ตอนที่ 8 กล้าแย่งผู้ชายของเธอ
ยามค่ำคืน แสงไฟนีออนถูกจุดขึ้นในเมืองอัน เงียบเหงาสีสันงามตา หัวใจอันเปลี่ยวเหงาของผู้คน มัก ใช้สถานบันเทิงแห่งนี้เป็นสิ่งเติมเต็มความว่างเปล่า
ห้องรับรองทองคำ
เวทีห้องโถงใหญ่ชั้น 1 มีการแสดงร้องเพลงเต้นรำ กันอย่างคึกคัก ล่างเวทีผู้ชมส่งเสียงเฮฮาครึกครื้น สนุกสนานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บนชั้นสองเป็น ห้องส่วนตัวแบบเปิด สถานที่โด่งดังอันเงียบสงบไม่มี เสียงรบกวน ประตูไม้กั้นถูกแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ แยกออกจากเสียงที่ดังรบกวน ขณะเดียวกันก็ยัง สามารถมองเห็นการแสดงจากชั้นหนึ่งได้อีกด้วย
“เห้ย ธีมนต์ ออกมาเที่ยวแล้วก็อย่าทำหน้าตาเฉยชา แบบนั้นสิ เงิน 300 ล้านหยวน เล็กน้อยนา ถือว่าบริจาค ไป” ทัศสัยมองเห็นหน้าตาเฉยชาของเพื่อนรัก มองดู พวกเขาพูดคุยกัน เขาพูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยค นี่มันไม่ เหมือนกับคุณชายธีร์ผู้หยิ่งยโสคนนั้นเอาเสียเลย
นรัตว์ ยิ้มเบาๆ กวาดสายตาไปมอง เอ่ยขึ้น “ทัศสัย นายนี่มันไม่รู้อะไรซะเลย ที่ไอธีร์มันคิดนะไม่ใช่เรื่อง เงินหรอก แต่มันคือ เรื่องศักดิ์ศรี”
ธีมนต์ได้ยิน หันมองนรัตว์อย่างยอมรับ ยกเหล้าขึ้น มากระดกรวดเดียว
“ธีร์ค่ะ คุณมาอยู่ที่นี่เอง” ธีมนต์วางแก้วเหล้าลง น้ำ เสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้น จรรย์ธรเดินเข้าไปอย่างไม่สนใจ แต่งตัวด้วยชุดที่สวยงาม เหมือนเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า แล้วว่าจะมาที่นี่
ธีร์มนต์ ไม่สนใจเธอ เขาแค่หวังบางอย่างจากเธอ เกรงว่าคืนนี้ตั้งใจมาเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและ จับผิดเขา
5 ปีผ่านมา ธีมนต์มองจรรย์ธรออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ก็เพราะว่าเธออยู่ในสังคมชั้นสูงนำพาให้พวกเขา ต้องเกี่ยวพันกัน เพียงแค่ต้องการที่จะหลอกใช้ผล ประโยชน์จากเธอ ขัดขวางเรื่องที่ไม่จำเป็นและยุ่งยาก ออกไป พอดีกับที่ใช้เธอเพื่อเป็นข้อต่อรองที่แม่ของเขา พยายามจับคู่ให้เขา
บังเอิญกับที่ 2 สาว รูปร่างผอมสูงชื่อเสียงโด่งดังให้ เมืองแห่งนี้เดินเข้ามา เธอไม่สนจรรย์ธรที่ยืนขวางอยู่ ตรงกลาง หันไปทักทาย ทัศสัย
“คุณชายทัศ คืนนี้ช่างบังเอิญจังเลย พวกเราขอนั่งดื่ม ด้วยคนได้ไหมคะ?”
ทัศสัยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยหันไปทางธีมนต์ กระแอม สองที สอบถาม “เห้ย ธีมนต์ ดื่มด้วยกันหน่อยไหม?”
จรรย์ธรมองผู้หญิงสองคนตรงหน้า ในใจโกรธเคือง แต่ภายนอกกลับทำเป็นเหมือนไม่สนใจ ยิ้มมุมปาก อย่างอ่อนโยน
อีกอย่างเธอเข้าใจนิสัยของธีมนต์ดี เขาไม่มีทางนั่ง ร่วมโต๊ะกับคนแปลกหน้าอย่างเด็ดขาด
ธีมนต์ยกเหล้าขึ้นดื่ม รู้สึกได้ถึงสายตาของจรรย์ธร จงใจตอบ “ก็แล้วแต่!”
เธอขมวดคิ้วชนกัน หญิงสาวทั้งสองมองดูจรรย์ด้วย สายตาลึกซึ้ง จงใจเบียดจรรย์ธรให้ถอยห่าง เดินไปนั่ง ลงใกล้ธีมนต์
ธีมนต์ไม่ได้คัดค้าน มันยิ่งทำให้ในใจของจรรย์ธร เดือดเป็นไฟ ฝืนยิ้มอย่างสง่าดูแข็งทื่อ หญิงสาวทั้ง สองเทเหล้าลงไปในแก้ว หันมองสายตาของจรรย์ธร ดวงตาพลิ้วไหวอย่างผู้ชนะ
จรรย์ธรไม่ยอมแพ้ ใช้สายตาอันแหลมคมจ้องมอง กลับไป
สงครามการแย่งชิงของผู้หญิง ถึงจุดระเบิดขึ้น แต่ หญิงสาวทั้งสองแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นท่าทางการ โต้ตอบของเธอ พูดคุยหัวเราะกันอย่างชอบใจ
จรรย์ธรระงับความโกรธไว้ หันสายตาไปมองธีมนต์ แต่เขากลับไม่สนใจไยดีเธอแม้แต่น้อย ยังคงดื่มเหล้า ด้วยทาทีที่เฉยชา มองเธอเป็นคนนอก
“จรรย์ธร นังผู้หญิงคนนี้ช่างน่าหน้าไม่อายจริงๆ ขนาดธีมนต์ไม่สนใจไยดีเธอ เธอก็ยังไม่ยอมไป ทำไม หน้าถึงได้หนาเหลือเกิน คู่หมั้นอะไรกัน ฉันเห็นว่าเธอนั่นแหละเป็นคนกเรื่องขึ้นมาเองทั้งหมด
ดื่มไปประมาณ 3 รอบ สาวสวยทั้งสองขอตัวออกมา เติมเครื่องสําอางในห้องน้ำ นึกว่าภายในห้องน้ำไม่มีคน อยู่ คุยกันอย่างเปิดเผย แต่มันช่างบังเอิญ ที่คำพูดของ พวกเธอถูกนาราที่อยู่ในห้องน้ำห้องท้ายสุดได้ยิน
คิดไม่ถึงเลยว่ากลับประเทศมาในคืนแรก เธอแค่ ออกมาเดินเล่น สร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใน ประเทศนี้หน่อย แต่กลับได้ยินสิ่งที่น่าสนใจ
“ฉันรู้มาว่าพื้นเพครอบครัวของเธอ เมื่อก่อนพ่อเธอ เป็นแค่พนักงานต่ำต้อย แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่บ้าน ภรรยา พึ่งพิงตำแหน่งใหญ่โตของครอบครัวภรรยา
“จริงๆแล้วก็แค่ ตกถังข้าวสาร ฉันก็คิดว่า สูงส่งซะ อีก”
สาวสวยพูดถึงจรรย์ธรอย่างดูถูกเหยียดหยาม นารา พิงเข้ากับกำแพงแอบฟัง ยิ้มออกมาอย่างสะใจ รู้สึกได้ ว่าพี่สาวของเธอช่างน่างสงสารจริงๆ
สักพัก เสียงของผู้หญิงสองคนค่อยค่อยดังไกลออก ไป นารายืดยกเดินออกมา เสียงรองเท้าส้นสูงเหยียบ ลงบนพื้น เสียงดังอย่างทรงพลัง
ยืนมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ ริมฝีปากแดงของเธอ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว คิดวางแผนอย่างดี ใน เมื่อพี่สาวของเธอหึงหวงริมนต์ขนาดนี้ กลัวว่าจะถูกหญิงอื่นมาแย่งไป ……ก็จัดให้เธอสมใจหน่อยแล้ว
จัดเสื้อผ้าเล็กน้อย นาราก็ออกจากห้องน้ำ ตามหลังผู้ หญิงสองคนนั้นไปห่างๆ สายตามองไปเห็นทั้งสอง
เดินขึ้นไปชั้น 2 เธอหยุดเดิน ดวงตาแน่วแน่จับจ้องไป ที่ห้องส่วนตัว เผยรอยยิ้มอย่างเยือกเย็น
เดินไปหน้าเคาน์เตอร์ขอยืมกระดาษและปากกา ขีด เขียนลงไปไม่ถึง 1 นาที มองดูบนกระดาษอย่างพอใจ ดักเรียกบริกรที่เดินอยู่ไว้
“คุณผู้หญิง มีอะไรให้รับใช้ครับ”
หยิบธนบัตรแบงค์ 100 ออกมา 2 ใบ พร้อมกับส่ง กระดาษให้บริกร “สุดหล่อรบกวนเอากระดาษใบนี้ไป ให้คุณธีมนต์ และนี่คือรางวัลตอบแทนของนาย
สีหน้าบริกรสว่างขึ้น รับเอาธนบัตรพร้อมกระดาษ อย่างตื่นเต้นดีใจ “ไม่มีปัญหาครับ ผมจะเอาไปส่งให้ เดี๋ยวนี้เลย”
เธอมองลึกเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้น 2 บิดสะเอวเดิน จากไป ทิ้งไว้แค่ภาพความสง่างามของเธอ
“คุณธีมนต์ครับ คุณผู้หญิงท่านนึงฝาก มาให้คุณครับ”มีเงินจะทำอะไรก็ง่าย นาราเดินออกไปได้สักพัก บริกรก็เดินไปยังที่นั่งวีไอพีชั้นสอง
เอากระดาษที่พับไว้ส่งให้ธีมนต์
ธีมนต์รับแล้วเปิดออก สายตามองดูอย่างละเอียด ดอกป๊อปปี้ด้านบนแม้จะร่างด้วยปากกา รอยวาดที่ดูมี ชีวิตชีวา มองแวบเดียวธีมนต์ก็ดูออกแล้วว่าคนที่วาด เป็นใคร
ป๊อปปี้ ดอกป๊อปปี้ นารา!
เขาหยิบชุดสูทแล้วลุกขึ้น จรรย์ธรมองเห็นเขาเดิน ออกไป ตะโกนเรียก “ธีร์ คุณจะไปไหนคะ”?
ธีมนต์ไม่สนใจ คำพูดของเธอ หันหลังให้เพื่อนรักทั้ง สองคนแล้วเดินออกไป
“เกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้มันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ได้มากถึงขนาดนี้” ทัศสัยมองหลังธีมนต์ที่เดินออกไป ย้อนถาม
“ฉันเห็นอยู่แวบนึง คล้ายกับภาพวาดดอกป๊อปปี้” |สายตานรัตน์ยิ้มอย่างมีเลศนัย มันต้องมีเรื่องสนุกๆ อะไรแน่?
“ดอกป๊อปปี้ เป็นตัวแทนของผู้หญิงแบบไหนกัน?”ทัศ สัยก็ไม่ได้แคร้จรรย์ธรที่นั่งอยู่ตรงนี้ ถกเถียงกับนรัตน์
สองสาวมองจ้องมองหน้ากัน แต่ด้วยความฉลาดเลือก ที่จะเงียบไม่ออกเสียง
สถานการณ์ตอนนี้จรรย์ธรนั่งอยู่ด้วยความอึดอัด ทน นั่งต่อไม่ไหว ฝืนยิ้มมุมปาก พูดทักทาย 2-3 คำ แล้วเดิน ตามเขาออกไป แต่สายไปแล้ว มองไปรอบทั้งในที่มืดที่ สว่าง ก็มองไม่เห็นเงาของธีมนต์แล้ว
เธอกระทืบเท้าด้วยความโกรธเคือง หรี่สายตาอย่าง เกลียดชัง ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนไหนที่อยาก ลองดีกล้าแย่งผู้ชายของเธอ?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ