วทำไมถึงกลับมานอนที่นี่ได้
“เจ้าออกมานี่สิ” เขาเรียกไม่ดังนัก แต่อีกฝ่ายกลับมาอยู่ต่อหน้าอย่างรวดเร็ว ในฐานะองครักษ์เงา ฉันหวังหย่งกับฉันจาง หย่งสองพี่น้องมีหน้าที่คอยอารักขาจวิ้นอ่องตลอดเวลา
“ขอรับ”
“เมื่อวานเกิดเรื่องใดขึ้น
ฉินหวังหย่งเล่าเหตุการณ์ให้ท่านอ๋องฟัง จนอ๋องนึกเอะใจ “ข้าโดนผงนิทราเป็นแน่ เจ้าเสี่ยวเอ้อตัวแสบนั่น ให้คนไปสืบ เดี๋ยวนี้”
องครักษ์คู่ใจรับคำ แล้วออกไปสั่งการให้ฉันจางหย่งผู้น้อง นำ คนไปสืบหา เสี่ยวเอ้อหน้าขาว
นอกจากจะไม่ได้เชยชมหญิงงามแล้ว ยังต้องมาเสียท่าให้เจ้า เสี่ยวเอ้อนั่นอีก ถ้าไม่ได้แก้แค้นเห็นที่ข้าจะไม่ควรเป็นปีศาจ ภูเขา
คุณหนูฟ่านตื่นตั้งแต่ยามอิ่น (03.00-04.59 น.) นางแต่ง กายแบบบ่าวรับใช้ออกไปตลาดในยามเหม่า (05.00-06.59 น.) เพื่อซื้อวัตถุดิบในการทำอาหาร ในช่วงที่อยู่หัวเมือง นางมัก จะขอให้แม่ครัวเหลยสอนทำอาหารจึงพอมีฝีมือติดตัว และชม ชอบการไปเดินเลือกซื้อของด้วยตนเอง นางเพิ่งกลับมาเมือง หลวงได้ไม่ถึงสิบวัน ได้เวลาทำอาหารให้ท่านย่ากับท่านพ่อได้ ชิมฝีมือของนางบ้าง
ครั้นเดินผ่านร้านขายซาลาเปา นางกลับได้ยินชื่อที่ทำให้นาง สะดุดหู
“นี่ ข้าแถมให้เจ้า ดีใจจริงๆ ที่จวนอ๋องปราบพวกรุกรานได้อีก แล้ว”
“ท่านอ๋องของข้าเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกรนี่นา” อีกฝ่ายยิ้มรับ
อาหารใส่ลงในกล่องไม้ มีบ่าวติดตามอีกสามคนข้างหลัง “ข้าได้ข่าวมาว่า ท่านอ๋องปฏิเสธการหมั้นคุณหนูท่านเสนาบดี
ฝ่ายซ้ายหรือ?”
“เจ้าไปได้ยินมาจากไหน?”
“คนเขาโจษจันกันทั่วเมืองนั่นแหละ บอกว่านางขี้ริ้ว ไม่รู้ หนังสือ แถมยังไม่รู้กริยากุลสตรี ท่านอ๋องจึงรังเกียจ”
บ่าวจากวังวนอ๋องหัวเราะร่า “ก็แน่ล่ะสิ ท่านอ๋องของเราทั้ง สง่างามและเก่งกาจ จะให้รับพระชายาเอกแบบนั้นได้ยังไง ยังมี คุณหนูโฉมงาม ตระกูลสูงศักดิ์อีกมากมายตารอให้ท่านอ๋อง สนใจ”
“อืม….ข้าได้เห็นท่านอ๋องครั้งแรกวันที่ขบวนทหารเดินทัพเข้า มานั่นล่ะ นึกว่าจะเหมือนฉายาปีศาจภูเขา ที่ไหนได้หล่อเหลา สง่างามจนสาวน้อยสาวใหญ่อยากจะโยนผ้าเช็ดหน้าให้เป็น แถว”
ฝ่ายฟังหัวเราะชอบใจ “เจ้าไม่รู้อันใด จวนเสนาบดีนะ ตามตื้อ น่าดู อยากจะได้ท่านอ๋องเป็นเขย
“อ้อ…สงสัยคุณหนูฟ่านคนนี้จะขายไม่ออก เสียงหัวเราะประสานกันดังลั่น คนที่อยู่ล้อมรอบต่างก็มารอฟังด้วยความสนใจ เรื่องของคนอ๋อง หมิงจิ้นเหอกลายเป็นเรื่องที่ ทุกตรอกซอกซอย ในเมืองหลวงล้วนกล่าวขวัญถึง นับตั้งแต่การ ชนะศึก ใหญ่แล้วยกพลเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ชาวเมืองหลวงล้วนประทับ ใจกับรูปโฉมอันงามสง่าและความเก่งกาจของพระอนุชาที่ลือกัน ว่า ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานยิ่งกว่าผู้ใด
คุณหนูฟานเผลอกหมัดแน่น นี่เรื่องของข้า กลายเป็นเรื่อง นินทาของชาวเมืองไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นเพราะท่านแท้ๆ จน อง หากท่านไม่มาปรากฏตัวที่นี่จนเอิกเกริกเรื่องปฏิเสธการหมั้น คงไม่กลายเป็นเรื่องสนุกปากของผู้คนเช่นนี้ นางนึกถึงรูปร่างสูง ใหญ่และใบหน้าคมคร้าม ดวงตาดำสนิทที่จ้องมองมา ถ้ามี โอกาสอีกครั้งข้าจะต้องเอาคืนให้สาสมที่ท่านทำให้ข้าถูกผู้คน หัวเราะเยาะเช่นนี้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ