ยั่วรักคุณบอส

บทที่ 1



บทที่ 1

หลังจากฉันและน้องสาวตัวแสบ ช่วยแม่เตรียมร้านขายข้าว แกงหน้าบ้านเสร็จแล้ว ก็กลับเข้ามาทานข้าวในครัว หลังจากพ่อ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง พวกเราก็เหลือกันเพียงสามคนแม่ลูก อาศัยอยู่ในบ้านไม้สองชั้นหลังเก่า ๆ ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง ใจกลางเมืองหลวง

ภาระอันหนักอึ้งของฉันกับแม่ก็คือ ส่งเสียยัยอิงฟ้าเข้าเรียน ในโรงเรียนเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง เพราะอยากให้มันได้มีสังคมดี ๆ จะได้มีอนาคตไกลกว่าการเป็นพนักงานบัญชีต๊อกต๋อย และ แม่ค้าขายข้าวแกงอย่างพวกเรา ในตอนนี้

แม่หวังอยากให้ฉันมีสามีรวย ๆ เพื่อจะได้มาช่วยพยุงฐานะ ทางบ้าน ส่วนสิ่งที่แม่หวังกับ “อิงฟ้า ก็คืออยากให้มันเรียนสูง ๆ จะได้ทำงานดี ๆ เงินเดือนสูง ๆ ช่างต่างกันลิบลับเลยทีเดียว

“เรียนเป็นไงบ้างยะตอนนี้” ฉันเอ่ยถามน้องสาวขณะนั่งทาน ข้าวต้มอยู่ในครัว

“ก็ดี” มันตอบสั้น ๆ อย่างไม่ใส่ใจฉันเลยสักนิด เอาแต่จ้อง หน้าจอมือถืออยู่นั่นล่ะ
“ถ้าเกรดไม่ถึงสามฉันจะให้แกกลับมาเรียนโรงเรียนวัด

คอยดู”

“ถึงอยู่แล้วน่า อย่างฉันเก่งกว่าพี่ตั้งหลายเท่า ไม่ต้องห่วง

หรอก”

“แล้ว โทรศัพท์นะอย่าเล่นให้มันมากนัก

“พี่ไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ถ้า หาผัวรวย ๆ มาเป็นลูกเขยแม่ไม่ได้มีหวังโดนเชือดแน่” ทำไมมัน พูดแทงใจดำฉันอย่างนี้เนี่ย อิน้องเลว! ทำเอาซะเถียงไม่ออก

“หาได้อยู่แล้วย่ะระดับนี้

“แหม ๆ ๆ ดูตัวเองหน่อยแต่งตัวก็เชย หน้าก็จืดชืดอย่างนี้ ผู้ชายที่ไหนเขาจะมาชอบ อย่าฝันถึงผู้ชายรวย ๆ เลยแค่แฟนสัก คนที่ยังไม่มีเลย ถ้าไม่อยากขึ้นคานฉันแนะนำให้เปลี่ยนตัวเอง ใหม่ ก่อนที่อะไรมันจะสายไป” พูดจบมันก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หยิบ มือถือแล้วเดินออกไป ปล่อยให้ฉันนั่งเอ๋อแดกอยู่คนเดียว

“ไม่สวยตรงไหนเนี่ย” ฉันพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางจ้องมอง ดูตัวเองแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

ก่อนออกไปทำงานในทุก ๆ วันไม่ลืมที่จะไหว้ผู้หญิงคนนี้ คุณนายพิมวดี” หรือที่ลูกค้าเรียกเจ้พิม นางมีความฝันอยากเป็น คุณนายนั่งนับเงินกับเขาบ้าง เพราะอาศัยในบ้านไม้หลังเก่า ๆ นี้ มาเกือบทั้งชีวิต

“หนูไปทำงานแล้วนะจ๊ะแม่” ฉันเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้ในขณะที่แม่กำลังนั่งรอลูกค้าอยู่หน้าร้าน

“เออ ๆ โชคดีมีชัย รีบหาผัวรวย ๆ มาให้ฉันได้ชื่นใจเร็ว ๆ ทํางานงก ๆ จนเหงื่อท่วมตัวหมดแล้วเนี่ย” นี่คือคำอวยพรในทุก วันที่ฉันได้รับจากแม่ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงได้กล้า เข้าไปอ่อยบอสถึงในห้อง

“เลิกกดดันหนูแบบนี้สักทีเถอะแม่”

“ฉันจะพูดไปเรื่อย ๆ จนกว่าแกจะหาลูกเขยรวย ๆ มาให้ฉัน ได้ ถ้าแกไม่อยากได้ยินก็รีบหามาซะฉันจะได้เลิกขายข้าวแกงซะ

“หนูไม่พูดกับแม่แล้วไปล่ะ

ฉันรีบเดินสะพายกระเป๋าออกมาจากหน้าบ้าน เพื่อเดินไป ขึ้นรถเมล์หน้าปากซอยเหมือนเช่นทุกวัน ต้องนั่งรถสองต่อกว่า จะถึงบริษัท บางทีมันก็เบื่อกับชีวิตมนุษย์เงินเดือน ตื่นนอน ไป ทำงาน กลับบ้าน วนเวียนอยู่อย่างนี้ทุกวันแทบไม่มีเวลาให้กับ ตัวเองเลยสักนิด

ชีวิตในเมืองหลวงช่างมีแต่ความวุ่นวายแท้ แต่ฉันก็ชินซะ แล้วล่ะเพราะเจออย่างนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต เวลารถเมล์มาที ต้องแย่งกันขึ้น ผู้โดยสารบนรถแน่นไม่ต่างจากปลากระป๋อง ส่วนคนที่แพ้อย่างฉันก็ต้องยืนรอรถคันต่อไปอย่างเซ็ง ๆ

“จะทันสแกนนิ้วไหมเนี่ย” ฉันยืนร้อนใจอยู่ป้ายรถเมล์ จ้อง มองเวลาที่นาฬิกาข้อมืออยู่บ่อยครั้ง ปกติแล้วหากได้ขึ้นรถรอบ นี้จะไปทันเวลาเข้างาน แต่ทว่าวันนี้คนเยอะผิดปกติ จนขึ้นไม่ทันจึงต้องรอค้นต่อไปซึ่งไม่รู้ว่าจะมาอีกตอนไหนน่ะสิ

แบนๆ

จู่ ๆ รถหรูสัญชาติยุโรปก็ขับมาจอดเทียบริมฟุตบาทตรง หน้า ฉันขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัยรู้สึกคุ้น ๆ กับรถสีดำคันนี้ ซะเหลือเกิน แต่พออีกฝ่ายลดกระจกลงมาทุกอย่างก็ถูกเฉลย เป็นบอสสุดหล่อของฉันนั่นเอง กรี๊ดดดด!!!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ