ภรรยามือใหม่ของคุณจายสื่

ตอนที่ 9 ปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ



ตอนที่ 9 ปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ

มู่เทียนซิงส่งรอยยิ้มให้เธอ “พี่สะใภ้ใหญ่”

ฟางหมิ่นจือยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับ “เด็กน้อยคนนี้ ช่างพลังเหลือล้น ทั้งสวย ทั้งสุภาพ โชคดีของเสียว อ แล้ว”

“แน่นอนอยู่แล้ว ดีแค่ไหนที่นายท่านเตรียมการเร็ว ไม่ อย่างนั้นในสองปีนี้คงจะไม่ได้ลูกสะใภ้ดี ๆ มา” เจิงเชี่ยน ยิ้มแล้วพามู่เทียนซิงไปนั่งที่โซฟา

แต่มู่เทียนซิงค่อย ๆ ผินมือออกจากเจิงเชี่ยนอย่างมี มารยาท

ภายใต้สายตาประหลาดใจของอีกฝ่าย มู่เทียนซิงยิ้ม พลางขอโทษ “น้าเชี่ยนนำเลยค่ะ พวกเราจะตามไป

มือขาวกำแฮนด์รถเข็นของหลิงเล่แล้วเข็นไปโดยไม่ พูดอะไรตอนนั้นเองที่เจิงเชี่ยนและฟางหมิ่นจือถึงพึ่งมอง เห็นคุณชาย ที่ถูกตระกูลหล็งทอดทิ้ง

“หนูถึงพูดว่าเป็นโชคดีของเสี่ยวซื้อแล้ว” ฟางหมิ่นจือ พาเจิงเชี่ยนเดินนำไปก่อน “ต่อไปเราก็ไม่ต้องคอยดูแล เสี่ยวซื้อแล้ว เพราะตอนนี้เขาก็มีคนดูแลอยู่แล้ว”

มู่เทียนซิงเอาแต่เข็นรถเข็น เธอมองไม่เห็นสีหน้าของ หลิงเล่ในตอนนี้

คิดว่าเขาก็คงจะหน้านิ่งไร้ซึ่งการตอบสนองเหมือนเดิมบ้านนี้ต่างก็เพิกเฉยต่อเขาแต่เธอไม่สามารถทำได้

ที่เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะเขา

หากไม่มีคุณชายสี่แล้วจะมีภรรยาคุณชายสี่ได้ยังไงล่ะ

“รับเครื่องดื่มไหมคะ” มู่เทียนซิงมองสาวใช้ที่เอาชาน มกลิ่นหอมมาเสิร์ฟ เธอหยิบปากกาและกระดาษมาไว้ที่ มือของหลิงเล่แล้วถามเขาเสียงเบา

เจิงเชี่ยนและฟางหมิ่นจือตะลึงไป ส่วนสาวใช้ก็เกิด อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ไม่ใช่ว่าพวกเขาจงใจไม่เสิร์ฟชาให้หลิงเล่ แต่ตั้งแต่ อุบัติเหตุทางรถยนต์หากเขาต้องการดื่มชาจะเป็นจั่วหรัน หรือไม่ก็จั่ว ที่จะเป็นคนนำมาให้เขา

นายท่านเองก็ไม่รู้ว่าเขาเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา แถมยัง ทะเลาะกันมาแล้วสองครั้งแล้วพูดว่า “คิดว่าฉันจะวางยา ลูกชายตัวเองเหรอ?”

หลิงเล่เองก็แปลกไป นายท่านโกรธมาก เขาไม่ค่อย ตอบกลับแล้วยังเมินเฉยทำธุระของตัวเอง

นับแต่นั้นมาบ้านนี้ก็ไม่เคยเตรียมชาไว้ให้หลิงเล่อีกเลย

ฟางหมิ่นจือคิดว่ามู่เทียนซิงพึ่งจะมาเป็นภรรยาของ บ้านนี้ เธอคงจะไม่รู้เรื่องที่ผ่านมา เธอทายเล่น ๆ ว่า หลิงเล่คงไม่มีทางดื่ม เกรงว่าลูกสะใภ้คนใหม่นี้จะอับอาย เพราะความเย็นชาของหลิงเล่แล้ว
ฟางหมิ่นจือกำลังจะพูด แต่พลันเห็นหลิงเล่เขียนคำสอง คำลงบนกระดาษสีขาวนั่นว่า ของเธอ

ทิ้งความประหลาดใจไว้บนหน้าของสาวตระกูลหลิง แต่ มู่เทียนซิงนั้นสงบนิ่ง

เธอมองดูกระดาษนั้นแล้วคิดว่าถ้าหลิงเล่ต้องการดื่ม เหมือนกับเธอก็คงจะเขียนว่า “ชานม” แต่เขากลับเขียน ว่า “ของเธอ” งั้นก็แปลว่าที่เขาต้องการคงจะเป็นชานม แก้วนั้นของเธอ

ชมนามเหมือนกันแต่ดูเขาต้องการอันนี้มากกว่า

มู่เทียนซิงคิดว่าทำไมถึงไม่มีใครเสิร์ฟชาให้หลิงเล่ เธอ คิดในใจ หรือหลิงเล่จะมีเรื่องในอดีตถึงทำให้เขาตั้งตนว่า จะไม่รับชาจากตระกูลหลิง?

เธอหยิบแก้วนั้นขึ้นมาแล้วกล่าวขอโทษ “ฉันไม่รู้ว่ามัน จะเป็นการทำลายกฎของคุณไหม แต่อนาคตฉันจะไม่ทำ อีก”

เจิงเชี่ยนและฟางหมิ่นจือตกตะลึงอีกครั้ง

วันนี้หลิงเล่เขียนคำถึงสองคำให้กับมู่เทียนซิง เทียบ กับแต่ก่อนที่เพียงแค่คำว่า ทอง ที่เขายอมเขียนก็ถือว่า ถนอมน้ำใจมากแล้ว

มู่เทียนซิงเห็นเพียงแค่สองคำก็ดูออกว่าหลิงเล่ไม่เคย ดื่มชาของตระกูลหลิง เด็กคนนี้จะเก่งเกินไปแล้ว
“เอาชามาให้คุณหนูมู่อีก” ฟางหมิ่นจือสั่งสาวใช้ด้วย รอยยิ้มทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เจิงเชี่ยนชิมชาในมือซ่อนดวงตาดำสนิทของตนเองเอา ไว้

มู่เทียนซิงอายุเพียงสิบแปดปี เธอยังเด็กและไร้เดียงสา เกินกว่าที่จะมาแต่งกับเสี่ยวสื้อ ตระกูลมู่นี่ก็แปลกที่เอา เด็กคนนี้มาไว้กับพายุใหญ่

แต่ตอนนี้ ถ้านายท่านได้รู้ว่าคุณหนูตระกูลมู่นั้นฉลาด แค่ไหน มันคงจะน่าสนใจเป็นอย่างมาก

ตอนนั้นเองที่หลิงหยวนเดินลงมาพร้อมกับลูกชายที่ รายล้อมเขาทั้งสามคน

เขามองไปที่โซฟาก็พบกับสาวน้อยรูปงาม พลันปรากฏ รอยยิ้มขึ้น “555 เทียนซิงมาถึงแล้วนี่เอง”

มู่เทียนซิงทำตามเจิงเชี่ยน พวกเขาทุกคนลุกขึ้นยืนกัน หมด “สวัสดีค่ะคุณลุง สวัสดีค่ะพี่ ๆ”

เธอมองสำรวจผู้ชายตรงหน้าทั้งสี่คนนี้อย่างรวดเร็ว

หลิงหยวนสวมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมแขนสั้นสีน้ำต นาตาล กางเกง ขายาวสีดำ และรองเท้าหนังสีดำ และมีผิวสีซีด ยังไม่ถึง ห้าสิบปีแต่ร่างกายยังดูแข็งแรง ดูแล้วน่าจะดูแลสุขภาพ ร่างกายเป็นอย่างดี

ในอายุเพียงสี่สิบกว่า ๆ ใคร ๆ ต่างก็เรียกเขาว่า นายท่าน ก็สามารถบอกได้อย่างดีว่าหลิงหยวนนั้นปฏิบัติต่อผู้ อื่นด้วยอำนาจและความรุนแรง

ทางซ้ายมือของเขาคงจะเป็นคุณชายใหญ่หลิงเฟิง ใน วัยสามสิบต้นนั้นสวมแว่นตาดำ เชิ้ตขาว และกางเกงขาว ยาวสีน้ำตาลดูเข้ากันได้ดีกับเกียรติและศักดิ์ศรีของฟาง หมิ่นจือ

ขวามือก็คงเป็นคุณชายรองหลิงรุ่ย ที่เกิดมาจากภรรยา คนเก่า พวกเขาทั้งสองคนมีลักษณะที่คล้ายกันมาก ว่า กันว่าเขาเด็กกว่าหลิงเฟิงเพียงหนึ่งปี เขาคือหลิงหยวน เมื่อตอนวัยรุ่นก็ไปสนุกสนานตามประสาผู้ชายจนได้ แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง การแต่งตัวของลูกคนที่สอง ออกจะสบาย ๆ เสื้อยืดสีเทาและกางเกงยีน เขาพึ่งหย่า ไปเมื่อปีที่และยังไม่มีลูก

คนที่จู่ ๆ ก็ขยับออกมาด้านข้าง แล้วพุ่งมาตรงหน้าเธอ และจ้องมองอยู่อย่างนั้นคงจะเป็นคุณชายสามหลิงเย่

เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่มีกระเป๋าติดหลายจุดสีม่วงสดใสและ วัสดุของเนื้อผ้าที่ทำให้เกิดลวดลายสีเข้มน่าหลงใหล แขนเสื้อและคอปกเสื้อถูกเจาะและแสงกระทบนั่นทำให้ เธอลืมตาไม่ขึ้น

เขามีดวงตาเหมือนดอกพีชและสวยกว่าคุณชายใหญ่ กับคุณชายรองแต่เขาทำให้มู่เทียนซิงรู้สึกไม่ดีเพราะ กริยาที่เหมือนผีเสื้อตอมดอกไม้นี่

ดวงตาที่คอยสังเกตนี้มองไปที่หลิงเล่อีกครั้ง
หลิงเล่นั่งอยู่บนรถเข็น เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกง ขายาวสีดำ รองเท้าหนังสีดำที่ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก และแน่นอนว่าใบหน้านิ่งเฉย เส้นผมสีเข้มที่ละเอียดอ่อน ราวหมึกสีดำ ดวงตากลมโตที่เหมือนกับหินออบซิเดีย น ร่างกายของเขาโดยเฉพาะใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นขาว เนียน มือที่ขาวสวยยิ่งกว่าผู้หญิง ไม่ว่าจะตรงไหนของ เขาก็ล้วนเป็นสีดำที่บริสุทธิ์

ไม่รู้ทำไมมู่เทียนซิงรู้สึกว่าสีดำของเขานั้นทำให้เธอ รู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าผู้ชายตรงหน้าเธอ

ได้ยินมาว่าแม่ของคุณชายสี่เป็นคนโปรดของหลิง หยวน จากรูปลักษณ์ของหลิงเล่ที่ดูดีกว่าพี่น้องของตัว เอง ก็ไม่ยากที่มู่เทียนซิงจะคาดเดาได้ถึงความงามของ แม่ของเขา

น่าเสียดายที่คนที่มีความงามขนาดนั้นต้องมาแต่งกับ หลิงหยวน

น่าเสียดายที่ลูกชายที่ดูดีแบบนั้นต้องมาอยู่ภายใต้การ ดูแลของหลิงหยวน

“คุณหนูมู่ เรียกพี่ว่าพี่เย่ก็พอ” ดวงตาของคุณชายสาม ติดตรึงอยู่กับมู่เทียนซิงและเขาก็ยื่นมือออกมา

เขาอยู่ในสวนดอกไม้มานานหลายปียากนักที่จะพบ สาวงามบริสุทธิ์ที่ปราศจากการตกแต่งแบบนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ