บทที่10 ห้ามบอกเขา ฉันป่วยหนัก
รวิชญ์ลากชาคริยาออกจากรถอย่างหยาบ คาย ชาคริยาทรงตัวไม่ทัน เกือบล้มลงบนพื้น ยังดี ที่วรพลประคองไว้ ชาคริยาหันหลังจ้องมองรวิชญ์ ด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ
“รวิชญ์ อย่าลืมซิ วันนี้คุณสองคนจะไปหย่า กันนะครับ”วรพลพูดเตือน
รวิชญ์พูดอย่างเย็นชาว่า “ตลาบใดที่ยังไม่ ได้หย่า ชาคริยาก็เป็นเมียผม ไม่อนุญาตให้บุคคล ภายนอกมายุ่งเกี่ยวด้วย
ตามนี้ ชาคริยาถูกลากเข้าในรถของรวิชญ์ ชาคริยาต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมือรวิ ชญ์ได้ เธอตะโกนพูด นี่
คุณหมายความว่าไงค่ะ ปล่อยฉันนะคะ
รวิชญ์หัวเราะเยาะ หันไปจ้องมองชาคริยา “มิน่าอยากหย่าร้างกัน เธอคิดนานแล้วใช่ไหมที่จะ เข้าสู่อ้อมแขนของวรพล คิดว่าไม่มีคนรักแล้ว ก็ไป รักวรพลเหรอ เธอเปลี่ยนใจได้เร็วจริงๆ
คำพูดเยาะเย้ยของรวิชญ์ทำให้สีหน้าชาคริยา เปลี่ยนไป เธอไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีคนช่วย อย่างน้อยวรพลดีกว่าเขา “แล้วคุณละ ดีกว่า คุณที่กะจิตกะใจไม่อยู่กับฉัน
วีนาทีนี้ รวิชญ์ไม่พูดอะไร ขับรถด้วยจิตใจ หม่นหมอง บรรยากาศ
อึดอัดในรถทําให้ชาคริยาหายใจไม่ออก
กดปุ่มเปิดหน้าต่าง ลมเหนาวพัดขึ้นมาบน ใบหน้าทําให้เธอตื่นตัวบ้าง
จริงเหรอเราจะได้รับอิสระแล้ว
ชาคริยาน้ำตาพร่ามัว ไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้ารวิ ชญ์ เธอไม่อยากให้เขารู้สึกไม่เต็มใจ ไม่อยากให้ เขาคิดว่าเธอเสแสร้ง
ทั้งๆที่เธอเป็นผู้เสนอว่าจะหย่าร้างกัน เหมือน แกล้งทำเป็นเสียใจอีก
รักคนๆนึงมากเกินไปเหมือนในโลกนี้มีแค่ผู้ชายคนเดียว
ประนีประนอม อ่อนน้อมถ่อมตน สุดท้ายก็จับเงาเขาไม่อยู่
ระหว่างทาง ชาคริยารู้สึกปวดท้อง เหมือนถูก เข็มแทง ไม่สบายมาก ชาคริยาหน้าซีดเผือด กด ท้องไว้แน่
รวิชญ์สังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ หันมาดู เห็นชาคริยาเหงื่อแตก รีบเบรครถ “เธอเป็นอะไร”
“ส่งฉันไปโรงพยาบาล” ชาคริยาจับมือรวิชญ์ ร้องขอ “ฉันปวดท้อง ฉันกลัวลูกเป็นอะไร”
รวิชญ์ขมวดคิ้ว ลูกคนนี้มาอย่างกะทันหัน แต่ เขาก็ไม่สามารถทำนิ่งเชยมองชาคริยาปวดท้องจะ เป็นจะตายได้
รีบกลับรถเปลี่ยนทิศทาง พาเธอไปส่งโรง
พยาบาล
“คุณรวิชญ์ ทารกในครรภ์ภรรยาคุณไม่มั่งคง ต้องนอนรักษาที่โรงพยาบาลสองสามวัน
ชาคริยานอนบนเตียงสีหน้าซีดเผือด กดท้อง ไว้ ขอให้ลูกยังอยู่ เธอก็มีความหวัง
รวิชญ์สีหน้าซับซ้อน พูดอย่างเย็นชาว่า “ผม ออกไปแป๊บเดียว”
รอห้องผู้ป่วยไม่มีคนธีภพก็เข้ามา ในมือถือผล ตรวจสุขภาพเข้ามาด้วย พูอย่างจริงจังว่า “ชาคริ ยา เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอเป็นโรคมะเร็งกระเพาะ อาหารในระยะสุดท้าย”
ชาคริยาไม่อย่าคุยเรื่องนี้ มะเร็งกระเพาะ อาหาร ความตาย ความเจ็บป่วยของโรค ชาคริยา คิดได้หมด แต่เธอไม่เสียใจที่ทำเช่นนี้เลย “ฉันรู้ค่ะ ฉันเหลือชีวิตไม่ถึงสิบเดือน”
“รวิชญ์ไม่รู้หรือครับ” ธีภพถาม
“เขาไม่รู้ค่ะ” ชาคริยาหลบสายตา ไม่อยาก ให้เขารู้ “ขอร้องนะค่ะ อย่าบอกเขา ตอนฉันมีชีวิต อยู่ ฉันขอให้เขาไม่รู้อะไรเลย ให้เขารู้สึกจริงๆว่าฉัน ตามตื้อเขาอีกสิบเดือนก็จะหย่ากัน เขาจะได้ไม่ต้อง ปวดร้าว”
พูดไป ชาคริยาแฝงด้วยเสียงสำลัก เธอรักเขา มาสิบสามปี ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด แต่เวลารู้ว่า ตัวเองเหลือชีวิตสิบเดือนเท่านั้น รู้สึกเศร้าน้ำตาร่วง รวิชญ์ไม่รักเธอ ไม่เป็นไร ยึดติดกับความเชื่อ เธอ สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อรวิชญ์ได้
“เธอทำแบบนี้เพื่ออะไร” ธีภพถอนหายใจ
“หากคุณเป็นฉัน คุณก็ต้องทำอย่างนี้ค่ะ ฉัน ไม่อยากให้เขาปวดร้าว ความตายเป็นสิ่งที่น่าเศร้า สำหรับฉัน ฉันไม่อยากให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน กับความเศร้าโศกนี้ บางทีเขาอาจรู้สึกโล่งใจหลัง จากที่เขารู้ แต่ฉันไม่กล้าเสี่ยง”
นี่เป็นวิธีที่ชาคริยารักรวิชญ์ แมลงเม่าลุยไฟ ถึง ตายก็ไม่กลัว
ชาคริยาดีขึ้นบ้าง เพื่อตัวน้อยนี้ เธอระมัดระวัง มาก เธอจะใช้พลังสุดท้ายคลอดตัวน้อย
รวิชญ์ส่งข้อความให้ชาคริยา ให้เธอขึ้นไปชั้นดาดฟ้า
ชาคริยาไม่เห็นรวิชญ์ครึ่งวันแล้ว รู้ว่าเขาอยู่ ดาดฟ้า ก็พาร่างหนักและอ่อนแอขึ้นดาดฟ้า
ที่ดาดฟ้าลมแรงนิดๆ ลมพัดผ่านร่างชาคริยา รู้สึกหนาว ชาคริยาหารวิชญ์ไม่เจอ แต่กลับเห็นปาริ ดายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ