บทที่ 19 นีโอ & เรเชล
พ้นเขตรอยต่อระหว่างเซก้าเหยียบย่างเข้าสู่บูมัล ประเทศเพื่อนบ้านที่นีโอเคยได้มาเหยียบดินแดนนี้หลาย ต่อหลายครั้ง แต่สําหรับเรเซลมันเป็นครั้งแรกของเธอที่ได้ ออกจากโลกแคบๆ มายังสถานที่จริง มิใช่ในภาพนิมิตที่ เคยเห็นมาตลอด
พวกเขาจะต้องหาที่พักและเตียงนอนนิ่มๆ ในเมืองให้ได้ อย่างไรเสียคนของเทอร์ดัมและอัลเชอร์ก็ไม่อาจรู้ได้ว่า พวกเขาออกเดินทางมาที่นี่ เพราะเซก้านั้นมีชายแดนทิศ เหนือติดประเทศเดอรัม ทิศตะวันตกติดทะเล และทิศใต้ ติดบูมัล การที่พวกเขาเลือกมาที่บูมัลก่อนก็เพราะคิดว่าเท อร์ดัมจะต้องให้ทหารไปดักรออยู่ที่เมืองท่าติดชายทะเล ของเซก้าแน่นอน เสียเวลาและยืดระยะทางออกไปสัก หน่อย แต่ก็คุ้มกว่าถูกจับตัวไป ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ เรเชลคงหนีไม่พ้นถูกล่ามโซ่ไว้แน่
หนุ่มสาวทั้งสองมุ่งหน้าสู่เขตเมือง บูมัลเป็นประเทศที่ ค่อนข้างแห้งแล้งเมื่อเทียบกับเซก้าที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ กว่า แต่ดินแดนแห่งนี้มีแร่ธาตุที่ใช้ผลิตอาวุธและเป็น ประเทศที่เรียกว่าเกือบจะเป็นสนามประลองกำลังของโลก เลยก็ว่าได้ เพราะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับที่ราบและ โพรงถ้ามากมายนั้น เหมาะกับการทดสอบพลังของเหล่านักรบเป็นอย่างยิ่ง เมืองเล็กๆ รอบ นอกค่อนข้างเงียบเหงา ผู้คนบางตาแต่ก็ยังพอจะหาที่พัก และอาหารได้อยู่ หลังจากที่พวกเขายัดเสบียงทั้งหมดที่ เอามาได้จากเซก้าลงท้องหมดแล้ว
“เฮ้อ! เหนื่อยๆๆๆ ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยลำบากอย่างนี้ มาก่อนเลย” เรเชลทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง หลังจากที่ ตระเวนหาบ้านที่เปิดเป็นที่พักมาครึ่งค่อนเมือง
“จะกลับไปเซก้าไหมล่ะ ตอนนี้ก็ยังทันนะ ตำแหน่งภรรยา ของท่านอัลเชอร์ยังรอเจ้าอยู่” นีโอสัพยอก แล้วกระโดด ขึ้นเตียง นอนเหยียดยาวอยู่ข้างๆ ญาติผู้พี่
“กลับไปให้โง่น่ะสิ รู้แล้วยังจะถามอีก” หญิงสาวทำหน้า
เบ้
“เจ้านี่พูดจาให้ไพเราะให้สมกับความงามของเจ้าหน่อยสิ” นีโอดิงอย่างไม่จริงจังนัก รู้ว่าเธอเก็บกดจากการต้องทำตัว อยู่ภายใต้การควบคุมของบิดามาตลอด ทั้งๆ ที่ความจริง แล้วเรเชลออกจะแก่นเซี้ยวเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“นี่ล่ะตัวตนของข้า ว่าแต่! เจ้าว่าเมืองนี้มันแปลกๆไหม ข้ารู้ กว่าบรรยากาศมันวังเวงยังไงไม่รู้” หญิงสาวลุก เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังท้องถนนและอาคารบ้าน เรือนที่ค่อนข้างเงียบเหงาผิดปกติแม้จะเป็นตอนกลางวัน ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือว่าเคยชินกับความอีกทีกครึกโครม ของเซก้ากันแน่ ตอนที่พวกเธอมาขอเช่าที่พักนั้น เจ้าของ บ้านก็ทําท่าอีกๆ อักๆ และมองพวกเธอด้วยสายตาแปลกๆ ไม่มีการจับกลุ่มนั่งเล่นไฟ จิบน้ำชา หรือว่าพูดคุยกัน ระหว่างพวกชาวบ้านคล้ายกับต่างคนต่างอยู่ สัตว์เลี้ยงก็ ไม่มีสักตัว แม้กระทั่งม้าหรือวัวที่มักจะมีคนเลี้ยงมากที่สุด
นีโอตามมายืนข้างๆ หญิงสาว รู้สึกถึงความผิดปกติ เหมือนกัน หลายปีมาแล้วที่เขามาที่นี่ บรรยากาศนั้นแตก ต่างไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ร้าน รวงที่เปิดขายสินค้าเต็มสองฟากฝั่งถนน ชายหนุ่มหญิง สาวที่เกี่ยวก้อยเดินเคียงกัน เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวาน่า อยู่ และทำให้เขาประทับใจมาจนทุกวันนี้
“อืม…แต่ก่อนก็คึกคักเหมือนเซก้านั่นละ…อาจเพราะที่นี่ แห้งแล้งเกินไป ข้าวปลาอาหารก็หายาก ชาวบ้านจึงย้าย ไปที่อื่น คนที่ข้าพอจะรู้จักก็ไม่เห็นสักคน เดี๋ยวเย็นๆ จะไป ดูลาดเลาเสียหน่อย
“อาหารมาแล้วค่ะ”
เสียงเรียกจากประตูห้องทําให้พวกเขาต้องหยุดการ สนทนาไว้เพียงแค่นั้น นีโอเดินไปเปิดประตูแล้วเขาก็พบว่า เจ้าของบ้านพักยกอาหารขึ้นมาให้
“ป้าครับ พวกชาวบ้านหายไปไหนกันหมด คนเก่าๆ ที่เคย อยู่ย้ายออกไปแล้วเหรอครับ?” เขานั่งลงบนเก้าอี้ มองข้าว สวยและเนื้อกระต่ายตากแห้งที่นางนำขึ้นมาให้ เลื่อนด้วย น้ำซุปไปให้เรเชลที่ก้าวมานั่งข้างกัน หล่อนลงมือตักน้ำซุป เข้าปากนําเขาไปก่อนแล้วด้วยความหิว
“อย่าถามข้าเลย….หนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าไม่ควรจะมาที่นี่ ด้วยซ้า” เจ้าของบ้านเช่าตอบไม่ตรงคําถาม ซ้ำยังไม่กล้า สบตาพวกเขาด้วย
นีโอฟังคำพูดของนางแล้วเอะใจ เขาลุกออกไปมองนอก หน้าต่างอีกครั้ง เพิ่งสังเกตว่าคนที่เขาเห็นนั้น ล้วนแล้ว แต่เป็นคนสูงวัย หรืออย่างน้อยอายุก็น่าจะสี่สิบปีขึ้นไปกัน หมดทุกคน ไม่มีเด็กตัวเล็กๆ ไม่มีชายหนุ่มหญิงสาวหรือ คนรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเลยสักคน นับว่าเป็นเรื่องแปลก ประหลาดมากทีเดียว
คนพวกนั้นหายไปไหน? จากนี้ต่อไปหากชาวบ้านที่นี่สิน อายุขัย ที่นี่ก็จะไม่ต่างอะไรกับหมู่บ้านร้าง
“ป้าหมายความว่ายังไงกันครับ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เขา จับข้อมือนางไว้เมื่อหญิงสูงวัยทําท่าผลุนผลันออกจาก ห้อง ทําเอาเรเชลกลืนอาหารไม่ลงตามไปด้วย ขณะที่ เจ้าของบ้านทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขอบตาของนางแดง เรือ ตัวสั่นเทิ้มเหมือนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง
บอกพวกเรามาเถอะนะ” เรเชลกุมมืออีกข้างของนาง ด้วยความอ่อนโยน
“พะ…พวกเรา…พวกเราไม่ใช่คนที่นี่ แต่ถูกส่งตัวมาจาก เมืองหลวง คนที่เคยอยู่ที่นี่ตายหมดแล้ว”
“อะไรนะ!? เป็นไปไม่ได้” นีโอร้องเสียงหลง หันไปสบตา กับเรเชลซึ่งตกใจไม่แพ้กัน
“ข้านึกว่าย้ายไปอยู่เมืองอื่นเสียอีก หรือว่ามีโรคระบาด?”
“สองปีที่แล้ว ชาวบ้านที่นี่ยังอยู่กันอย่างสงบสุขเพราะเป็นหมู่บ้านผลิตอาวุธจึงมีพ่อค้าเร่จากต่างเมืองเข้า มาแลกเปลี่ยนสินค้ากันคึกคัก แต่ว่า…มีพ่อค้าคนหนึ่งที่ แปลกแยกไปจากคนอื่นๆ เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตามลำพังไม่ สุงสิงกับใคร พร้อมกับข่าวลือที่ว่ามีญาติพี่น้องของพวก ชาวบ้านค่อยๆ หายไปทีละคนๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้จะมีทหารจากทางการมาตรวจ แต่ก็ไม่พบความผิด ปกติอะไร ต่อมาผู้คนเริ่มย้ายบ้านหนี พวกเขาทนอยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะพวกที่มีลูกเล็กๆ คราวนี้ก็เหลือแต่พวกคนหนุ่ม คนสาว ไม่นานคนเหล่านี้ก็หายไปอีก จนกระทั่งหมู่บ้านนี้ กลายเป็นหมู่บ้านร้าง
“แล้วชายแปลกหน้าคนนั้นล่ะคะ?” เรเชลถามด้วยความ อยากรู้ เธอไม่ใช่คนกลัวผีหรือปีศาจ หากแต่รู้สึกสงสาร ชาวบ้านพวกนั้นมากกว่า
“ไม่มีใครได้พบเขาอีกเลย นี่เป็นเรื่องที่พูดต่อๆ กันมา เท่านั้น ข้าได้ยินจากคนที่ส่งพวกข้ามาอีกที
“แล้ว…ใครส่งพวกท่านมา ส่งมาเพื่ออะไร?
“พวกเรา…เป็นนักโทษ เจ้าเมืองคนใหม่ส่งพวกเรามาเพื่อ เป็นเหยื่อบูชายัญ มีคนตายทุกเจ็ดวัน ทางที่ดีพวกเจ้ารีบ ออกจากเมืองนี้ไปดีกว่า ยังไม่มีดคงจะทันการอยู่ ไม่อย่าง นั้นพวกเจ้าอาจจะมีอันตราย”
ตึง! ตึง!
“เก็บเร็ว! มันมาแล้ว! เร็วเข้า!
เสียงอีกทีกบนถนนและเสียงผู้คนตะโกนโหวกเหวก ท่า ให้เรเชลต้องรีบลุกไปมองที่หน้าต่างด้วยความอยากรู้
“ปิดหน้าต่างเดี๋ยวนี้! ไม่ทันแล้ว…พวกเจ้ารีบไปซ่อนตัว เร็วเข้า! โอ! นี่ครบ เจ็ดวันแล้วหรือนี่!” เจ้าของบ้านวิ่งไปหา หญิงสาวแล้วดึงบานหน้าต่างงับเข้ามาก่อนจะวิ่งไปนั่งหลบ อยู่ข้างเตียงตัวสั่นงันงก ร้องห่มร้องไห้ไปด้วย
นีโอเข้าไปยืนเคียงข้างเรเชล มองผ่านรอยแยกของขอบ หน้าต่าง แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ สายตา
ท้องฟ้าที่สว่างไสวเมื่อครู่นี้มีก้อนเมฆดำทะมึนปกคลุมอยู่ ลมกรรโชกแรงจนข้าวของของชาวบ้านปลิวล้มระเนระนาด บนท้องถนนว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต บรรยากาศวิเวกวังเวง จนทำให้ขนลุกซู่
ข้าได้กลิ่นไม่ค่อยดี สงสัยต้องได้ออกแรงอีกแล้ว
“อะไร…นีโอ…โจรเหรอ?” เรเชลถามเสียงกระซิบ
“มันมาแล้ว! มันจะต้องเลือก โอย…ข้ากลัวเหลือเกิน…
เจ้าของบ้านตัวสั่นพับๆ มุดตัวลงไปซ่อนใต้เตียง
“เห็นทีจะไม่ใช่” นีโอตอบเรเชล เริ่มจะเข้าใจอะไรรางๆ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ