ยั่วรักคุณบอส

บทที่ 3



บทที่ 3

เวลา 12.00 น. @ โรงอาหาร

เมื่อถึงเวลาทานมื้อเที่ยงฉันกับพรรคพวก ในแผนก ต่างก็ เดินเกาะกลุ่มมายังโรงอาหารของบริษัท พนักงานที่นี่มีหลาย ร้อยชีวิต ทำให้ตอนเที่ยง ๆ อย่างนี้มีผู้คนพลุกพล่านมากเป็น พิเศษ

โต๊ะนั่งทานข้าวเต็มพื้นที่ถูกจับจองไว้จนเกือบหมด แต่ทว่าที่ ประจำของพวกเราทั้งห้าชีวิตซึ่งประกอบไปด้วย พี่นุช พี่ต้อย พี่ ออย พี่เมย์ และคนสุดท้ายก็คือฉันเอง ยังคงเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีใครจับจอง

“ยัยดาวแกรู้สึกแปลก ๆ ไหม” เมื่อนั่งลงที่โต๊ะแล้วพี่นุช ชะโงกหน้า มาเอ่ยกับฉันด้วยสีหน้าสงสัย มองซ้ายมองขวาเพื่อ สังเกตพฤติกรรมคนรอบตัว

“หนูก็คิดว่ามันแปลก ๆ ตั้งแต่เดินมาแล้วอ่ะพี่” ที่เป็นอย่าง นั้นเพราะพนักงานคนอื่น ๆ ต่างก็มองมาที่ฉันแล้วหัวเราะคิกคัก สนทนากันแล้วมองมาราวกับกำลังนินทาว่าร้ายซะอย่างนั้น

“ฉันนึกว่าคิดไปเองคนเดียวซะอีก” พี่ต้อยเอ่ยสมทบอีกคน
“แกไปทําอะไรไว้หรือเปล่ายัยดาว คนถึงได้มองทั้งบริษัท อย่างนี้” พี่เมย์เอ่ยถาม

“เปล่านะพี่วัน ๆ หนูก็อยู่แค่ในแผนกพวกพี่ก็เห็นนี่นา”

“เออ…ก็ใช่นะ” พี่เมย์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดฉัน “ช่างเถอะเดี๋ยวก็รู้เองล่ะไปซื้อข้าวกันเถอะ” พี่ออยว่า

จากนั้นเราทั้งหมดก็เดินไปเลือกซื้ออาหาร ในระหว่างยืนรอ เข้าคิวอยู่นั้น ก็มีสาว ๆ กลุ่มที่ยืนข้างหลังซุบซิบเสียงเบาแต่ทว่า ฉันกลับได้ยินถนัดหู

“สภาพอย่างนี้นะกล้าไปบอกชอบบอส”

“ฉันก็ว่างั้นล่ะ ฉันสวยกว่าตั้งเยอะยังไม่มั่นหน้าขนาดนั้นเลย”

“ยังโชคดีที่ไม่โดนไล่ออก

ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ คนทั้ง บริษัทรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน เพราะตอนนั้นก็มีแค่ฉันกับเขาเพียง สองคนที่อยู่ในห้อง ถ้าจะมีใครเป็นคนพูดคงไม่พ้นบอสแน่นอน เขาทำอย่างนี้ทำไม หรือต้องการแกล้งให้ฉันอับอายขายหน้า จนอยู่ไม่ได้งั้นเหรอ คิดจะบีบให้ฉันลาออกทางอ้อมสินะ

ไม่มีทาง!

ฉันหันขวับกลับไปมองผู้หญิงพวกนั้นด้วยสายตาอันดุดัน เจ้าหล่อนทั้งหลายปิดปากเงียบสนิท ลอยหน้าลอยตาหันไปมองทางอื่นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“านได้อายอดเคยได้ยินคำนี้ไหม

หลายคนอาจจะมองว่าฉันเป็นผู้หญิงเรียบร้อย แต่ทว่าพอได้ โมโหแล้วกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย ฉันเป็นพวกไม่ยอมคน อยาก ได้อะไรก็ต้องได้ ซึ่งมันขัดกับบุคลิกที่คนอื่น ๆ มองมา แต่ถ้าคิด แล้วก็คงไม่แปลกที่คนอื่นจะมองฉันแบบนั้น

ฉันถือจานข้าวมานั่งทำหน้างองุ้มที่โต๊ะตัวเดิม พวกพี่ ๆ ต่าง ก็จ้องมองมาราวกับมีคำถามมากมายในใจ

“หนูรู้แล้วว่าเรื่องอะไร”

“เรื่องอะไรว่ามาเร็ว ๆ พวกฉันรอฟังอยู่” พี่นุชเจ้าเก่าชะโงก หน้าเข้ามาใกล้ ราวกับอยากฟังซะเต็มประดา

“เมื่อวานที่พี่นุชให้หนูเอาเอกสารไปให้บอส หนู…บอกชอบ เขาด้วยอ่ะ” ฉันสารภาพให้ทุกคนฟัง แม้ว่าพวกนางจะรู้อยู่แล้ว ว่าฉันชอบบอส แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะใจกล้าถึงขนาดนี้

สาวโสดทั้งสี่อุทานขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

“เบา ๆ สิคะคนมองกันใหญ่แล้ว”

“อย่างนี้น้องฉันรุกให้เต็มที่เลย ได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที หลังจากปรับสภาพสีหน้าได้แล้วพี่นุชก็น่าทีมยกนิ้วให้ฉัน ยกย่องให้กับความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว ที่ค่อนข้างจะบ้าบิน)
“หนูทำดีแล้วใช่ไหมคะ

“แน่นอน ใครจะว่ายังไงก็ช่างอย่าได้สน เพราะพวกหล่อน ๆ เองก็อยากได้บอสจนตัวสั่นเหมือนกันนั่นล่ะ” พี่ต๋อยสนับสนุน อย่างเต็มที่

“แกต้องเป็นตัวแทนลบล้างคำสาปของสาวบัญชีนะ ห้ามขึ้น คานเด็ดขาด!” พี่นุชผู้จัดการเอ่ยกับฉันด้วยสีหน้าจริงจัง

“ค่ะ…ยิ่งได้เสียงสนับสนุนจากพวกพี่หนูยิ่งมีแรงฮึดสู้ แต่

“แต่อะไรยะยดาว” พี่เมย์ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

“ทำไมบอสต้องเอาเรื่องนี้มาประจานหนูด้วยอ่ะ ไม่เข้าใจ เลยจริง ๆ เขาเกลียดหนูถึงขั้นนี้เลยเหรอ”

“แกแน่ใจนะว่าบอสเป็นคนทํ

“ถ้าไม่ใช่บอสจะใครล่ะคะ ก็วันนั้นมีหนูกับเขาอยู่ในห้องแค่ สองคน”

“คนอย่างบอสเนี่ยนะจะมาเล่นอะไรบ้า ๆ อย่างนี้ฉันไม่ อยากจะเชื่อเลย” สีหน้าของพี่นุชดูก็รู้ว่าไม่มีทางเชื่อ ว่าเรื่องพวก นี้จะออกมาจากปากบอส แต่ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ

“แต่หนูมั่นใจว่าต้องเป็นบอส พี่นุชคิดว่าหนูจะเป็นคนพูด เองเหรอคะมันเป็นไปไม่ได้”

“ก็จริงของแกอ่ะ แต่ก็ช่างมันเถอะรีบกินดีกว่ากับข้าวเย็นหมดแล้ว”

ฉันนั่งทานข้าวไปในหัวก็คิดเรื่องบอสไปด้วย ฉันมั่นใจว่า ต้องเป็นเขาแน่นอน ยืนยัน นอนยัน นั่งยัน ไม่มีทางผิดไปจากนี้ แน่นอน และฉันต้องถามให้รู้เรื่องว่าเขาทำไปทำไมกัน

เลิกงานแล้วฉันก็รีบเก็บของเข้ากระเป๋าแล้วเดินลงไปที่โรง จอดรถ วันนี้จะต้องหาทางคุยกับบอสให้รู้เรื่องให้ได้ว่าเขาทำ อย่างนั้นทำไม แต่อีกหนึ่งจุดประสงค์ก็เพื่อจะได้อยู่ใกล้เขา มัน คือหนึ่งในแผนตีสนิทกับเจ้านายสุดหล่อนั่นเอง

ฉันแอบซุ่มอยู่ข้างรถบอส เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเปิดประตูรถ แล้วจึงรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งฝั่งข้างคนขับทันที โชคดีที่ไม่มีใคร อยู่แถวนั้น

“เฮ้ย! เธอเข้ามานั่งในรถฉันทำไมเนี่ย” เมื่อเห็นฉันเขาก็ สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ จู่ ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งในรถ ด้วยก็คงจะตกใจเป็นธรรมดา

“หนูมีเรื่องจะคุยกับบอสค่ะ” ฉันไม่ยอมลงจากรถแถมยัง คาดเข็มขัดนิรภัยอีกด้วย

เขาชักสีหน้าใส่จ้องเขม็งมาราวกับต้องการขับไล่ฉันซะเต็ม

ประดา

“ลง-ไป-เดี๋ยวนี้ มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ ฉันไม่ได้ใจดี ตลอดหรอกนะ” เขาเอ่ยเสียงเข้มเพื่อกดดันให้ฉันลงไป

“ก็หนูบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับบอสยังไงล่ะคะ หนูไม่ลงจนกว่าจะได้คุยให้รู้เรื่อง”

“ฉันไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงหน้าด้านอย่างเธอมาก่อนเลย ไม่ลง ใช่ไหมเดี่ยวได้เห็นกัน

สีหน้าของบอสดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเขาก็เร่งเครื่อง

เสียงดังก่อนจะขับออกไปจากรั้วบริษัท

ฉันได้แต่นั่งเงียบอยู่อย่างนั้นยังไม่กล้าเอ่ยอะไร เพราะกลัวว่า จะไปกระตุกต่อมโมโหเขาให้ปะทุขึ้นอีก กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เขาขับรถด้วยความเร็วราวกับกำลังแข่งในสนามก็ไม่ปาน

“บอสลดความเร็วหน่อยได้ไหมคะหนูกลัว” ฉันนั่งหลับตา พนมมือภาวนาในใจขออย่าให้รถไปชนกับอะไรเลย

“อยากนั่งนักไม่ใช่เหรอฉันจะจัดให้” เขายังไม่ยอมลดดีกรี

ความโมโหร้ายลงเลยสักนิด นี่ฉันทำเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ตั้งใจ

จะมาอ่อยกลายเป็นว่ามายั่วโมโหเขาซะงั้น

“หนูลงก็ได้ค่ะจะ…จอดให้หนูเถอะนะ” ฉันพยายามเอ่ย ขอร้องเขา ขับรถเร็วขนาดนี้ใครไม่กลัวก็บ้าแล้ว

“อ้าว! กลัวเป็นด้วยเหรอ จําเอาไว้ว่าคราวหลังอย่ามาถือ วิสาสะปฏิบัติตัวอย่างนี้กับฉันอีกหึ ๆ”

เอี๊ยดดดด!!!

ปีก!

“โอ๊ยยย!!!! จะจอดทําไม่บอกกันก่อนเนี่ย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ