บทที่ 14 มอบเด็กผู้หญิงมา
คารินรีบทําตามอย่างว่าง่าย เธอเองได้ยินคําพูดนั้นเต็ม สองหู พอจะรู้ตัวว่าเป็นผู้รอดชีวิตที่ถูกพูดถึง แต่เรื่องปีศาจ อะไรนี่เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกจริงๆ
เอรอสเก็บของทั้งหมดใส่กระเป๋าย่าม เขาเปิดหน้าต่าง ออกแล้วกระโดดลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมมาให้พร้อม คน เริ่มปิดประตูบ้านนอนกันแล้ว พระจันทร์ดวงโตลอยเด่น อยู่ทางทิศตะวันออกส่องแสงสว่างมาถึงที่นี่รำไร เขาเดิน ไปเป่าคบไฟบนถนนจนดับสนิทหมดทุกดวง แล้วเดินไปที่ คอกม้า
เมืองท่าทางทิศตะวันออกอยู่ไกลจากเคอร์เซอร์หนึ่งร้อย อัล (กิโลเมตร) หากเดินทางด้วยม้าไปตามทางเกวียนจะ ใช้เวลาสิบวัน แต่มันอันตรายเกินไป ดังนั้นเขาจะมุ่งหน้า เข้าป่าทึบ ล่องแพไปตามลำน้ำเล็กๆ และอาจจะต้องทิ้งม้า เมื่อไปถึงสถานที่ที่มันไม่สามารถไปต่อได้แล้ว
เขาหยิบของที่จําเป็นออกจากเกวียนแล้วทำลายของที่ไม่ จำเป็นทิ้งเสีย ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหน้าต่างห้องและ ปิดมันไว้ตามเดิมอย่างเงียบเชียบที่สุด
คารินนอนขดตัวอยู่บนเตียง แม้ใจจะว้าวุ่นสับสนจนไม่ อยากหลับ แต่ความเหนื่อยล้าก็ทำให้เธอเข้าสู่นิทราได้ไม่ ยากนัก มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะเสียงกระซิบเบาๆ ข้างหู
“คาริน…ตื่นได้แล้ว…เราต้องไปเดี๋ยวนี้”
หญิงสาวกระวีกระวาดลุกขึ้น ขยี้ตาไล่ความง่วง จัด เสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินตามชายหนุ่มไปที่หน้าต่าง มองลงไปข้างล่างแล้วใจหายเมื่อคิดว่าจะต้องกระโดดลง ไปจากชั้นสอง
“ข้าเก็บของหมดแล้ว เจ้าลืมอะไรไว้ใต้หมอนหรือเปล่า?”
เธอส่ายหน้าพรืด เพราะไม่มีสมบัติติดตัวเลยสักชิ้น นอกจากเงินที่เขาให้ซึ่งเธอใส่ถุงยัดไว้ในเสื้ออย่างดี
“สูดหายใจลึกๆ นะ ข้าจะอุ้มเจ้าเองไม่ต้องห่วง
เอรอสพาดกระเป๋าย่ามใบโตบนบ่าข้างหนึ่ง แขนอีกข้าง ตวัดเอวบางของหญิงสาวโดยไม่ทันให้เธอตั้งตัวแล้วกระ โดดลงไปทันที
ตุ้บ!
หญิงสาวทําหน้าเหวอด้วยความหวาดเสียว แม้ทั้งคนทั้ง ของจะปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ชายหนุ่มไม่รอช้าพาเธอ เดินไปหลังพุ่มไม้ ที่ๆ เขาซ่อนม้าไว้ หากแต่สิ่งที่รออยู่ไม่ ได้มีเพียงม้า แต่ยังมีเจ้าของบ้านเช่าทั้งสองยืนรอโดยมิได้ นัดหมาย
คารินเงยหน้ามองเอรอสด้วยความกังวล เคด้ากับเบลล่า ต้องรู้ความจริงแล้วแน่ๆ ว่าพวกเธอคือคนที่พ่อค้าคนนั้น พูดถึง ถ้ารู้…แล้วพวกเขาจะทําอย่างไรต่อไป?
“มานี่สิคาริน” เบลล่ากางแขนทั้งสองข้างออก มองเด็ก สาวด้วยแววตาห่วงใย
คารินมองเอรอสแวบหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหา แล้วร่างบางก็ถูกวงแขนอบอุ่นของเบลล่า วัดเข้าไปกอด ในทันที
“ข้านึกแล้วว่าต้องเป็นพวกเจ้า ถึงจะเป็นเรื่องบังเอิญแต่ เพื่อความปลอดภัยเจ้าทำถูกแล้วที่รีบไปจากที่นี่ เสียดาย ที่เราได้รู้จักกันในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ถ้าเรื่องเงียบเมื่อไหร่ ก็ กลับมานะ”
คารินสวมกอดเบลล่าแสดงความขอบคุณในน้ำใจและ ความช่วยเหลือที่พวกเขามีให้ แม้ว่าการปกปิดความจริง จะเป็นอันตราย แต่เธอก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ ทุกคนจะพลอยเดือด ร้อนไปด้วย
“เอ้านี่เสบียง พวกเจ้าต้องเดินทางหลายวันกว่าจะถึง ท่าเรือ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีทหารจากเมืองไหนเดินทางเข้ามา ทางนั้นบ้างหรือเปล่า แต่พวกมันจะต้องตามหาเจ้าให้ควัก แน่ๆ แล้วก็…เลโกลัสดูแลน้องเจ้าดีๆ ล่ะ” เคด้ายื่นห่อผ้า ให้กับเอรอส ส่วนเสื้อผ้าและผ้าห่มผืนหนาเขาห่อมันและ ผูกไว้กับม้าเรียบร้อยแล้ว หากไม่ติดว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น เขา กับเบลล่ายังคิดว่าจะชักชวนให้สองพี่น้องอยู่ด้วยกันที่นี่ เสียเลย
“ขอบคุณพวกท่านมากที่ช่วยเหลือพวกเรา” เอรอสกล่า วขอบคุณ ขณะที่คารินเข้าไปสวมกอดเคด้าเป็นการลา ก่อนเดินทางไกล
“รักษาตัวด้วย” เคด้าตบไหล่บางเบาๆ แล้วถอยไปยืนอยู่ กับภรรยา
เอรอสตันหญิงสาวให้ขึ้นมาไปก่อน แล้วตัวเขาก็สะพาย ถุงย่ามกระโดดขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหลัง มือทั้งสองข้างคุม บังเหียนมาเตรียมตัวออกเดินทาง
“พวกเราต้องไปกันแล้ว ขอให้พวกท่านปลอดภัย” เขาหัน มากล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วควบม้าพุ่งทะยานไปข้าง หน้าทันที
เจ้าของโรงแรมยืนกุมมือกันมองสองหนุ่มสาวบนหลังม้า ที่ค่อยๆ ไกลห่างออกไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงจันทร์สาด ส่อง พวกเขามองเห็นร่างสูงของพี่ชายโอบกอดน้องสาว ของเขาอยู่ด้วยวงแขนแข็งแรงและเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง รับรู้ได้เลยว่าคารินจะต้องได้รับการปกป้องอย่างสุดชีวิต จากพี่ชายของเธอแน่นอน
ตึกๆๆ
กิ๊ด! อี๊ด!
พับๆๆๆ
สามวันให้หลัง ชาวบ้านที่กำลังดำเนินชีวิตตามปกติในเช้า วันใหม่ ต่างพากันแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งบัดนี้ เต็มไปด้วยนกยักษ์และชายฉกรรจ์กว่าร้อยชีวิตติดอาวุธ ครบมือขี่นกยักษ์โฉบไปโฉบมาอยู่เหนือต้นไม้ ก่อนที่พวก มันส่วนหนึ่งจะกระจายกำลังกันออกไปและอีกหลายคน บังคับเจ้านกยักษ์ให้โฉบลงมายังใจกลางหมู่บ้าน
“แยกย้ายกันค้นหาเด็กผู้หญิงให้ทั่ว! โดยเฉพาะคนที่มาด เจ็บลากตัวมันออกมาเลย!
พวกชาวบ้านต่างพากันยืนตะลึงทําอะไรไม่ถูก ในชีวิต ของพวกเขาไม่เคยต้องต้อนรับอาคันตุกะที่น่ากลัวและ แปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงและเด็กวิ่งเข้าไป แอบในบ้าน แล้วปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ขณะที่ผู้ชาย ซึ่งไม่เคยจับดาบออกรบทำได้เพียงรวมกลุ่มกันเข้าไว้ เท่านั้น
“อะ อะไรกัน! พวกเจ้ามาจากไหน มาหาอะไรทีนี่!?”
ไม่มีใครตอบคําถามของพวกเขา เมื่อชายฉกรรจ์เหล่านั้น พร้อมใจกันกระโดดลงจากพาหนะที่นำมา เดินตึงๆ รื้อค้น ข้าวของกระจุยกระจาย
“เอาเด็กผู้หญิงออกมาให้หมด! ใครขัดขืนฆ่ามันซะ!! เร็ว เข้า!”
คนที่เป็นหัวหน้าตะโกนสั่ง ก่อนที่ลูกน้องหลายสิบชีวิตจะ พากันงัดประตูบ้านและตะโกนข่มขวัญ ทำร้ายพวกชาวบ้านที่พยายามเข้าไปห้าม
เพลง!
เคร้ง!!
ตึง! ตึง!
“จับเด็กผู้หญิงมารวมกันไว้ที่นี่! พวกเจ้าถ้าไม่อยากตายก็ อย่าขัดขืน!”
เสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงดังระงม พวกมันพังประตู บ้านและตามเข้าไปลากตัวออกมาอย่างไม่ปราณี ผู้ชายที่ เข้าไปห้ามต่างก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บกันถ้วนหน้า เด็กผู้ หญิงคนแล้วคนเล่าถูกโยนลงมานั่งกองกันอยู่บนถนนหน้า หมู่บ้าน ต่างร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา ลูกเล็กเด็ก แดงถูกจับตัวไปรวมกันอีกฝั่งหนึ่งร้องกระจองอแงหาบิดา มารดาไม่เว้นแม้แต่เด็กที่เพิ่งหัดเดินเตาะแตะ
เมื่อคิดว่าไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนแอบซ่อนหลงเหลืออยู่ แล้ว เจ้าคนที่เป็นหัวหน้าก็สั่งให้ลูกน้องทั้งหมดล้อมพวก ชาวบ้านไว้
“พวกเจ้ามาจากไหน…ต้องการอะไร ทําไมต้องทำร้าย พวกเรา อย่าลืมนะว่ามาทิลดาเป็นเขตปกครองอิสระ คง ไม่ดีแน่หากเรื่องนี้รู้ถึงผู้ปกครองประเทศต่างๆ ที่ได้ทำ ปฏิญญากันไว้
หมอประจำหมู่บ้านซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ด้านหน้าสุดพูด ข็น เกาะนี้เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สําคัญ ไม่เคย ถูกรุกรานจากผู้ใด และในอดีตผู้นำประเทศแต่ละทวีปได้ ตกลงทำสัญญาว่าจะไม่แตะต้องที่นี่เด็ดขาด เป็นเวลากว่า สามร้อยปีแล้วที่มาทิลดาถูกปกป้องด้วยสนธิสัญญานั้น จน กลายเป็นเกาะที่สงบที่สุด
“พวกข้ามาจากเทอร่าแห่งทวีปตะวันตก พอใจรึยัง! เราไม่ สนปฏิญญาบ้าบอนั่นหรอก! ถ้าไม่อยากให้เด็กๆ พวกนี้ได้ รับอันตรายก็ส่งตัวเด็กผู้หญิงที่มาจากเมืองท่ามาซะดีๆ
เคด้าและเบลล่าหันไปมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว แม้พวกเขาจะปกปิดเรื่องของคารินไว้เป็นความลับ แต่นั่น อาจกลายเป็นการทำร้ายพวกชาวบ้านทางอ้อม
“เด็กผู้หญิงเหล่านี้ล้วนเป็นลูกหลานของหมู่บ้าน เคอร์เซอร์ ท่านมาตามหาใครกันล่ะ เผื่อพวกเราจะเคยเห็น หน้าค่าตา เพราะที่นี่มีคนแวะเวียนเข้ามาพักทุกวัน”หมอพยายามเกลี้ยกล่อมพวกมันอย่างใจเย็นที่สุด
“ข้าไม่รู้! แต่มันมีพี่ชาย…ชื่อเลโกลัส!!”
เฮือก!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ