ภรรยามือใหม่ของคุณจายสื่

ตอนที่ 5 การเป็นใบ้ของเขาเป็นเรื่องโกหก



ตอนที่ 5 การเป็นใบ้ของเขาเป็นเรื่องโกหก

“ฮัดเช้ย!”

มู่เทียนซิงที่กำลังใส่ชุดนอน ในมือก็กำลังจับทิชชู่แน่น แล้วเช็ดน้ำมูก

ภายในอากาศมีกลิ่นหอมจางๆของสบู่อาบน้ำ ผมที่ดำ ยาวหนาถูกเป่าจนแห้ง บนใบหน้าเล็กที่แสนสวยขาว สะอาด ปลายจมูกมีสีแดงๆ เบ้าตาก็แดงๆ เห็นได้ชัดว่า เป็นเพราะฝนที่เพิ่งตกหนักนั่นจนไม่สบาย

“มาให้แม่ดูหน่อย มีไข้หรือเปล่า”

เจียงซินหยิบ เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ แล้วแต่ไปที่หน้า ผากของลูกสาวเล็กน้อย ไม่นาน หมายเลขอารบิกก็ แสดงผลว่าคงที่ที่38.6 เธอพูดอย่างสงสารอย่างช่วยไม่ ได้ “รีบนอนพักผ่อนนะ กินน้ำเยอะๆ แม่จะไปเอายาลด ไข้มาให้ลูก!”

มู่เทียนซิงดึงทิชชู่มาเช็ดจมูก หลังจากที่ดึงผ้าห่มผืน เล็กแล้วก็นอนลง ก็เห็นว่าพ่อผู่อี้เจ๋อถืออะไรเข้ามาใน ห้องถ้วยหนึ่ง แล้วพูดอย่างเป็นห่วงว่า “ดื่มซุปขิงสิ!”

“ไม่เอา!” มู่เทียนซิงดึงผ้าห่มปิดไปถึงหัวเล็กของตัวเอง แล้วก็ให้เหตุผลที่ปฏิเสธว่า “ซุปขิงมันเผ็ดเกินไป หนูจะ กินยาเม็ด!”

ภายใต้ผ้าห่มผืนเล็ก มู่เทียนซิงย่นจมูกเล็กๆจนยู่ แต่ หูของเธอกลับผึ่งขึ้นมา เพื่อฟังการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านนอกอย่างระมัดระวัง——

“ยาไหนๆก็มีผลข้างเคียงทั้งนั้น แค่เป็นหวัดเฉยๆ ดื่มน้ำ เยอะ ทำตัวอุ่นๆ แล้วก็กินซุปขิงหน่อยก็พอแล้ว”

“เธอมีไข้ แล้วก็ยังกินยาลดไข้ด้วยนะคะ”

“งั้นก็ดื่มซุปขิงก่อน ค่อยกินยา”

“คุณก็น่าจะรู้ว่าเธอไม่ชอบกินของอะไรที่มันกินยากๆ! ซุปขิงนี่จะกินเข้าไปได้ยังไงกัน”

“หลับตาแล้วกินเข้าไปไม่ได้เหรอ ยาปฏิชีวนะกินเยอะ เกินไป มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ”

“ ก็ไม่ใช่เพราะไอเดียบ้าๆของคุณเหรอ ให้ลูกสาว ไปขวางรถของคุณชายสี่ตระกูลหลิงบนทางด่วนน่ะ อันตรายมากนะ ไม่งั้นลูกก็คงไม่ไม่สบายหรอก!”

“ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะอยู่กลางถนนจะฝนตกหนักขนาด นั้นน่ะ”

มู่อี้เจ๋อเถียงกันไปมากับภรรยาของเขา และมีแนวโน้มที่ จะทะเลาะกันมากขึ้น

ในที่สุดมู่เทียนซิงก็กลั้นไม่อยู่ เปิดผ้าห่มลุกขึ้นมานั่ง มองไปที่พวกเขาอย่างเคืองๆ

แล้วเธอก็สะบัดหัวเล็กๆของเธออย่างรวดเร็ว เพราะไม่ อยากดื่มซุปขิง แล้วก็ไม่อยากให้พ่อแม่ทะเลาะกัน ทางเดียวก็คือเปลี่ยนเรื่องคุย “ไม่รู้ว่าคุณชายสี่จะสงสัยหนู มั้ย ใครก็บอกว่าอารมณ์เขาแปรปรวนไม่คงที่ มันยาก มาก วันนี้ที่เจอเขา เพิ่งจะรู้ว่าจริงๆเขาไม่ได้เป็นใบ้ เขายัง พูดกับหนูอยู่เลย”

สิ่งที่ทําให้เธอไม่คาดคิดที่สุดก็คือ เขาได้ยินว่าตัวเอง โดนว่าเสียๆหายๆแบบนั้น ไม่นึกเลยว่าจะใจเย็นได้ขนาด นั้น

เมื่อใจเย็นแล้ว ยังจะพูดเรื่องอดีตที่น่ารังเกียจของตัว เองนั่นด้วย ที่ตั้งใจบอกเธอว่าขาทั้งสองข้างของเขา พิการ แล้วก็ยังเป็นใบ้ด้วย

นี่ยังทำให้มู่เทียนซิงรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ มากจนถึงตอนนี้

มู่อี้เจ๋อกลับเอาซุปขิงที่อยู่ในมือวางไว้บนตู้ที่อยู่บน หัวนอนของลูกสาว แล้วหัวเราะเบาๆ “ครึ่งปีก่อนแกอยู่ที่ เมืองชิงเฉิง ไม่ใช่ว่าช่วยผู้ชายที่ขาสองข้างเดินไม่ได้ไว้ เหรอ จำได้ไหม”

สายตาของพ่อไม่ได้มีนัยอะไร มู่เทียนซิงฉลาดมากๆ ตาโตๆที่เหมือนไข่มุกสีดำก็หันกลับมามองด้วยตาที่เป็น ประกาย แล้วก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “คนที่หนูช่วยไว้คือ คุณชายสี่งั้นเหรอ”

เป็นไปไม่ได้หรอก

บังเอิญอะไรขนาดนั้น แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลย!
มู่อี้เจ๋อนั่งลงที่ข้างเตียงของลูกสาว แล้วก็อธิบายว่า “ความซับซ้อนของครอบครัวที่ร่ำรวย โดยเฉพาะการแย่ง ชิงผู้นำของตระกูลระหว่างพี่น้อง การต่อสู้มันก็ยิ่งรุนแรง คุณชายใหญ่ของตระกูลหลิงกับคุณชายสองเป็นลูกแม่ เดียวกัน ก็จะค่อนข้างสนิทใจกัน ครั้งนั้นก็เป็นเพราะพวก เขาตั้งใจจะหยั่งเชิงคุณชายสี่ กลัวว่าที่ขาทั้งสองข้าง พิการมันจะเป็นเรื่องโกหก ดังนั้นก็เลยวางแผนพาเขาไป ที่เมืองชิงเฉิง เพื่อให้ห่างจากสายตาของคุณพ่อของตระ กูลหลิง แล้วก็วางแผนทำให้เขาตกน้ำอีก”

มู่เทียนซิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วพูดต่อว่า “เพราะ ว่าคนเราจะช่วยเหลือตัวเองอย่างไม่รู้ตัวในช่วงเป็นตาย น่าสิวน่าขวาน ดังนั้นคุณชายสี่ขาสองข้างพิการจริงไหม หลังจากที่มองเขาตกลงไปในน้ำว่าช่วยตัวเองได้หรือ เปล่า ก็รู้แล้ว”

ยกมือขึ้นไปจับสันจมูกของลูกสาวที่น่ารัก มู่อี้เจ่อยิ้ม อย่างปลื้มใจ “ใช่ ดังนั้น ตอนที่ลูกเห็นเขาตกน้ำ บังเอิญ ไปช่วยเขา พ่อก็เพิ่งรู้ว่าคนที่ลูกช่วยคนนั้นคือคุฯชาย สี่ เพราะว่าลูกน้องของเขาจั่วซีครึ่งปีมานี้เขาตามหาลูก ตลอด หลายวันก่อนเขาหาบ้านเก่าตระกูลมู่ที่เมืองชิง เฉิงของเราจนเจอ พ่อก็ได้ข่าวมา ก็เลยรู้ว่าลูกเคยช่วย คุณชายสี่”

เจียงซินถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้างั้นจะ บอกว่า เรื่องที่คุณชายสี่เป็นใบ้เป็นเรื่องโกหก แต่ว่าเรื่อง ขาพิการเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ”

“ถ้าเรื่องขาพิการของเขาจะเป็นเรื่องจริง งั้นถ้าเทียน ซิงแต่งงานไป พ่อก็จะได้สบายใจ” มู่อี้เจ๋อลุกขึ้น ไปโอบไหล่ภรรยาเอาไว้แล้วพูดว่า “อย่ากังวลไปเลย อย่างน้อย ตอนนี้ทั้งหมดก็ยังอยู่ในแผนของเรา ไม่ใช่เหรอ”

เจียง นก๋าลังจะพยักหน้า แต่กลับได้ยินเสียงร้องของ ลูกสาว “ซวยแล้ว!

เธอรีบเข้าไปถามลูกสาวทันที “เป็นอะไรไป

มู่เทียนซิงจามออกมาครั้งหนึ่ง ใบหน้าเล็กที่สวยงามทํา หน้ามุ้ยแล้วพูดว่า “จั่วซีคนนั้นจะต้องจำหนูได้แน่ ไม่ใช่ว่า จำหนูได้ว่าหนูเป็นคุณหนูของตระกูลมู่นะ แต่จำได้ว่าคือ คนนั้นที่ช่วยคุณชายสี่ที่เมืองชิงเฉิง!”

เมื่อนึกย้อนกลับไปอย่างละเอียด ตอนนั้นทันทีที่จั่วซี เห็นหน้าของเธอ ก็พูดติดอ่างแปลก แล้วก็เรียกออกมา ว่า “ตู่” มู่เทียนซิงนึกกลัวภายหลังนิดหน่อย “เรื่องเป็นใบ้ ของคุณชายสี่ในเมื่อเป็นเรื่องโกหก ถ้างั้นเขาสามารถ โกหกได้หลายปีขนาดนี้ จะต้องจัการอย่างรอบคอบคน เดียวแน่นอน ที่เขาพูดต่อหน้าหนู เขาต้องจำได้แน่ๆว่าหนู คือคนที่ช่วยเขา!”

มู่อี้เจ๋อทำท่าคิดเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร

มู่เทียนซิงก็พูดอีกว่า “ตอนที่หนูลงรถเขาให้เบอร์ โทรศัพท์กับหนูมาเบอร์หนุ่ง พ่อแม่ลองพูดสิ นี่มันเป็นเกม เกมหนึ่งหรือเปล่า ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจจะรออยู่ก็ได้ รอให้ หนูโทรไปหาเขาน่ะ! พ่อแม่ลองคิดดูสิ บังเอิญเยอะขนาด นี้ แล้วเขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก จะประมาท ไม่ได้ ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องสงสัย!”
บรรยากาศภายในห้องก็อึดอัดขึ้นมาทันที มู่เทียนซิงม องไปที่พ่อ แล้วก็กลับมามองที่แม่อีก

ถึงแม้ว่าเธอจะฉลาด แต่ว่ายังไงเธอก็เป็นสาวน้อยคน หนึ่ง เติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นตั้วแต่เด็ก พ่อก็ดูแล ดีมาก ไม่เคยเจอกับการต่อสู้ของคนรวยจริงๆ แม้แต่ ประสบการณ์พื้นฐานในสังคมก็เป็นศูนย์

ถึงแม้ว่าจะได้เห็นได้ยินเรื่องราวมามากมาย แต่ว่าก็ไม่ เคยเจอจริงๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความรู้สึกลึกซึ้ง

สักพัก เจียงซินก็พูดอย่างกังวลว่า “ถ้าคุณชายสี่เกิด สงสัยขึ้นมา จะต้องไม่ยอมรับเทียนซิงแน่ๆ การแต่งงาน ครั้งนี้ก็เท่ากับเปล่าประโยชน์น่ะสิ แต่ว่าคุณปู่หลิงให้ ความสำคัญกับลิขสิทธิ์สิบกว่าชิ้นภายใต้ชื่อบริษัท ของพวกเราขนาดนั้น ถึงลูกชายคนเล็กจะไม่สามารถ แต่งงานได้ ตระกูลหลิงเขาก็ยังมีคุณชายสองกับ คุณชายสามอยู่ คุณชายสองก็แก่ขนาดนั้นแล้ว คุณชาย สามก็เป็นคุณชายชอบเข้าสังคม พวกเขา”

พวกเขาไม่ปลอดภัยเท่ากับคุณชายสี่ผู้ชายที่ขาพิการ หรอก!

คุณปู่หลิงเป็นคนเจ้าชู้มาตลอดชีวิต จนแต่งงานกับ ภรรยาคนที่สี่ ลูกชายของเขาจะเป็นผู้ชายที่ดีได้ยังๆไง

การแต่งงานเพื่อธุรกิจครั้งนี้หัวใจหลักก็คือการทำธุรกิจ มู่เทียนซิงก็เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลมู่ เป็นลูกสุด ที่รักของภรรยาผู่อี้เจ๋อ พวกเขาจะปล่อยให้ชีวิตของพวกเขาถูกลูกชายที่ไม่ได้เรื่องของตระกูลหลิงหยามเกียรติ ได้ยังไง

ตามที่พวกเขาคิดไว้ตั้งแต่ทีแรก หลังจากที่ทั้งสองตระ กูลหลิงมู่ดองกันแล้ว ลิขสิทธิ์สิบกว่าชื้นภายใต้ชื่อบริษัท ของตระกูลมู่ก็จะแบ่งกับตระกูลหลิง และโรงงานผลิตผ้า ไหมร้อยปีของตระกูลหลิงก็จะแบ่งกับตระกูลมู่

หลังจากได้รับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่านแล้ว การ แต่งงานครั้งนี้ก็จะจบลง

จริงแล้วหลิงเล่ก็เป็นคนพิการ หลังแต่งงานก็ไม่สามารถ ใช้ชีวิตตามแบบสามีภรรยา นี้เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่ แล้ว

นอกจากนี้ผู้เทียนซิงก็ยังอายุน้อย อายุไม่เกินสิบแปด ในอนาคตเมื่อถึงวัยยี่สิบต้นๆจะเป็นช่วงที่มีความสามารถ และบุคลิกที่โดนเด่น มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก หลังจากหย่า แล้วก็ค่อยหาผู้ชายดีๆมาใช้ชีวิตด้วยกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ