ภรรยามือใหม่ของคุณจายสื่

ตอนที่ 17 มีคนสะกดรอยตามพวกเรา



ตอนที่ 17 มีคนสะกดรอยตามพวกเรา

ยามค่ำคืนของฤดูร้อนที่มีเสียงจักจั่น ผ่านปลิวไป

ลมดาราที่พัด

เสื้อเชิ้ตสีขาวหิมะ บวกกับกางเกงยีนสีครามห้าส่วน ผมที่ดำมิดเปล่งประกายได้มัดขึ้นสูงเป็นหางม้าสะบัดอยู่ เหนือศีรษะ สวมใส่รองเท้าแตะหนังแกะสีขาว มู่เทียน ซิงแต่งตัวแนวเด็กนักเรียนที่สดใส ยืนตั้งหน้าตั้งตารออยู่ ที่ทางออก

จริงๆแล้ว

สิ่งที่เธอชอบที่สุดคือกระโปรง

แต่ก็เข้าใจว่าผู้หญิงออกบ้านดึกๆมันอันตราย จึง เปลี่ยนเป็นสวมใส่กางเกงมาแทน

สองหูตั้งขึ้นฟังเสียงประกาศของรถไฟอย่างตั้งใจ ประกาศว่าเป็นรถไฟเที่ยวไหน หยุดเมื่อไหร่ สถานี ที่จะถึงบลาๆ เวลาตี1.15นาที ในที่สุดเธอก็ได้เห็นรูป ร่างที่สูงโตที่คุ้นเคย รวมถึงความรู้สึกที่ปลอดภัยและ สบายใจของเธอ ค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

แขนที่ขาวนวลโบกไปโบกมา เธอกระโดดขึ้นอย่าง ดีใจ: “พี่เสี่ยวหลง!

ในท่ามกลางผู้คนที่มากมายเมิ่งเสี่ยวหลงมองไปก็เห็น เลยว่าเป็นเธอ

ตัดบุคลิกของเธอที่ไม่เหมือนกับใครแล้ว แค่พูดถึงว่า แค่เธอกระโดดไปมา ตะโกนๆ ก็สามารถแยกเธอออกจากฝูงคนที่มากมายได้แล้ว

เพิ่งเสี่ยวหลงหัวเราะด้วยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ได้ เดิน ไปทางเธอได้สองก้าว หลังจากนั้น ก็ได้หันข้างไปมองผู้ หญิงคนหนึ่ง

หญิงสาวคนนั้นไว้ผมสั้น ใบหน้าที่ดูดีทุกสัดส่วน สี ผิวสีข้าวโอ๊ตที่ทำให้เธอดูแข็งแรง สวมใส่ชุดเดรสที่ทำ ด้วยผ้าฝ้าย มีนกบางตัวก็เอาแต่ตามเมิ่งเสี่ยวหลง เดี่ยวๆก็มองเขา

มู่เทียนซิงตะลึงไปสักแปป แล้ว

ก็ไม่ตะโกน

และไม่เรียก

เธอเพิ่งจะเห็นว่าบนมือของเมิ่งเสี่ยวหลงได้ถือกระเป๋า เดินทางสองใบที่มีขนาดใหญ่ ข้างนึงเป็นสีดำ อีกข้าง เป็นสีแดง

นึกถึงตอนที่เขาให้ตนเปิดให้แค่ห้องเดียว แล้วยัง สั่งเธอว่าให้นอนอยู่ที่บ้านดีๆ ไม่ต้องมารับเขาเรื่องนั้น ใจของมู่เทียนซิงกระตุกไปทีหนึ่ง!

แม้ว่าเขาจะโตกว่าตน แต่ก็อายุแค่ 20 ปีเอง อย่า บอกนะว่าอยู่ร่วมกับแฟนตั้งแต่แรกแล้ว?

มองดูคู่หูที่โตมาด้วยกันของเธอเดินมากับผู้หญิงคนอื่น ต่อหน้าต่อตา มู่เทียนซิงบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง

ไม่รู้แหละแต่ในใจว่างเปล่าไปหมด
เสมือนกับว่าเลี้ยงหมูตัวหนึ่งมาตั้งแต่เล็กๆทันใดนั้นก็ บอกกับตนว่าจะออกไปดูโลกภายนอกเองอย่างนั้นอะ

สายตาของเธอ มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างๆเขา

ตลอด

แต่กลับกันสายตาของเมิ่งเสี่ยวหลง กลับมองบน ใบหน้าของเธอตลอด

สีหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาก็ได้เก็บเข้าไปตามอาการ สีหน้าที่แย่ของเธอ ในขณะที่ยืนมั่นคงอยู่ตรงหน้าเธอ เขาขมวดคิ้ว

: “ดึกๆไม่นอนอยู่ที่บ้าน ใครสั่งให้แกออกมา?

มู่เทียนซิงจ้องมองผู้หญิงคนนั้นซ้ำๆ แล้วก็หันสายตา หลักไป

ทีแรกมารับเขาด้วยอารมณ์ที่ดี ผลที่ได้คือสรุปว่า เขาให้ “เซอร์ไพรส์”เธอใหญ่โตขนาดนี้ นี้ก็ชั่งเถอะ แต่ ต่อหน้าแฟนแค่เอ่ยปากพูดมาคำแรกก็เป็นแต่คำสั่งสอน เธอจะรับได้ได้อย่างไร?

รู้สึกน้อยใจแล้วยัดคีย์การ์ดใส่ที่มือของเมิ่งเสี่ยว หลง เธอกำหมัดแน่นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ อึดอัด: “ขอโทษ ที่รบกวนพวกคุณ ฉันจะไปตอนนี้ แหละ พวกคุณตามสบาย!

ยังมาอะไรคู่หูโตด้วยกัน เชอะ อะไรวะ ไม่ได้เจอ กันตั้งนาน เจอกันอีกทีก็ดุเธอก่อนเลย
เห็นแฟนดีกว่าเพื่อนจริงๆ!

ยัยตัวแสบนี้โมโหปิดขึ้นสมองเลย หันหลังก็บอกจะ ไป ข้อมือกลับโดนมือที่ใหญ่จับไว้อย่างแน่น!

เธอหันหน้า

แล้วเบะปาก

สีหน้าที่น้อยใจ

สีหน้าท่าทางที่น่ารักก็ได้เขียนไว้บนหน้าว่า: ฉันโกรธ แล้ว! โกรธมาก รีบง้อฉันเร็ว!

น่าเสียดายที่เธอเองไม่รู้ตัวอะไรเลย!

เมิ่งเสี่ยวหลงมองเธอด้วยสายตาที่คมลึกไปทีนึง กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่กลับโดนผู้หญิงคนข้างๆแยกชิง ก่อนซะงั้น

“คุณเป็นน้องสาวของผู้บัญชาการทหารเมิ่งของเราใช่ ปะ? ได้ข่าวว่าเขามีน้องสาวคนหนึ่งชื่อว่าเมิ่งเสี่ยวหวี เด็กกว่าเขาแค่ปีเดียว ต้องเป็นคุณแน่ๆเลย คุณสวย มากเลยค่ะ มองดูแล้วก็รู้เลยว่าเป็นคนบ้านเดียวกันกับผู้ บัญชาการทหารเมิ่งของเรา บุคลิกดูดีเหมือนกันเลย!

มู่เทียนซิงไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้หันหน้าไป แต่ แค่ฟังคำพูดของผู้หญิง รู้สึกว่าตนน่าจะเดาผิดแล้ว แหละ

พวกเขาไม่เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างแฟนกันเลย แต่กลับเหมือนว่าเป็นเพื่อนกันมากกว่า!

“เธอไม่ใช่น้องสาวของผม”เมิ่งเสี่ยวหลงก็ไม่ได้ปล่อยข้อมือของมู่เทียนซิงออกเลยจับไว้ตลอด เขามองผู้ หญิงที่อยู่ข้างๆ สำหรับสายตาที่สงสัยของเธอแล้ว เขา ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แต่ว่ากลับพูดด้วยน้ำเสียง ที่เย็นชา: “ตรงนั้นมีรถแท็กซี่ คุณนั่งแท็กซี่กลับไป เถอะ! ”

อย่าพูดเลย แม้ว่าเพิ่งเสี่ยวหลงเนี่ย จะอายุน้อย แต่ว่าตอนที่เย็นชาขึ้นมา อุณหภูมิรอบๆกายก็ต่ำลง ตามไม่น้อยนะ “อ้อ ขอบคุณมากค่ะผู้บัญชาการทหาร เมิ่ง! “หญิงสาวได้หยิบกระเป๋าเดินทางของตนขึ้น กลับ หลังหันแล้วหนีไปเลย

“หื้ม? ”

มู่เทียนซิงจึงจะหันหน้ามามอง เหวอไปสักสองวินาที แล้วก็มองเมิ่งเสี่ยวหลงด้วยความประหลาดใจ ผสม ผสานกับรอยยิ้ม: “เธอไม่ใช่แฟนของนายหรอ? พวก นายไม่ได้อยู่ร่วมกัน? ”

อาบน้ำอ่างเดียวกันตั้งแต่เรียนอนุบาล เธอแค่ขยับ ก้นเขาก็รู้แล้วว่าขี้เธอเป็นยังไง!

เมิ่งเสี่ยวหลงเหลือบตาไปมองเธอทีนึง มือข้างนึงถือ กระเป๋าเดินทางของตนเอง มืออีกข้างก็ยังคงจับมือของ เธอไว้เหมือนเดิม แต่แค่ไม่ได้แรงเท่าก่อนหน้านั้น

ทั้งสองก็เดินออกไปด้วยกัน และเขาก็พูดไป ด้วย: “ลูกสาวของครูผมอะ กลับมาทางเดียวกันพอดี ก็เลยช่วยเธอถือกระเป๋าเดินทาง ไม่ได้มีอะไรนอกจาก นี้แล้ว! ”
“ออ~!

“หิวมั้ย? ”

“ไม่หิวนายทานหรือยังหล่ะ

“ผมทานแล้ว”

ทั้งสองก็พูดคุยกันไปมา พอเดินไปถึงริมถนน คน ขับรถก็ได้มารับกระเป๋าเดินทางของเมิ่งเสี่ยวหลงไป ยิ้มแย้ม แล้วพูดอย่างสนิทสนม: “คุณชายเสี่ยวหลง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ!

เพิ่งเสี่ยวหลงนิ่งไปสักพัก มองดูดีๆอย่างชัดเจนแล้ว จึงพบว่าคนขับรถนี้เป็นคนเก่าที่อยู่บ้านตระกูลมู่ตั้งแต่ สมัยตอนที่อยู่เมืองชิงเฉิง ก็ได้ยิ้ม: “ครับ”

ไม่ไกลนัก ได้มีรถ โรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่ง ก็ได้จอด ไว้ที่ริมถนนเช่นกัน

หลังจากที่รถของบ้านตระกูลมู่ได้ขับมุ่งหน้า รถคันสี ดำนั้นก็ได้ขับมุ่งหน้าตาม

สีหน้าของจั่วหรันมืดนิดหน่อย

สีหน้าของจั่วซีก็ไม่ได้ดีมากนัก แต่กลับก็ยังยิ้มและ ปลอบใจหลิงเล่: “คุณชายสี่ แม้ว่าเขาสองคนจะจับ มือกันออกมา แต่ผมคิดว่า การที่คุณหนูให้คนขับรถ ของตระกูลมู่มารับด้วยเนี่ย เป็นไปได้นะที่ผู้ชายคนนี้ อาจจะเป็นญาติอะไรของตระกูลมู่”
“เป็นญาติทำไมไม่ไปนอนที่บ้านโดยตรงหล่ะ? คฤหาสน์ของตระกูลมู่ก็ไม่ได้ขาดห้องรับแขกแค่ห้อง เดียวหรอก! “จั่วหรับปฏิเสธคำพูดของน้องชายอย่างไม่ เกรงใจ

จั่วซีจ้องตาพี่ชายไปหนึ่งที พูดต่อ : “คุณชายสี่ ผม รู้สึกว่าแววตาที่คุณหนูมู่มองผู้ชายคนนั้นก็เสมือนกับมอง พี่ชายข้างบ้าน ไม่แน่ผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นพี่ชายข้าง บ้านที่ตอนอยู่เมืองชิงเฉิงก็ได้นะครับ!

จั่วหรันเอาอีกคำแล้ว: “ก็แค่คนข้างบ้าน จำเป็นต้อง เปิดห้องให้เองกับมือมั้ยคุ้มหรอ แล้วยังออกมารับตอน ดึกๆอีก? คุณหนูของตระกูลมู่ดูแลข้างบ้านขนาดนี้เลย หรอ? ”

กระดาษสีขาวหนึ่งแผ่นได้ยื่นมาข้างหน้า

จั่วซีกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ได้เห็นบนกระดาษเขียน ไว้หนึ่งคำ

เงียบ

ทีนี้ ทั้งสองพี่น้องก็ต้องหุบปาก ใครก็ไม่กล้ารบกวน คุณชายสี่

ภายในรถคันข้างหน้า คนขับรถกำลังเลี้ยวเข้าทาง โรงแรมฉ่ซิง เมิ่งเสี่ยวหลงก็ได้เหลือบตาไปมองที่ หน้าต่างกระจกรถหลังอย่างรู้ทัน กล่าว: “มีคนสะกด รอยตามพวกเรา! ”
มู่เทียนซิงหัวเราะ: “นายคิดมากไปละ! ไม่หรอก หน่า!

เธอมีอะไรน่าให้คนอื่นมาตาม?

อย่าล้อเล่นเลย!

สุดท้าย คนขับรถก็ได้มองไปด้านหลังผ่านทางกระจก มองหลัง ก็ได้พูดว่า “มีรถคันหนึ่งขับตามเรามาจริงๆ ด้วย ยังเป็นรถที่หรูอีก เมื่อตอนที่อยู่สถานีรถไฟ ผมก็ได้เห็นนะ แต่ไม่ได้สนใจ พอตอนนี้คุณชายเสี่ยว หลงได้พูด ผมจึงจะพบว่า เขาตามพวกเรามาหลาย ซอยแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ