กลายร่าง
องค์หญิงสิบสามเอ่ยยืดยาวพลางใช้ไม้แหลมเล็กจิ้มขนม หวานกันอย่างอร่อย นางคิดว่าเรื่องนี้ช่างไร้สาระนักคุณชายต หัวผู้นั้นมีใบหน้าเป็นอย่างไรนางยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“สิบสาม”
องค์หญิงแปดหน้านางปากสั่นระริก องค์หญิงอื่นเข้าขวาง นางไว้ด้วยคิดว่าองค์หญิงแปดอาจจะกระโดดข่วนหน้าองค์หญิง สิบสามเป็นแน่ พวกเขาจึงองค์หญิงแปดไปอีกทาง
“พอได้แล้วพวกเจ้า เรื่องนี้หากมีใครนำความไปกราบทูลไท เฮาว่าเหล่าองค์หญิงต้องมาทะเลาะกันเพราะบุรุษผู้หนึ่งจะไม่ถูก ลงโทษหรือ ขายหน้านักสิบสามเจ้าก็พอได้แล้ว” องค์หญิงใหญ่ เอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ข้าไม่ได้หาเรื่องเสียหน่อยเป็นพี่แปดที่เริ่ม” องค์หญิงสิบสาม กล่าวจบก็ยัดหมั่นโถวเข้าปากอย่างไม่สนใจ
องค์หญิงแปดสะบัดใบหน้าหนี ไม่มองไปทางองค์หญิงสิบ สามอีกบรรดาน้องๆ หลายคนส่ายหน้าเมื่อองค์หญิงใหญ่เริ่มไม่ พอใจแล้วพวกนางก็อึดอัดยิ่ง
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจองค์หญิงสิบสามความจริงเชื่อฟัง นางเพียงคนเดียว บรรดาพี่น้องคนอื่นสิบสามมักจะมีเรื่องขัด แย้งอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่ได้บาดหมางจนถึงไม่พูดกัน มีเรื่องขององค์หญิงแปดที่ทำท่าว่าครานี้พวกนางคงเขม่นหน้ากันไปนาน
หลังเรื่องโต้เถียงกันสงบลง เหล่าองค์หญิงก็ต้องเบิกตาค้าง เมื่อองค์หญิงใหญ่สั่งให้นางกำนัลนำเครื่องประดับมาให้พวก นางเลือกเพิ่มไปคนละชิ้น เพราะนางเป็นคนใจกว้างเช่นนี้องค์ หญิงทั้งหลายจึงยกย่องนางอีกทั้งไม่กล้าที่จะหาเรื่องอันใดให้ องค์หญิงใหญ่ขุ่นเคือง อารมณ์ขององค์หญิงใหญ่มีผลต่อพวก นางเสมอหากนางดีก็ดีจนน้ำตาไหลแต่หากผู้ใดกล้าขัดใจนางก็ เตรียมทําใจรับความอัปยศได้เลย
“สิบสามพี่หญิงเลือกให้เจ้าได้แล้ว ผ้าผืนนี้อีกทั้งปิ่นปักผมสี แดงงดงามนักคงมีเพียงเจ้าที่ใส่แล้วจะเหมาะสมผู้อื่นเห็นจะไม่ คู่ควร”
“ขอบพระทัยเพคะพี่หญิง”
องค์หญิงสิบสามรับมาอย่างไม่ใส่ใจในขณะที่องค์หญิงองค์ หญิงทุกคนมองมายังองค์หญิงสิบสาม หลายคนอดที่จะยิ้มออก มาด้วยความสะใจไม่ได้เมื่อวาดภาพคนงามเช่นน้องสิบสามอยู่ ในอาภรณ์ตัวนั้น
องค์หญิงห้าตาโตด้วยตกใจที่เห็นอาภรณ์ไหมสีแดงผืนนั้น นางค่อนข้างสนิทสนมกับองค์หญิงสิบสามเห็นชัดเจนว่าแดงสี แรงเช่นนี้องค์หญิงทุกคนล้วนไม่กล้าใส่ด้วยกลัวว่าไทเฮาผู้โปรด การแต่งกายด้วยสีอ่อนหวานจะทรงขัดเคืองพระทัย การแต่งกาย ที่ดึงดูดมากเกินไปถือเป็นเรื่องไม่งามในราชสำนักเหตุใดพี่หญิง ใหญ่จึงยังมอบผ้าไหมแดงชิ้นนี้ให้องค์หญิงสิบสามกันเล่า
ที่น่าประหลาดใจคือองค์หญิงสิบสามกลับรับมาด้วยใบหน้า
ใส อราวกับไม่รู้ว่าตนเองนั้นต้องตกที่นั่งลำบากเป็นแน่ “เจ้ารีบเอาไปตัดเย็บเสียอีกไม่กี่วันจะถึงวันงานเลี้ยงต้อนรับ ทหารกล้าแล้ว เราในฐานะฝ่ายในต้องเข้าร่วมด้วยทุกคน พวก
เจ้ารู้ความหมายของงานนี้ใช่หรือไม่”
องค์หญิงแต่ละคนล้วนพระพักตร์แดงซ่าน ความหมายในงาน นี้ทุกคนย่อมประจักษ์แก่ใจ งานเลี้ยงนี้นอกจากจะต้อนรับท่าน แม่ทัพและเหล่าทหารแล้ว ไทเฮายังอนุญาติให้ฝ่ายในเข้าร่วม ด้วยนั่นย่อมเท่ากับว่าถือเป็นงานเลี้ยงดูตัวของเหล่าองค์หญิง หากคู่ใดที่เหมาะสมฝ่าบาทจะประทานสมรสให้ในงานเป็นแน่ ดังนั้นองค์หญิงทุกคนที่เฝ้าฝันอยากพบบุรุษรูปงาม และตั้งตารอ ที่จะออกจากวังหลังแห่งนี้มาเนิ่นนานจึงเฝ้ารอคอยนัก
อากาศหนาวเหน็บดูภายในตำหนักขององค์หญิงสิบสามจะมี ความโกลาหลที่คนภายนอกไม่อาจล่วงรู้ได้ อ๋องฉางอันก้าวเข้า มาภายในอย่างเงียบเชียบใบหน้าร้อนรน
“อาซิงข้าสั่งเจ้าแล้วว่าให้เฝ้านางให้ดีครานี้กลายร่างเป็น อะไรเจ้ายังไม่รู้เช่นนี้จะหานางเจอได้อย่างไร”
“ทูลท่านอ๋อง องค์หญิงกลายร่างตอนข้าน้อยออกไปตักน้ำ เพคะจึงไม่ทันระวังครานี้น่าจะเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ว่องไวและ กระโดดได้เพราะองค์หญิงกระโดดออกทางหน้าต่างเพคะ”
“ข้าจะส่งข่าวไปยังตำหนักธิดาเทพให้ช่วยกันออกค้นหาอย่าง ลับๆ เจ้าอยู่นี่คอยรับหน้าคนไว้ข้าจะหานางให้พบในคืนนี้ คงไปได้ไม่ไกลน่าจะทิ้งเบาะแสไว้แถวนี้”
“เพคะ”
กระต่ายขาวตัวหนึ่งมุดรั้วตำหนักกระโดดออกมาอย่างว่องไว มันมองซ้ายขวาอย่างไม่รู้ทิศทางก่อนจะเริ่มสูดดมบางอย่าง แล้ว พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นกระต่ายปีศาจการ เคลื่อนไหวจึงรวดเร็วกว่ากระต่ายทั่วไปหลายเท่า ในไม่ช้าก็ กระโดดห่างจากตำหนักองค์หญิงสิบสามมาหลาย ออกนอก เขตวังหลวงได้โดยไม่มีผู้ใดสงสัย
องค์หญิงสิบสามในร่างกระต่ายขาวขนปุกปุย แม้จะรู้ตัวเอง ว่ากำลังทำอะไรแต่ไม่อาจยับยั้งจิตใจได้ ยังคงวิ่งหน้าตั้งออก มาตามกลิ่นที่จมูกของตนเองนำมาหยุดอยู่หน้าจวนใหญ่ที่น่า เกรงขามที่หนึ่ง กระต่ายน้อยแอบอยู่ข้างกำแพงสูงดมกลิ่นฟุต ปิดแล้วยิ้มออกมาเมื่อพบว่าจุดหมายของตนเองอยู่ภายหลัง กำแพงสูงของจวนแห่งนี้
ดูเหมือนว่าจะมีรถมาจอดอยู่ด้านหน้าจวนคล้ายกำลังขนบาง สิ่ง กระต่ายน้อยสบโอกาสกระโดดผลุบเข้าไปในรถม้าอย่าง ว่องไว เมื่อเข้ามาถึงภายในกลิ่นหอมของอร่อยช่างรุนแรง ยั่วยวนกระต่ายน้อยทนไม่ไหว หลบหลีกร่างกายจวบจนพุ่ง เข้าไปสู่สวนผักหลังจวนด้วยความโหยหิว หลังจากนั้นองค์หญิง สิบสามในร่างปีศาจกระต่ายก็ลงมือแทะกินทุกสิ่งที่ขวางหน้า ราวพายุโหมกระหน่ำ นางพังสวนผักของจวนใหญ่พินาศในพริบ ตา
เมื่อสวนผักแห่งนี้ว่างเปล่า หนังท้องของนางเริ่มตึงกระต่าย น้อยจึงกระโดดออกมาอย่างว่องไว ตามด้วยเสียงโหวกเหวก โวยวายด้านหลังที่ดังขึ้น
“เอะอะอะไรกัน”
“เรียนท่านแม่ทัพ ข้าน้อยจะไปดูเดี๋ยวนี้ขอรับ”
หยางเอ้อหลางที่กำลังชำระร่างกายในอ่างไม่รู้สึกหงุดหงิด เป็นอันมาก เดิมทีเขาอยู่ชายแดนในค่ายทหารต้องอาศัยความ เงียบเพื่ออำพรางศัตรูเขาจึงเกลียดเสียงดังเอะอะโวยวายเป็น ที่สุด บัดนี้กลับมาถึงจวนได้ไม่นานผู้คนต่างหลงลืมกฎที่เขาตั้ง ไว้ส่งเสียงเอะอะหนวกหูยิ่ง
คล้ายมีเสียงอยู่อีกด้านของห้องอาบน้ำ หยางเอ้อหลางกระ โดดตัวลอยว่องไวไม่ทันได้คว้าเสื้อคลุมนอกจากกระบี่ประจำ กายกระโจนไปตามเสียง เขาวาดกระบี่ออกไปยังไม่ทันได้ลงมือ ก็พบว่าบนพื้นห้องบัดนี้มีกระต่ายสีขาวตัวค่อนข้างใหญ่กำลัง หมอบตัวสั่นงันงกอยู่
“ท่านแม่ทัพ ด้านนอกไม่รู้สิ่งใดทำลายแปลงผักจนพังพินาศ ขอรับ” องครักษ์ผ่านเข้ามาในห้องพร้อมมองผ่านแผ่นหลังของ แม่ทัพหนุ่มซึ่งไร้อาภรณ์ยืนวาดกระบี่อยู่ด้านหน้าสัตว์ตัวอ้วนขน ปุกปุยสีขาว
“ข้าจับโจรได้แล้ว ไม่ต้องหา” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นพลาง นั่งลงรวบหัวกระต่ายยาวของนางแล้วยกร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยขึ้นมา พิจารณา
องค์หญิงสิบสามในร่างของกระต่ายยังคงตกตะลึงนางรู้จัก เขาแน่นอน นี่นางบุกเข้ามาในจวนของแม่ทัพผู้เหี้ยมโหดเชียว หรือ บุรุษผู้นี้ไร้ยางอายมายืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้านางเช่นนี้ ทำให้นางตื่นตระหนกจนไม่อาจขยับได้ เจ้าสิ่งนั้นที่ห้อยอยู่ตรง กลางร่างกายของเขาช่างดูดุดันน่ากลัวเสียเหลือเกิน
เจ้าบ้านท่าทางจะไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ แน่ แย่แล้วจะทำ อย่างไรดี
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ