ไฟรักสงครามอสูร

บทที่ 18 ปลดปล่อย



บทที่ 18 ปลดปล่อย

“ต่อไปนี้พี่อย่าไปไหนอีกนะ อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว ข้า เหงา ข้ากลัว พี่ต้องอยู่ข้างๆ ข้าตลอดไปนะ” คารินออด อ้อนพี่ชายเหมือนเช่นที่เคยท่าทุกครั้งเวลาที่เขากลับมา แม้จะรู้ว่าไม่เคยได้ผลเลยสักครั้ง

“พวกโจร…ฆ่าคนในหมู่บ้านของเราหมดเลย…ข้าวิ่ง…วิ่ง จนใกล้หมดแรง…ข้ากลัว ข้าเรียกพี่…แต่พี่ก็ไม่มา…พวก เขาตายหมดแล้ว…พี่จ๋า…ข้ากลัว…

“ขอโทษ…คาริน…ข้าขอโทษ”

ชายหนุ่มกัดฟันกรอด! คลายอ้อมแขนกอดเธอไว้หลวมๆ ปัดปอยผมที่เปียกชื้นเพราะน้ำตาของเธออย่างอ่อนโยน จ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตที่มองเขาด้วยความรักและ คิดถึง แล้วจรดริมฝีปากลงสัมผัสหน้าผากมนเบาๆ ก่อนจะ ก้มลงกระซิบชิดริมหูของเธอ

“พี่จะกลับมาหาเธอ…คาริน”

ร่างสูงของเขาหายวับไปพร้อมๆ กับเสียงคำรามกึกก้อง นั้นสงบลง หญิงสาวตกตะลึงที่พี่ชายหายไปต่อหน้าต่อตา ทั้งๆ ที่เธอยังกอดเขาอยู่แนบแน่น
“ไม่! เลโกลัส…พี่ต้องไม่ไปไหน กลับมาหาข้า พี่จ๋า…อย่า ทั้งขาไป…อย่าทิ้งข้าไป…ฮือๆๆ

เธอทรุดลงนั่งร้องไห้ด้วยความทรมาน ความอบอุ่นที่ได้ รับเมื่อครู่จางหายกลายเป็นความเหน็บหนาวเข้ามาแทนที่

“คาริน!”

ร่างบางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ครานี้เธอเห็นเอรอสยืนอยู่และ ท้องฟ้าก็เริ่มมีแสงสว่างแห่งอรุณรุ่ง หญิงสาวมองหน้าเขา อย่างงุนงง มองสรรพสิ่งรอบตัว ต้นไม้ใบหญ้า และเสียง ของนํ้าตกที่ดังออกมาจากโพรงถ้ำ ก่อนจะเอามือลูบหน้า ลูบตาของตัวเอง

หรือว่าฝันไป?…

ไม่…เธอไม่ได้ฝัน เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน เลโกลัส มาหาเธอและกอดเธอไว้ เสียงกระซิบยังดังอยู่ข้างหู หน้า ผากยังอุ่นด้วยลมหายใจและริมฝีปากของเขาอยู่เลย

“เอ…เอ…ระ” คารินตกใจที่เสียงของเธอหายไปอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังพูดคุยกับเลโกลัสอยู่หยกๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน แน่?

“ข้าเก็บของหมดแล้ว ไปกันต่อเถอะ” เอรอสดึงหญิงสาว ขึ้นมาแล้วเดินนำ ไปที่แพเล็กๆ ที่ต่อไว้ในถ้ำ มือหนึ่งแบก ถุงสัมภาระ อีกมือยกแพขึ้นมาหนีบไว้กับซอกแขน ปล่อย ให้คารินเดินตามหลัง

หญิงสาวหันออกไปมองข้างนอกอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีใคร กำลังจ้องมองอยู่ แต่เมื่อไม่เห็นอะไรนอกจากป่าทึบเธอ ก็ตัดความรู้สึกทั้งหมดออกจากใจ ก้าวเท้าตามเอรอสไป เงียบๆ มุ่งหน้าสู่ลำธารและน้ำตกโดยเร็ว

จอร์จิน่า มหานครแห่งทวีปตะวันตก

พ่อมดวาเลรี่หันมามองผู้นำประเทศ เบื้องหน้าเขาคือลูก แก้วคริสตัลที่กำลังฉายภาพของเกาะมาทิลดาอยู่ ครบ กำหนดวันที่จะปล่อยเมอร์เดสออกไป ซึ่งชายหนุ่มผู้นั้นก็ พร้อมแล้วเช่นกัน

“มีอะไรผิดปกติหรือ? ท่านจึงทำหน้าหนักใจเช่นนั้น เฮเซลจ้องมองเข้าไปในลูกแก้วซึ่งสะท้อนภาพป่าทึบ ท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเล และทุ่งดอกทาบิลิสอันกว้างใหญ่ เป็นทัศนียภาพที่สวยงามราวกับสาวงสวรรค์

“ก่อนหน้า ลูกแก้วของข้าไม่สามารถใช้การได้ มันมืด สนิทแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และก็ไม่รู้ด้วยว่า เป็นเพราะ อะไร”

“หรือว่าพลังของเจ้าลดลงไปเพราะให้จิตวแก่เม อร์เดส?”

“ไม่ใช่…ท่านเฮเซล ข้าคิดว่ามันอาจจะมีอะไรเชื่อมโยง กับสิ่งที่อยู่ในมาทิลดาเพราะอะไรนะ? ทำไมเกาะแห่งนั้น จึงไม่มีใครครอบครอง ทั้งๆ ที่เป็นเกาะที่สวยงาม เต็มไป ด้วยทรัพยากรแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์

พ่อมดวาเลรี่ถามเพื่อหยั่งเชิงผู้นำ เขานั้นเกิดมาถึงร้อย สามสิบปีแล้ว แต่ก็ไม่สามารถมีชีวิตเป็นอมตะ เวทย์มนต์ คาถาล้วนได้รับการร่ำเรียนสืบต่อจากบรรพบุรุษ เมื่อถึง เวลาก็ต้องจากลาโลกนี้ไปตามกฎธรรมชาติ บางสิ่งเขา สามารถใช้จิตหยั่งรู้ได้จนถึงแก่นแท้ บางสิ่งก็มืดมนจนมอง ไม่เห็นอะไรเลย ไม่ว่าเขาจะเพียรพยายามฝึกฝนเท่าใดก็ ไม่เคยสัมผัสความรู้แจ้งนั้นได้สักที ราวกับว่าถึงปีนป่ายขึ้น ไปกลับยิ่งเหมือนถูกผลักออกมาให้ไกลความจริงออกไป อีก
“บิดาของข้าเล่าว่าเกาะแห่งนั้นมีตำนาน และประเทศ ต่างๆ ได้ทําปฏิญญาสากลเอาไว้ ห้ามใครไปแตะต้องที่นั่น เด็ดขาด ทําไมหรือ? หรือท่านคิดว่าที่นั่นคือดินแดนแห่ง ภูเขาไฟ”

“เปล่าหรอกท่านเฮเซล ข้ายังยืนยันว่าดินแดนแห่ง ภูเขาไฟจะสัมผัสได้ด้วยจิตเท่านั้น ซึ่งคนทีมีจิตดวงนั้นก็ คือร่างทรง ข้าแค่คิดว่าเกาะมาทิลดามีอะไรปกป้องอยู่ ซึ่ง เป็นสิ่งที่ข้าสัมผัสได้แต่มองไม่เห็น และความรู้สึกนี้กำลัง ทรมานความอยากรู้ของข้าเท่านั้นเอง”

“เรื่องนั้นเป็นปัญหาส่วนตัวของท่าน ข้าไม่สนใจปรัชญา มากกว่าอำนาจที่แสวงหามาทั้งชีวิต ถึงเวลาที่จะต้อง ปล่อยเมอร์เดสออกไปทํางานแล้วล่ะ ได้ยินว่านครเทอร่า ส่งกองกําลังทหารกระจายตัวออกไปแล้ว ป่านนี้คงกำลัง ตามหาร่างทรงกันจนขาขวิดแน่ๆ

เฮเซลไม่สนใจความทรมานของพ่อมดวาเลรี่ สิ่งที่เขา ต้องการคือร่างทรงซึ่งยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร และอยู่ ณ แห่งใดของโลก ดังนั้นเขาจึงต้องส่งนักรบทั้งสามคนออก ไปยังสามทวีป ส่วนเมอร์เดสซึ่งมีพลังแข็งแกร่งที่สุดให้ไป ยังดินแดนที่มหัศจรรย์ที่สุดคือเกาะมาทิลดา

“เทอร่าเจอกุญแจชิ้นสำคัญแล้ว ข้าเห็นมันพาตัวโจรคนหนึ่งกลับมา เจ้านั่นพูดถึงเด็กผู้หญิงกับปีศาจ ข้าเห็น ตอนที่ทหารของพวกมันไปที่เกาะแห่งนั้นเพื่อตามล่าสิ่ง เชื่อมโยง จากนั้นลูกแก้วของข้าก็ดับลง เพิ่งจะมองเห็นได้ อีกเมื่อตอนที่ท่านเข้ามา แต่ว่าก็ไม่เห็นทหารของเทอร่า อยู่ที่นั่นแล้ว ช่างแปลกประหลาดนัก

พ่อมดวาเลรี่รายงาน ก่อนจะร่ายมนต์เปิดประตูห้องลับ ซึ่งมีก้อนพลังมหึมาโอบล้อมอยู่ ร่างของเมอร์เดสยืน ตระหง่านอยู่ใจกลางเถาวัลย์ยักษ์ ดวงตาที่เคยมุ่งมั่นอยู่ เสมอบัดนี้แข็งกร้าวดุดัน ผมสีบลอนด์เปลี่ยนเป็นสีแดง เพลิง ร่างที่เคยสูงโปร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำ

เฮเซลมองผลงานชิ้นเอกด้วยความพอใจ ดูเหมือนอดีต อันของเมอร์เดสจะขมขื่นกว่าที่คิดจึงสามารถรับเอาพลัง แห่งความชั่วเข้าไปได้มากถึงเพียงนี้

“ดูเหมือนเจ้าจะพร้อมแล้วนะเมอร์เดส แล้วข้าก็มีข่าวดี จะบอก สิ่งที่เจ้าต้องตามหาเพื่อตอบแทนพลังที่ข้ามอบให้ เจ้า เป็นสิ่งที่เจ้าเกลียดที่สุด รับรองว่าสมใจแน่” เฮเซลเดิน เข้าไปยืนประจันหน้านักรบหนุ่ม รับรู้ถึงพลังที่แผ่ซ่านออก มาจากร่างที่เปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคน

“อะไร! บอกไว้ก่อนนะว่าข้าไม่ชอบถูกบังคับ ถึงเจ้าจะให้ พลังมาก็เถอะ!”
เมอร์เดสถามห้วนๆ แม้จะพอใจพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีด จํากัด แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ที่ชีวิตจะต้องถูกควบคุมโดย ชายลึกลับทรงอำนาจผู้นี้

ไปที่เกาะมาทิลดา ฆ่าทหารของเทอราให้หมด แล้วเอา ตัวเด็กผู้หญิงบนเกาะนั้นมาให้ข้า

“เด็กผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาล พ่อมดวาเลรี่เสริม

“พวกเจ้าดูถูกข้าเรอะ!!” เมอร์เดสโมโห เมื่อรู้ว่างานแรก ที่ต้องทำหลังจากได้พลังชั่วร้ายคือการตามจับเด็กผู้หญิง ผมสีน้ำตาลซึ่งมีอยู่ดาษดื่น การได้ประลองกำลังกับนักรบ ฝีมือดีต่างหากคือสิ่งที่เขาต้องการ

“ฟังก่อนสิเจ้าโง่! มันไม่หมูขนาดนั้นหรอกนะ ตอนนี้ประ เทศอื่นๆ ส่งทหารและนักรบฝีมือดีเข้าไปแล้ว ไม่ต้องกลัว ว่าเจ้าจะไม่ได้ทำอย่างที่ใจต้องการ ฆ่าทุกคนที่ขัดขวาง เจ้า เอาตัวเด็กสาวคนนั้นมาตัวเป็นๆ อย่าให้มีรอยขีดข่วน เชียว”

“ชื่ออะไร! ข้าจะหามันเจอได้ยังไง?” เมอร์เดสถลึงตา

“ยังไม่รู้ ไม่มีชื่อ… รู้แต่ว่าบาดเจ็บสาหัส ถ้ามีข้อมูลของมันมากกว่านี้แล้ว ข้าจะให้พ่อมดวาเลติดต่อเจ้าไป”

“หึๆ! งั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องแคบๆ กับเถาวัลย์ เน่าๆ นี้แล้วสินะ” เมอร์เดสแสยะยิ้ม

“ข้าจะให้มังกรบินสำหรับเดินทาง ตามข้ามาส


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ