คุณภรรยา อย่าหนีฉันไปไหนนะ

บทที่4 รองเท้าคริสตัลของซินเดอเรลล่า



บทที่4 รองเท้าคริสตัลของซินเดอเรลล่า

ถังหน่วนเวยสาวเท้าเดินเข้าห้องตัวเอง ปล่อยให้หลินเถาเขาอยู่ ในห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง หญิงสาวขดตัวลงบนโซฟาแล้วกอด หมอนแน่น ในที่สุดก็ให้ครั้งแรกของตัวเองสำเร็จก่อนคืนวันพรุ่ง นี้ แม้คนคนนั้นจะไม่ใช่พี่เสิ่นสี เป็นคนที่เธอไม่รู้จักแม้แต่เลยแต่ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าพวกเศรษฐีใหม่ก็แล้วกัน

พรุ่งนี้ หวังว่ามันจะมาไม่ถึง…

กว่าช่างซิวจือจะกำจัดนักข่าวกลุ่มนั้นได้ก็ไม่ง่ายนักจน สามารถกลับห้องพักของตัวเองได้ เขาไม่ได้พักอยู่ที่คฤหาสน์ เป็นเพียงตึกหนึ่งเท่านั้น เพียงเพื่อป้องกันข่าวเสียๆหายๆจึงซื้อ เหมาทั้งชั้น ตอนที่ลิฟท์เปิดออกเขาเห็นประตูห้องของตัวเองแง้ม อยู่ ลนลานส่งเสียงออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย

“แม่ครับ เวลาจะมาบอกผมล่วงหน้าหน่อยได้ไหมครับ?” ช่าง ซิวจื่อรีบก้าวเข้าไปตามประตูห้องโถง อดบ่นไม่ได้

ด้านในมีเสียงตอบรับดังกลับมา “ทำไม บ้านลูกชายตัวเองยัง ต้องให้ใครอนุญาตอีก?”

บ้านเซียสวมผ้ากันเปื้อน ในมือถือไม้พายออกมาจากห้อง ครัว ใบหน้าของเธอมีริ้วรอยตามกาลเวลา ผ่านชีวิตมาอย่าง โชกโชนแต่กลับดูไม่แก่นักแต่กลับดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่า ดวงตาสี กาแฟคู่นั้นราวกับน้ำพุที่ไหลลื่น
“แม่ไม่ได้ไปใช้ชีวิตแบบ โลกนี้มีเพียงเราสองกับพ่ออยู่เหรอ ครับ?” เห็นท่าไม่ดีช่างซิวจื่อก็ชิงเปลี่ยนเรื่องเสียก่อน

ได้ยินแบบนั้น ช่างที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาเอ่ย ตอบอย่างไม่เต็มใจนัก “ก็มีสายจาก แม่บุญธรรมคาคาตามให้ เรากลับมาไม่หยุดน่ะสิ”

“ทําไมครับ?”

ช่างเหลือบตามอง กัดฟันตอบกลับว่า “เขาบอกว่าจะมาอยู่ กับเราด้วย สี่คนหรรษาไงล่ะ”

ช่างซิวจื้อหลุดหัวเราะออกมา นี่มันสไตล์แม่บุญธรรมชัดๆ

“ความคิดของคาคาก็ไม่เลวนะ อยู่ด้วยกันสี่คนเวลาไปเที่ยว ไหนคงครึกครื้นไม่น้อย” ซูป้านเซี่ยเอ่ยขัดซ่าง

“ผมว่าตอนนี้เจ้าคงรู้สึกไม่ต่างจากผมนักหรอก” ช่าง พิมพ์ เขาเกลียดที่ตัวเองถูกควบคุมโดยโล่คาคา จะให้บ้านเซีย ร่วมวงด้วยได้ยังไงเล่า?

“งั้นก็แสดงว่าคุณกับชูเห้าไม่ได้มีความรู้สึกร่วมกับฉันแล้วก็ คาคา” ซูป้านเซี่ยแกว่งไม้พายไปมา ตอบรับการสนทนาไปอย่าง นั้นเอง

เมื่อเห็นว่าบ้านเซียคิดอย่างไรตรรกะและเหตุผลอย่างสิ้นเชิง ช่างจึงเลือกที่จะเงียบ หลายปีที่ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยาร่วมกัน มาทำให้เขาเข้าใจอยู่เรื่องหนึ่งว่าอย่าได้พยายามถกเถียงกับ ภรรยาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม และเขาย่อมไม่มีวันเอาชนะเธอได้เพราะความคิดของเธอนั้นไร้เหตุผล การเถียงข้างๆคูๆเป็นจุด แข็งของเธอ ถ้ายั่วโมโหเธอแล้วจุดจบก็มีแต่น้ำตา

ช่างซิวจื่อถอดชุดสูทออก เลือกที่จะไม่ร่วมสนทนาแบบเด็กๆ ของทั้งสองคนอย่างชาญฉลาด

“ร่วมทุนกับบริษัทY.F.เป็นยังไงบ้าง?” ช่างเอ่ยขึ้นลอยๆ

ขณะกลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ

“อืม ราบรื่นดีครับ” ช่างซิวจื่อตอบพลางหยิบน้ำจากตู้เย็น ออกมาดื่ม “แล้วก็พรุ่งนี้เย็นผมจะไปร่วมงานเลี้ยง

“งานเลี้ยงเชิงธุรกิจสินะ” น้ำเสียงซ่างค่อนไปทางถอดทอด หายใจ “พ่อละไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยสักนิด

“ฉะนั้นพ่อก็เลยรีบยกบริษัทให้ผมสินะครับ ตัวเองจะได้เป็น อิสระ” ช่างซิวจื่ออดค่อนแคะไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะซูป้านเซีย รั้งเขาไว้ เกรงว่าซางคงยกบริษัทให้เขาซะตั้งแต่ตอนที่เขา อายุสิบแปดปีเป็นแน่ จะได้ดีต่อการใช้ชีวิตหวานชื่นสองคนแบบ สามีภรรยา

“ทางที่ดีสุดก็คือ” ซ่างเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ แล้วยิ้ม เจ้าเล่ห์ “รีบมีลูกซะ แบบนั้นแกก็จะได้ยกบริษัทให้เขาได้

ช่างซิว อยิ้มเยาะ บนหัวคล้ายมีนกกาบินผ่านไปเป็นฝูง เขา พูดอะไรไม่ออก พ่อเขามีความคิดผิดๆแบบนี้แล้วเขายังคิดแบบ นี้อีก ตอนที่เขาเพิ่งได้บริษัทมาใหม่ๆ ก็มีความคิดเช่นนี้เหมือน กัน
“ซิวจื้อ แล้วลูกมีคู่ควงไปงานเลี้ยงรึยัง?” จู่ๆ บ้านเซียก็ถาม ขึ้นมา

“ตอนนี้ยังไม่มีครับ แต่ไม่พาใครไปก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“ผิดแล้วล่ะ บางครั้งผู้หญิงน่ะเป็นเครื่องมือเข้าสังคมที่ยอด เยี่ยมเลยล่ะ” ซูบานเซียว่าพลางขยับมือ

ช่างซิวจื่อมองช่างอย่างสับสน แล้วอีกฝ่ายก็หันมาสบตา พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับซูบานเซีย

“ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองหาทางดู” เพื่อไม่ให้บ้านเดี่ย เรื่องนี้อีก ช่างซิวจือจึงยอมรับปากพอเป็นพิธี เพราะสำหรับเขา แล้ว บทบาทของผู้หญิงไม่มีอะไรมากไปกว่าการปลดปล่อย ความต้องการทางร่างกาย

“โอเค งั้นมาทานข้าวกันดีกว่า” ซูป้านเซียนำอาหารวางบน โต๊ะ มองดูลูกชายและสามีด้วยความคาดหวัง

ช่างซิวจื่อมองหน้าตาอาหารเหล่านั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็กลืน น้ำลายลงอย่างลำบาก “แม่ครับ บางทีถ้าแม่ไม่ทำให้อาหาร ออกมา ขนาด ผมก็อาจจะอยากกินก็ได้นะครับ”

ช่างทนไม่ได้ที่ภรรยามีสีหน้าหน้าหม่นหมองลง จึงเอ่ยขณะ ที่ถลกแขนเสื้อขึ้น “ให้ผมลองชิมหน่อยก็แล้วกัน”

หลังจากที่แต่งงานกันมา ช่างก็ดูแลบ้านเซียดีจนเธอเสีย นิสัย เขาพยายามฝึกฝนตัวเองให้ทำอาหารได้ดีถึงขั้นเทียบเท่า เชฟได้ เลยทำให้ซูป้านเซียที่เห็นฝีมือของเขาแล้วก็ไม่ยอมเข้าครัวอีกเลยนับแต่นั้นมา รอให้ช่างเป็นฝ่ายทำให้ทาน จุดนี้เอง ที่เหมือนกับคาคาราวกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน เนื่องจาก ฝีมือของ ชูเท้าก็ไม่เป็นสองรองใคร

ในมุมของคนนอกที่มองมา ผู้ชายสองคนนี้มีความสุขเหมือน ลูกบอล เข้าครัวทำอาหารให้ภรรยาทานเป็นเรื่องที่เบิกบานใจ ที่สุดแล้ว

ถังหน่วนเวยเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้รับมอบหมายคดีใหญ่ๆ มากมาย จึงยุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็นจนไม่มีเวลาดูแลหลินเถาเยา ตอน พอกลับถึงห้องด้วยสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้า เธอก็ไม่ได้ ทันสังเกตว่าห้องของหลินเถาเขาเงียบอย่างผิดปกติ เธอเข้าห้อง ไปแล้วก็ล้มตัวลงนอนเหมือนคนที่อดหลับอดนอน

ในขณะเดียวกันนั้นหลินเถาเยาที่สวมชุดราตรีเกาะอกสีม่วง สุดเซ็กซี่กำลังนั่งอยู่ในรถยนต์สุดหรูอย่างว้าวุ่นใจ ข้างๆเป็น ชายอ้วนท้วมวัยกลางคนที่ยิ้มหวานขณะกุมมือเธอไว้ไขมันที่ แก้มยกขึ้นเหมือนภูเขา

ต่อให้เมื่อก่อนเจอผู้ชายมือปลาหมึกหลินเถาเขาก็ไม่เหมือน ถังหน่วนเวยที่ถึงขึ้นตบตีอีกฝ่ายแต่ก็มีการขัดขืนอยู่บ้าง ทว่า ตอนนี้ เธอไม่อาจทำอะไรทำใจตัวเองได้ หลินเถาเขาถอน หายใจอย่างคนที่ไร้ทางเลือก

รถจอดข้างหน้าสโมสรอันโอ่อ่าแห่งหนึ่ง หลินเถาเขายืนอยู่ หน้าประตูทางเข้า พยายามห้ามปากตัวเองไม่ให้อ้าเป็นรูปตัวโอ แม้บ้านเธอจะไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรแต่ก็ไม่ได้ลำบากเรื่องเงินถือว่าเป็นคนที่มีฐานะมั่นคงคนหนึ่งทว่ากลับไม่เคยพบเห็นวิลล่า ที่หรูหราประหนึ่งราชวังเช่นนี้มาก่อน

หลินเถาเยาใจเต้นตึกตัก หากไม่ระวังแล้วเดินสะดุดล้มเข้า เก รงว่าสปอนเซอร์ที่เธออุตส่าห์หามาได้อย่างยากลำบากก็คงต้อง แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ

ดังนั้น หลินเถาเยา เธอจะต้องระวังให้ดี ห้ามทำเรื่องอับอาย ขายขี้หน้าเป็นอันขาด! เธอพูดๆกับตัวเอง แต่ว่านะเวลาที่เธอ พูดกับตัวเองแบบนี้ทีไรมันมักจะเริ่มต้นได้ไม่สวยทุกทีเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ