ตอนที่ 9 พึงหวงครอบครอง
นัชชาอยากจะหุบปาก แต่เมื่อฟันแตะไปถึงนิ้วของเขา เธอก็ ตกใจและอ้าปากใหม่อีกครั้ง ดวงตาโตๆ ใสๆของเธอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม สภาพที่เกือบจะร้องไห้ทำให้เตชิตหวั่นไหว ไปกว่าเดิม
ในที่สุด เขาก็เล่นจนพอใจแล้วจึงถอนนิ้วออก
บนโต๊ะมีผ้าขนหนูที่เปียกวางอยู่ เตชิตหยิบมันมาเช็ดนิ้วตัว เอง กลับมองเห็นนัชชานั่งนิ่งอยู่นั่นแววตาเต็มไปด้วยความงุนงง
เรื่องที่เขาทำในเมื่อกี้ เธอเหมือนยังไม่เข้าใจเลย ความ บริสุทธิ์อย่างนี้แทบจะทำให้เตชิตมีการตอบสนองขึ้นมา
แต่เมื่อกี้เพิ่งทำในห้องครัว ถ้าบ่อยเกินไป เธอคงรับไม่ไหว
“ดวิษไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับเธอ คงจะเป็นเขาไม่เคยได้ เห็นสภาพของคุณในตอนนี้” เตชิตนึกถึงผู้หญิงที่นัชชาให้เขาดู ในวิดีโอ เขาเยาะเย้ย “มีอาหารที่ล้ำค่าอยู่ตรงหน้าไม่กิน ชอบ กินอาหารที่เสียไปแล้ว ”
คำพูดของเตชิตบางทีก็อาจจะไม่ได้หมายถึงความดูถูก แต่ เมื่อนัชชาได้ยินกลับไม่ใช่อย่างนั้น เธอรู้สึกละอายใจจนอยากจะ มันตัวเข้าไปในรู เธอรีบเอาเสื้อผ้ามาห่อที่ตัวแล้ววิ่งออกไปทันที
เตชิตมองดูเธอที่วิ่งออกประตูไป ดวงตาค่อยๆมีรอยยิ้มเล็กๆ ขึ้นมา ไม่ใช่แค่ดอกเดซี่ดอกเล็กๆ แต่ยังเป็นเจ้าตัวหัวโบราณ
นัชชาวิ่งมาถึงห้องที่เตชิตจัดไว้ให้ และล็อคประตูห้องทันที แล้วก็พุ่งตัวลงบนเตียง เอาผ้าห่มปิดหน้าไว้แล้วร้องไห้ฮือๆขึ้น
คิดถึงเรื่องนี้ที่เมื่อกี้ นัชชาก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา เธอวิ่งไปที่ ห้องน้ำเปิดก๊อกน้ำล้างปาก น้ำเย็นกับน้ำตาผสมกันอยู่ในอ่าง เธอมองดูผู้หญิงที่ปากทั้งบวมทั้งแดงในกระจก แม้เธอตนเองก็ รังเกียจจนไม่อยากมอง
เธอในตอนนี้ จะมีอะไรแตกต่างกับดวิษอีก ?
ถึงแม้เธอต้องการหย่าร้าง แต่ยังไงเธอก็ยังไม่ได้หย่า ตอนนี้ เธอมายุ่งกับเตชิตแล้ว นอกจากผู้ชายคนนั้นไม่ยอมปล่อยเธอ ไป แล้ว เธอยังมีความคิดส่วนหนึ่งที่ไม่อยากไปอยู่รึเปล่า
นัชชาถามตัวเอง แต่เธอกลับไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า
เธออยากให้เตชิตช่วยยึดสิ่งที่เป็นเธอกลับมา อยากให้เตชิต ช่วยให้เธอชนะคดีนี้
และสิ่งที่อีกฝ่ายจะเอาก็คือร่างกายนี้
นัชชามองเห็นรอยสีแดงเข้มบนหน้าตัวเอง ตรงนั้นยังมีสีของ ยาติดอยู่ เธองงงันสักครู่ นึกถึงตอนที่อยู่ในห้องสมุด สภาพที่ เขาก้มหน้าทำแผลให้เธอ…..
นัชชารีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ตนเองตกอยู่ในภวังค์
‘ปัง ปัง ปัง
เสียงเคาะประตูทำให้เธอหลุดพ้นจากความคิดนั่น ไม่ต้อง บอกก็รู้ว่าเป็นใคร
เธอเช็ดหน้าให้เรียบร้อยแล้วเดินไปเปิดประตู สิ่งที่โผล่เข้าใน สายตาคือใบหน้าไม่พอใจของเตชิต “ล็อคประตู ?”
นัชชาเม้มริมฝีปาก “ฉันจะนอนแล้ว ”
ชายคนนั้นยิ้มอย่างชั่วร้าย รอยยิ้มนั้นแฝงด้วยความโกรธ “ใครบอกเธอว่าเราจะแยกเตียงนอนกัน ?
นัชชาตกใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะมานอนกับเธอ ? เธอหันหลังกลับไปดู ก็พบว่าที่นี่เหมือนเป็นห้องนอนหลัก……
ในช่วงเวลาที่กำลังมึนงง เตชิตก็ผลักประตูเดินเข้ามาแล้ว และหันหลังกลับไปปิดประตูลง แล้วอุ้มเธอไปไว้ที่เตียงทุบลงไป ทันที อย่าลองไปท้าทายขีดจำกัดของผม มันไม่ดี”
นัชชามองไปสบสายตากับเขา ความเยาะเย้ยในเมื่อกี้หายไป แล้ว ตอนนี้เหลือไว้เพียงความมืดมนที่เข้าใจได้ยาก เธอกลืน น้ำลาย และเพิ่งอยากจะแก้ตัว โทรศัพท์มือถือที่อยู่บนหัวเตียง
ดังขึ้นอย่างกะทันหัน นัชชารู้สึกโล่งใจขึ้นทันที “ฉัน ฉันขอไปรับโทรศัพท์ก่อน
เตชิตไม่ได้ห้ามเธอ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยเธอไป แขนยาวๆของเขา คว้าโทรศัพท์มา หลังจากได้เห็นสายเรียกเข้าบนหน้าจอ เขาก็ ขมวดคิ้วเล็กน้อย รับโทรศัพท์ไปแล้ววางข้างๆหูเธอ
“นัชชา คุณเก่งนัก ไม่กลับบ้านสองสามวัน แถมเอาหนังสือ สํารองออกไปด้วย คุณอยากทําบ้าผมใช่ไหม ?” เสียงที่ระคาย เคืองของดนระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
ใบหน้าที่สีแดงอ่อนของนัชชากลายเป็นซีดขาว “มีอะไรก็บอก มาเลย ฉันไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระของคุณ
“เหอะ นัชชา ผมคิดว่าคุณคงลืมฐานะของตัวเองไปแล้ว ผมจะ บอกคุณให้ หากยังไม่ได้หย่าคุณก็ยังเป็นภรรยาของผมที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ผมมีสิทธิ์ที่จะสั่งให้คุณกลับบ้าน ” พูดเสร็จ ดวิษ พูดต่ออย่างเลวร้าย “อย่าพูดว่ากลับบ้าน ถ้าฉันอยากทำกับเธอ เธอก็ต้องนอนลงไปให้ดีๆ
นัชชากลืนความขมขื่นลงท้อง พูดอย่างสงบจิต“คุณดวิษ ฉัน ทํากับหมายังดีกว่าทำกับคุณ
หลังจากพูดประโยคนี้เสร็จ ดษไม่ทันด่าว่าเธอ เตชิตที่กอด เธออยู่ก็หยิกไปที่ร่างกายของเธอ นัชชาไม่ทันตั้งตัวเลยส่งเสียง ร้องออกมา เมื่อมองเห็นสายตาอันไม่พอใจของผู้ชายเธอพึ่งรู้ตัว ขึ้นมา
ทํากับหมา …
เธอไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น
นัชชายังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงตื่นเต้นของดวิษก็ดังขึ้น “นัช ชา อย่าให้กูรู้นะว่ามึงไปมั่วที่ไหน?”
เสียงร้องอุทานของเธอในเมื่อกี้ ดษคุ้นเคยมากที่สุด แต่ตอนนี่มันเวลาค่ำคืน เมื่อได้ยินนัชชาส่งเสียงคลุมเครือแบบนั้นออก มา เป็นผู้ชายก็ต้องทนไม่ไหว อีกทั้งคนนั้นยังเป็นตวิษ
“ฉันจะอยู่ที่ไหนมันเกี่ยวอะไรกับคุณ ? ดษ คุณอย่าถือตัวเลย วันที่ฉันกลับไปก็เป็นวันที่ฉันจะไปเซ็นสัญญา ใบหย่ากับคุณ
สายโทรศัพท์อีกฝ่ายนั้น ดาษยังคงตะโกนอยู่ แต่นัชชาไม่ อยากฟังต่อไปแล้ว เธอรู้ว่าดวิษจะยอมแพ้ง่าย เธอเลยปิด โทรศัพท์ไป
แม้ว่าจะทำตัวเข้มแข็งไม่แยแส แต่หลังจาวางสายแล้ว นัชชา ก็ยังอดรู้สึกว่างเปล่าในใจไม่ได้ ยังไงเธอก็รักชายคนนั้นมานาน หลายปี จะบอกวางลงก็วางลง เธอทำไม่ได้หรอก
เตชิตมองดูท่าทางหดหูของเธอ คิดถึงเรื่องโทรศัพท์ที่พึ่งคุย ไป เขาไม่ได้พูดอะไรใดๆ ลากเสื้อโค้ทของนัชชาขึ้นมา มือ ใหญ่ๆของเขาก็ยื่นเขาไป
นัชชาอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เธอไม่อยากทำเลยแม้แต่น้อย เธอ ผลักเขาออก “ฉันไม่อยากทํา….”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเตชิตก็มืดครึ้มมากกว่าเดิม ดึงสาย
รัดชุดนอนออก แล้วผูกมือของเธอไว้กับเตียง เมื่อก้มหน้าลง
มองเห็นสายตาอันหวาดผวาของผู้หญิง เขาพูดด้วยน้ำเสียงไร้ อารมณ์ “นัชชา เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธผม พูดจบ เสื้อผ้าบนตัวเธอถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยมือของชายคนนั้น
นัชชาตกใจอย่างมาก พยายามดิ้นรน “อย่า เตชด ฉันไม่ สบาย..
เรี่ยวแรงของเธอไม่สามารถทนต่อความต้องการที่มากมาย
ของเขาได้ แต่เตชิตคิดว่าที่เธอพูดไม่สบายคือเพราะโทรศัพท์เมื่อครู่นี้
เขาโมโหกว่าเดิม “งั้นเราเปลี่ยนใช้วิธีอื่นก็ได้”
เขาปล่อยมือนัชชาจากที่มัดไว้บนหัวเตียง และเปลี่ยนเอาไป ผูกไว้ข้างหลังเธอแทน แรงหนักจนทำให้ฝ่ามือของเธอมีเลือด ออกเล็กน้อย
นัชชาถูกบังคับให้คุกเข่าบนเตียง น้ำตาแห่งความอายก็ไหล ออกมา เธอไม่ได้เต็มใจและสายหัวอย่างต่อเนื่อง “อย่าทำแบบนี้ ได้ไหม ขอร้อง …..
เตชิตทำเป็นหูทวนลม นัยต์ตาที่มืดมนของเขาก็ยิ่งดูเข้มขึ้น นิ้วทั้งห้าสางผมที่ยุ่งของเธอเพื่อให้หัวของเธอนิ่งไว้
นัชชารู้สึกสับสน เหมือนเธอไม่มีความรู้สึกอะไรแล้วราวหุ่น
เชิดตัวหนึ่งของเตชิต
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ