ภรรยามือใหม่ของคุณจายสื่

ตอนที่ 15 ท่าเหมือนเธอโ



ตอนที่ 15 ท่าเหมือนเธอโ

ก่อนกลับ มู่เทียนชิงเดินไปรอบ ๆ บ้านของหลิงเล่อีก ครั้ง เธอรู้สึกว่านี่เป็นสไตล์ที่เธอชอบเลย แล้วหันไปพู ดกับจั๊วหวั่น “เปิดประตูเร็วส

จั่วหวั่นไม่ขยับ เธอรอคอยให้มีคนมาแก้ปัญหานี้โดยเร็ว

ประตูที่ล็อกซับซ้อนแบบนี้เธอจะต้องจำวิธีการเปิดเอา ไว้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นปัญหาต่ออนาคตที่จะมาอาศัยที่ นี้แน่ๆ

จั่วหัวเราะเบาๆ การเรียกร้องความสนใจจากมู่เทียน ซึ่งเป็นผลสำเร็จ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมากดสองครั้ง ประตูก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ

มู่เทียนซิงอ้าปากกว้างเป็นรูปตัวโอ มองเห็นจั่วหรันเดิน เข้ามาปลดล็อกตัวล็อกนั่นจนมันไปอยู่บนมือของเขา

“คุณหนูมู่ นี่เป็นประตูอิเล็กทรอนิกส์ สามารถใช้ โทรศัพท์ควบคุมมันได้” จั่วหรับพูดจบก็ชูกุญแจขนาด ใหญ่นั่นขึ้นมา “นี่เป็นของเล่นของลูกชายผม เขาชอบ วางมันไม่เรื่อย ทำให้คุณหนูมู่เข้าใจผิดว่าประตูมันล็อก อยู่ ต้องขอโทษด้วยครับ”

มู่เทียนซิงนิ่งไป

หลิงเล่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นนั้นเท้าแขนเอาคางวางบนมือ เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่านยาก เกิดอารมณ์บาง อย่างที่ไม่รู้จักขึ้นมาไม่แน่ใจว่ามันดีหรือร้าย
เจ้านายกับคนรับใช้ทั้งสามคนนี้กำลังทำให้เธอดูเหมือน คนโง่

เธอก๋ากระเป๋าด้วยความโกรธแล้วเดินออกไปโดยมีจั่วห รันทําหน้าที่คนขับด้วยสีหน้าราบเรียบ

เขาเดินเข้าไปนั่งในรถถึงรู้ว่าหลิงเล่ไม่ได้ตามมาเธอก็ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง แต่ภารกิจวัน นี้ก็เสร็จสักที

ก๊อก ๆ

มีคนเคาะที่กระจกรถตามด้วยประตูที่ถูกเปิดออก เป็น รั่วซี เธอยิ้มให้อย่างสุภาพแล้วยื่นกระดาษโน้ตสีขาวมา ให้ บนนั้นเขียนไว้เพียงคำเดียว เส้นคำที่ไหลดั่งเมฆ ดู หยิ่งยโส

อ่าน

อ่านหนังสือ? อ่านหนังสือพิมพ์? อ่านหนังสือระดับชั้น มหาวิทยาลัย?

อ่านนิยาย? อ่านสคริปต์? อ่านบทกวี?

เธอเม้นปากสองครั้งแล้วมองจั่วซี “หมายความว่าไง?”

ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความงุนงง ความสวยและ น่ารักเหมือนกับตุ๊กตาพอร์ซเลนในเทพนิยาย

จั่วซีที่หน้าแดงไม่สามารถพูดอะไรได้ “คุณหนูมู่เป็นคนฉลาด น่าจะเข้าใจคุณชายสี่ได้เป็นอย่างดี”

พูดจบก็ปิดประตูแล้วถอยไปสองก้าวเพื่อโค้งลา

อ่าน?

อะไรวะ?

มู่เทียนซิงจ้องมองโน้ตในมือมองอยู่อย่างนั้นจนนึกออก ก็รีบฉีกกระดาษแผ่นนั้น ปั้นมันเป็นก้อนแล้วบีบทับจน แบน

อีกฝั่งของชายที่นั่งอยู่บนวิลล์แชร์ จ้องมองดูที่จอ LCD ขนาดใหญ่ที่เผยให้เห็นภาพเธอที่กำลังโกรธ การกระทำ ของเธอที่ทํากับโน้ตแผ่นเดียว

เธอคิดแล้วคิดอีก ดูเหมือนว่ามันจะเกินไปหน่อย มือเล็ก เปิดกระเป๋าของตัวเองดู

เธอหยิบปากกาและกระดาษโน้ตสีชมพู

หลังจากเขียน ๆ วาด ๆ เสร็จก็ดึงออกมาเป็นแผ่นแล้ว วาดๆ สอดไว้ที่ที่นั่งของหลิงเล่

เธอนึกสนุกจนหัวเราะออกมาที่ตัวเองสามารถสร้าง ความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชายบนรถเข็นคนนั้นได้

รีโมทควบคุมเปลี่ยนจอไปสองสามครั้งก็พบกับโน้ต สีชมพูนั่น
กุ้งที่ถูกมัดกับไข่ที่แตกแล้ว

นั่นคือทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ตามด้วยลายเซ็น ไร้

สาระ

จั่วหัวเราะ “คุณหนูมู่น่ารักมากจริง ๆ”

ชายบนรถเข็นไม่มีการตอบสนอง เขานิ่งเงียบแต่ดวงตา นั้นกลับแสดงบางอย่างออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากวันหยุดสั้น ๆ มู่เทียนซิงก็กลับไปเรียน

ปล่อยวางใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เงยหน้าขึ้นมอง ท้องฟ้าด้วยใบหน้าบูดบึ้งช่วงเวลาตึงเครียดที่ทุกคน กำลังเตรียมสอบ เธอรู้สึกขี้เกียจแต่ก็ยังสดใสได้

เหมือนกับน้ำค้างหนึ่งหยดในช่วงเช้าของฤดูร้อน

ตลอดสัปดาห์ สิ่งที่ทำบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นการถือ เอกสารที่ต้องทบทวนจำนวนมากไปนั่งคนเดียวในห้อง สมุดจนเวลาผ่านไป

เช้ากับบ่ายจะมีรถของที่บ้านมารับเธอ ตอนเที่ยงไป ทานข้าวที่โรงอาหารคนเดียวหรือไม่ก็ไปหาร้านอาหารดี ๆ ทาน นั่งพิงหน้าต่างด้วยท่าทางสุดเบสิค

ทุกเช้าเย็นฉันรู้สึกแปลกแยกไปจากเพื่อนร่วมชั้นอีก ทั้งยังเป็นน้องใหม่ ทุกคนมาจากทั่วทุกมุมโลกไม่มีใครรู้จักกันมาก่อน ยิ่งถ้าเอาแต่อยู่คนเดียวในห้องยิ่งไม่ต้อง นึกถึงความสัมพันธ์ใด ๆ

อยู่คนเดียว?

ไม่มีทางเสียหรอก!

เธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีพ่อแม่ที่รักเธอ

มีเพื่อนสนิทชื่อเมิ่งเสี่ยวหวี ที่อาศัยอยู่ที่เมืองฉิงเชิง ทั้ง

สองคนโตมาด้วยกัน เมิ่งเสี่ยวหวีมีพี่ชายชื่อเมิ่งเสี่ยวหลง ซึ่งเป็นรักแรกของ

เธอ

จะพูดอีกอย่างว่ารักที่ไม่สมหวังก็ได้

ความรู้สึกขุ่นมัวนั่นอยู่ในใจมู่เทียนซิงอยู่นานหลายปี เพราะไม่เคยสารภาพมันออกมา

เมื่อได้โอกาส เธอก็จะถามถึงเมิ่งเสี่ยวหลงจากเพิ่งเสี่ยว หวีอยู่ตลอด

ไม่มีแฟน ชอบผู้หญิงแบบไหน อยากแต่งงานตอนอายุ เท่าไหร่ แล้วอยากจะมีลูกกี่คน

ถามซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้นหลายปี มู่เทียนซิงไม่สามารถ ปกปิดจากเมิ่งเสี่ยวหวีได้ว่าเธอชอบเมิ่งเสี่ยวหลง

เมิ่งเสี่ยวหวีเองก็ปฏิบัติต่อมู่เทียนซิงประหนึ่งว่าเป็นน้องสะใภ้มานานแล้ว

ในตอนที่ผู่อี้เจ๋อบอกเธอเกี่ยวกับการแต่งงาน ครู่หนึ่งใน ใจของมู่เทียนซิงก็เอาแต่คิดถึงเมิ่งเสี่ยวหลง

จะพูดยังไงดีล่ะ ถ้ารักมันก็คงไม่ยาก

แต่จากนั้นก็เกิดเป็นความรักของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำ เป็นไม่รัก ทุกคนต่างก็พบหนทางที่จะทำให้ตัวเองเติบโต ขึ้น ช่างเป็นรักที่บริสุทธิ์

แถมยังช่วยเติมเต็มช่องว่างของมู่เทียนซิงมานานหลาย ปี ดังนั้นเมื่อเธอคิดถึงเมิ่งเสี่ยวหลงในใจนั้นก็เฝ้าฝัน เสียดาย คิดถึง และขออวยพรให้กับเขา

ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ หลังจากการสอบตัวสุดท้าย วัน หยุดฤดูร้อนของเหล่าเฟรชแมนก็เริ่มขึ้น

ก่อนสอบ มู่เทียนซิงได้รับโทรศัพท์จากเมิ่งเสี่ยวหลง

เขาบอกว่าเขาลาหยุดมา เพราะมันเป็นช่วงหยุดฤดูร้อน ตั๋วไม่ได้จองก็เลยหาได้ยากมาก ที่ได้มาก็เป็นตั๋วนั่งเบาะ แข็ง แต่ก็ไม่เป็นไร เขาจะมาถึงเมือง M ตอนเที่ยงคืน

เขาไม่มีเพื่อนที่เมือง M เลยอยากจะให้มู่เทียนซิงช่วย จองห้องพักให้สักคืน และวันถัดไปเขาจะเดินทางไปเมือง ฉิงเชิงต่อ
เพราะเป็นคำขอร้องของคนที่โตมาด้วยกัน มู่เทียนชิง จึงตกปากรับคําที่จะช่วยเหลือ

“เพราะแบบนี้เธอถึงหัวเราะคิกคักอยู่ตลอดช่วงบ่าย เหมือนสาวงามไร้สมอง เธอคิดว่าแม้จะไม่ได้แต่งงานกับ เมิ่งเสี่ยวหลง แต่เขาก็ยังสามารถเป็นเพื่อนที่พึ่งพาและ ไว้ใจได้ ไว้ใจกันและกันเหมือนพี่ชายคนหนึ่งก็ถือว่าโชค ดีแล้ว!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ