แค่เพียงกระต่ายตัวหนึ่ง
องครักษ์ผ่านหยิบเสื้อคลุมมาคลุมร่างให้ผู้เป็นนาย เขาและ แม่ทัพเติบโตมาในค่ายทหารเปลือยกายอาบน้ำด้วยกันมานับ สิบปี เขาจึงชาชนกับเรือนกายของท่านแม่ทัพไปแล้ว
“กระต่ายตัวเดียวเหตุใดจึงทำลายแปลงผักมากมายภายใน พริบตาได้”
“กระต่ายตะกละอย่างไรเล่า ดูสิจะตายอยู่แล้วยังคาบหัวไช เท้าไม่ยอมปล่อย” หยางเอ้อหลางเอ่ยขึ้นพลางดึงหัวไชเท้าออก จากปากของกระต่ายตัวอ้วน
“ตัวอวบอ้วนเสียด้วย” องครักษ์ฝางเอ่ยต่อ
“คิดถึงตอนที่ไปรบหรือไม่ ตอนนั้นเราจับกระต่ายป่าตัวอวบ ได้แบบนี้ย่างโรยเกลืออร่อยนัก”
หยางเอ้อหลางหัวเราะ กระต่ายตัวนิดเดียวเหตุใดถึงฤทธิ์เดช มากมายเช่นนี้ ดูสิเริ่มดิ้นรนแล้ว หากเขาไม่ใช่นักรบออกทัพจับ ศึกมามากคงโดนเจ้ากระต่ายตัวนี้ถีบหน้าหงายไปแล้ว แรงเยอะ ไม่ใช่น้อย
องค์หญิงสิบสามได้แต่ด่าทอตนเองในใจ จะหนีไปที่ใดก็ย่อม ได้เหตุใดต้องกระโดดเข้ามาในนี้ด้วย คราวซวยจริงๆ ต้องตาย แน่ๆ แล้วครานี้ คนพวกนี้แม้หน้าตาจะหล่อเหลาแต่จิตใจ เหี้ยมโหดนัก นางเคยเห็นภาพวาดเทพสงครามหยางเอ้อหลางกับองครักษ์ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน นับว่าเป็นภาพวาดที่ขายดี ในเมืองหลวงอีกทั้งเรื่องเล่าของพวกเขาที่ติดนิสัยชอบฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตไม่เว้นแม้แต่สังหารคนก็เลื่องลือ นางคงไม่อาจรอดไปได้ แล้ว
“ท่านแม่ทัพเราจะย่างหรือจะตุ้นดี”
เจ้าบ้าองครักษ์ ยังคิดจะตุ้นนางอีก แย่แล้ว คิดหาวิธีหนีเที่ยว นี้ สิบสามคิดสิคิด
“แล้วแต่เจ้าข้ายกให้
แม่ทัพหยางยื่นกระต่ายขาวไปพร้อมกับคลายมือออก กระต่ายปีศาจอย่างองค์หญิงสิบสามหรือจะปล่อยโอกาสนี้ไป นางรีบดกายอย่างว่องไวแล้วกระโดดหนีไม่คิดชีวิต
“ไม่ต้องตาม ปล่อยไปเถอะมันคงไม่อยากตาย”
เสียงของท่านแม่ทัพยับยั้งองครักษ์ผ่านเอาไว้ได้ เขาจึงได้แต่ มองตาละห้อย
“เสียดายจริงถ้าเอามาตุนคงจะอร่อยน่าดู”
“ออกไปได้แล้วข้าจะพักผ่อน ดึกดื่นเช่นนี้หากหิวก็ไปห้องครัว น่าจะมีอะไรให้กิน”
“แล้วเรื่องกระต่ายล่ะขอรับ”
“เรื่องเล็กน้อยปล่อยให้พ่อบ้านจัดการ มีสวนผักในบ้านพวก สัตว์ย่อมเข้ามาเป็นธรรมดาเจ้าอย่าใส่ใจนักเลย”
“ขอรับ”
องครักษ์ผ่านออกไปแล้ว หยางเอ้อหลางมองในมือของตนเอง มีกระพรวนเล็กๆ ที่หลุดออกมาจากลำคอของกระต่ายตัวนั้น หรือจะเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ใดที่ปล่อยให้หลุดออกมา แม่ทัพเพียง แต่เก็บกระพรวนอันนั้นไว้ในสาบเสื้อ เผื่อว่าหากมีโอกาสเจอ เจ้าของเขาจะได้คืนสิ่งนี้ให้กับคนผู้นั้น
องค์หญิงสิบสามกระโดดหนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด โชคดี นักที่ไม่มีผู้ใดตามมา แต่แล้วนางก็ต้องวิ่งหน้าตั้งอีกครั้งเมื่อด้าน นอกพบกับฝูงสุนัขจรจัดหลายตัววิ่งไล่กวดนางอย่างเอาเป็น เอาตาย จวบจนวิ่งออกมาจนสุดทางเดิน นางพบเงาของบุรุษผู้ หนึ่งในชุดสีดำ เพราะมีดวงตาของกระต่ายทำให้นางมองเห็นได้ แม้ในความมืด
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ข้าอยู่นี่”
เสียงของนางที่เปล่งออกไปแน่นอนว่าอ๋องฉางอันย่อมไม่ ได้ยิน แต่เพียงเขาเห็นกระต่ายที่ท่าทางแปลกประหลาดกำลัง โดนสุนัขวิ่งไล่เขาก็รู้ได้ในทันใดว่ากระต่ายตนนี้คือใคร อ๋องฉาง อันอ้าแขนรับร่างเล็กอวบท้วมไว้ในอ้อมแขน
“สิบสามเป็นเจ้าใช่หรือไม่”
มีเพียงการซุกร่างสัตว์เข้าไปในอ้อมกอดของเขาเท่านั้นแทน คำตอบ อ๋องฉางอันแกว่งดาบในมือว่องไว ไม่นานสุนัขจรจัด เหล่านั้นก็สิ้นลมหายใจโดยที่กระต่ายน้อยในอ้อมกอดของเขา ไม่รับรู้การสังหารโหดครั้งนี้
ภายในตำหนักธิดาเทพเงียบสงบดั่งเช่นเคย องค์หญิงสิบสาม ในร่างของกระต่ายขาวถูกวางลงบนแท่นศิลาอย่างทะนุถนอม ใบหน้าหล่อเหลางดงามของเขาดูนิ่งสงบ เขาเอ่ยเสียงเบาออก มาคล้ายกำลังข่มความหวาดกลัวบางอย่างที่อยู่ด้านใน
“ร่างกายของนางเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทูลท่านอ๋อง ยังคงปกติโชคยังดีที่มีกระพรวนผู้พิทักษ์คอย คุ้มครองทำให้หินจันทราที่เคลื่อนย้ายแต่ละครั้งไม่ส่งผลร้ายแรง นักเพียงแต่ทุกครั้งที่หินเคลื่อนย้ายไม่อาจหลีกเลี่ยงความเจ็บ ปวดได้”
“แล้วเรื่องตำราจันทราพวกท่านมีเบาะแสบ้างหรือไม่”
อ๋องฉางอันเอ่ยพลางลูบขนปุยของกระต่ายน้อยเล่น องค์หญิง สิบสาม ในร่างกระต่ายไม่สามารถควบคุมตนเองได้ดีเท่าใด จึง ยังกระโดดไปมาไม่อยู่นิ่งอ๋องฉางอันจึงจับนางอุ้มไว้ในอ้อมแขน ดังเดิม
“ตำราจันทรานั้นมีเบาะแสว่าอีกครึ่งอยู่ในจวนแม่ทัพหยาง ยากยิ่งที่จะนํากลับมา”
“จริงหรือ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ