ตอนที่ 7 มารับเธอด้วยตัวเอง
การพบกันของมู่เทียนซิงและหลิงเล่ในวันพุธนั้นเกิด ขึ้นอย่างรวดเร็วแต่การพบกันอย่างเป็นทางการของตระ กูลหลิงและตระกูลลู่นั้นเป็นวันศุกร์และในอีกหนึ่งวันเจิง เชี่ยนกับเจี่ยงซินก็นัดพูดคุยกันเรื่องงานแต่งงานที่กลุ่ม โต๊ะไพ่นกกระจอก
สินสอดส่วนหนึ่งเป็นเครื่องประดับจากแบรนด์ชั้นนำ อีกส่วนหนึ่งเป็นทับทิมน้ำงามที่บรรจุอยู่ในกล่องไม้จันทน์ สีแดง มองแวบแรกเหมือนจะเป็นกล่องเครื่องเพชร แต่พอ เปิดดูข้างในมันคือตึกขนาดหกสิบชั้นในเขตซินเฉิงของ ตระกูลหลิง บริษัทที่ทำกำไรอีกสองแห่งที่บริษัทหลิงหวิน กรุ๊ปพึ่งได้มาปีที่แล้ว และสนามแข่งม้าขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ ไกลจากสำนักงานใหญ่บริษัทหลิงหวินกรุ๊ป
ตระกูลหลิงจะแต่งภรรยาเข้าบ้านทั้งทีจะใจกว้างเสีย หน่อยก็ย่อมเป็นธรรมดา
มู่อี้เจ๋อและภรรยาต่างก็คาดหวังกับสินสอดพวกนี้ เพราะมีข่าวลือตอนที่คุณชายใหญ่แต่งงานออกมาว่า สินสอดคือ อาคารคูหาสามสิบคูหาในย่านใจกลางเมือง และโรงงานทอผ้าของตระกูลหลิงอีกสองแห่ง ส่วนตอนที่ คุณชายรองแต่งงานก็เป็นอาคารคูหาสามสิบคูหา แล้วก็ ที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานอะไรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจอีกหนึ่งที่
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าสินสอดของการแต่งงานของ ลูกสาวตนเองในครั้งนี้จะเพิ่มมากขนาดนี้
ตระกูลหลิงนั้นเลี้ยงดูอย่างจริงใจ ส่วนตระกูลมู่นั้นเลี้ยงดูอย่างอบอุ่น
กำหนดวันแต่งงานของหลิงเล่และมู่เทียนซิงได้แล้ว หมั้นช่วงฤดูร้อนวันที่ 8 เดือนสิงหาคม แต่งช่วงฤดูใบไม้ ร่วงวันที่ 10 เดือนตุลาคม
เสียงจักจั่นและนกที่ไม่รู้จักสายพันธุ์บนต้นไม้นั่นทำให้ มู่เทียนซิงปวดหัว
เธอห่มผ้าห่มผืนเล็ก กลิ้งตัวไปมาจนตูดมนนั้นโผล่ออก มาจากผ้าห่มแล้วก็หลับต่อ
แดดอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามาทางกระจกหน้าต่าง ผ่านผ้า ม่านแล้วตกลงที่พื้น เกิดเสียงก้าวเท้าที่ดูเร่งรีบแล้วตาม ด้วยเสียงเคาะประตูของคนจากข้างนอก
“เสี่ยวเทียนซิง!”
เป็นเสียงของเจียงซิน “ตื่นได้แล้ว รถของตระกูลหลิงที่ จะมารับมาถึงแล้วนะ ตื่นได้แล้ว!”
คิดถึงดวงตาดำลึกนั่นมู่เทียนซิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ยังจำวันที่เขาส่งข้อความมาให้แต่ไม่ตอบกลับได้ดี แม้ว่าในใจจะรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้มันเป็นเพียงเพื่อผล ประโยชน์ แต่เขาก็ไม่ควรที่จะเมินเฉยต่อเธอแบบนั้นหรือ เปล่า?
เขาคิดว่าเธออยากแต่งงานกับเขามากเหรอ?
สวมใส่สลิปเปอร์ก้าวไปยังประตูพร้อมกับมือที่สางผม ยุ่ง ๆ แล้วเปิดออกด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความร้อนรน “ตื่นแล้วค่ะ”
“นี่ลูก…”
เจียงซินรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวของตน ก้าวเท้าสองถึงสาม ก้าวไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเอาชุดสีฟ้าน้ำทะเลออกมา “ใส่ตัวนี้สิ มีรองเท้าที่พึ่งได้มาเมื่อคืนใช่ไหม แล้วก็คลัทช์ สีขาวที่พึ่งซื้อมาใหม่” หลังจากพูดจบก็หันกลับไปแต่ ลูกสาวของเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
เจี่ยงซินถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเด็กน้อยที่ปกป้องและดูแล อย่างดีมากับมือกว่าสิบเก้าปีที่ต้องไปอยู่บ้านตระกูลหลิง ที่เป็นบ้านครอบครัวใหญ่ขนาดนั้นจะรับมือกับมันได้ไหม เธอต้องการที่จะไปกับสามี แต่สามีที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกลับ บอกว่าลูกสาวของเราโตแล้ว อีกทั้งนี่ยังเป็นตระกูลหลิง เองที่เชิญชวนลูกสาวเราไป
เห็นได้ชัดเลยว่าสามีเชื่อมั่นในความฉลาดหลักแหลม ของลูกขนาดไหน
แต่เจี่ยงซินกลับรู้สึกว่า ความฉลาดที่ลูกสาวมีไม่ สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตจริงโดยเฉพาะกับครอบครัวที่ เต็มไปด้วยการกดขี่ข่มเหงในแบบที่เธอไม่เคยเจอแบบนี้
เธอตามไปจนถึงห้องน้ำ ไปเจอลูกสาวของตนที่พึ่งเสร็จ ธุระลุกขึ้นยืนจากชักโครกพร้อมกางเกงชั้นในก็ปิดตาลง
“หนูเป็นแบบนี้แล้วจะให้แม่วางใจให้ไปอยู่กับคนพวก นั้นได้ยังไง”
“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ที่แม่บอกมาหนูจําได้หมดแล้วค่ะ”
“รู้แล้วทำได้ไหม หัวอกคนเป็นแม่คือหวังให้ลูกต่อสู้กับ พวกสัตว์ร้ายได้อย่างชนะขาดลอยนะ”
“ทราบแล้วค่ะ”
“เอาโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยนะ ถ้าไม่มีใครถามอะไรก็ ไม่ต้องพูด มารยาทชั้นสูงที่แม่ส่งไปเรียน ไปอยู่ตระกูล หลิงแล้วก็ควักออกมาใช้ให้หมด อย่าปล่อยให้ใครใส่ร้าย ได้ คุณปู่หลิงไม่มีทางทำให้ลำบากแต่ไม่ใช่กับคุณชาย ใหญ่และคุณชายรองที่อิจฉาเพราะเรื่องสินสอดที่ไม่เป็น ธรรม”
ไม่ว่าเจี่ยงซินจะพูดอะไรมู่เทียนซิงก็ไม่สนใจเพราะ แปรงฟันไฟฟ้าในปากนั่น
สิบนาทีต่อมา
ร่างสวยสง่าในชุดสีฟ้าน้ำทะเลผลักประตูคริสทัลออก ไป อาจเป็นเพราะอายุยังน้อยมู่เทียนซิงถึงได้ดูสวย ธรรมชาติและมีใบหน้าอ่อนวัยราวเด็กไร้เดียงสาแถมยัง มีดวงตาที่สดใสและแก้มแดงก่ำดูสุขภาพดีอยู่เสมอแม้จะ ไม่ได้ปัดแก้ม
ดวงตาเพ่งมองรถที่เป็นคันเดียวกับในวันนั้น
จั่วซีที่ยืนอยู่ที่ประตูเบาะหลังของรถส่งยิ้มให้เธอ “อรุณ สวัสดิ์ค่ะคุณหนูมู่”
“เธอนี่รู้งานไวนะ” มู่เทียนซิงทำหน้าบึ้งตึงแล้วบ่นเธอใน ใจ มารบกวนเวลาหลับฝันดีไม่พอยังจะปล่อยให้หิวอีก!
จั่วซีเปิดประตูรถ มู่เทียนซิงกระโดดเหมือนกวางน้อย
หลิงเล่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง ในตอนที่เปิดประตูและบ่นเบา ๆ ราวกับเหมือนมีแสงออโรร่าพุ่งตรงหาเขา เมื่อประตูปิด ลงก็เหลือเพียงแสงแดดกระทบลงบนกระโปรงของเธอ วัยใสที่ไม่สามารถมีอะไรมาเปรียบเทียบได้
เขาลดสายตาลงมองที่ขาของตัวเองดวงตาที่คล้ายว่า จะลุกเป็นไฟก็พลันหายไป
มู่เทียนซิงมองเห็นเขาแล้วแต่กลับไม่ทักทายทำเหมือน เขาเป็นธาตุอากาศ
หลิงเล่เองก็เงียบมากทำเหมือนไม่มีใครขึ้นมาบนร ถด้วย
จั่วหรันขับรถออกมาจากบริเวณบ้านตระกูลมู่ก็หยุด ลงที่ละแวกถนนค้าขาย จู่จั่วซีลงรถไปแล้วกลับมาอย่าง รวดเร็วพร้อมกับถุงของบางอย่างเต็มสองถุง
จั่วหรันลงจากรถไปหยิบเอาถุงในมือจั่วซีแล้วเปิดที่นั่ง เบาะหลัง วางโต๊ะเล็กลงตรงหน้าหลิงเล่และมู่เทียนซิงแล้วหยิบของออกมาทีละชิ้น “คุณชายสี่ คุณหนูมู่ เชิญ ครับ”
มู่เทียนซิงกระพริบตาปริบ ๆ ตรงหน้านี้คือ โจ๊กไก่เห็ด หอม เกี๊ยวกุ้งเล็ก ๆ สี่ชิ้น แล้วก็ชานมอุ่น ๆ อีกหนึ่งแก้ว
เธอหยิบช้อนขึ้นมาเพื่อที่จะเริ่มทาน มองไปยังอีกฝั่งรถ ก็เห็นว่าที่หลิงเล่ก็มีเหมือนกันอีกหนึ่งชุด
เธอเหมือนเด็กที่โกรธง่ายหายเร็ว ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วถาม “คุณก็ยังไม่ได้ทานข้าวเหรอคะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ