บทที่ 11 เพื่อนร่วมทาง
“นีโอ!! เจ้าทำให้ข้าตกใจนะ!”
“เบาๆ สิครับ เดี๋ยวพวกมันได้ยินกันพอดี ยังมีคนตามมา อีกเป็นพรวนเลย” ชายหนุ่มซึ่งมีใบหน้าที่สะสวยราวกับ สตรี ปากเป็นเชิงห้าม เมื่อเห็นหล่อนทำตาเขียว เขาจูงมือ ฝ่ายหญิงเดินลัดพุ่มไม้เข้าไปในป่า ซึ่งมิเกลยืนรออยู่อย่าง กระสับกระส่าย
“ท่านแม่!” เรเชลผวาเข้าไปกอดมารดา สังเกตเห็นว่าแขน และไหล่ของท่านมีรอยเขียวเป็นๆ ซึ่งจะเป็นฝีมือใคร ไปไม่ได้นอกจากพ่อบังเกิดเกล้าของเธอ
“ข้าทำให้ท่านแม่ต้องเจ็บตัวอีกแล้ว” หญิงสาวลูบรอย ชานั้นเบาๆ สบตาอบอุ่นอ่อนโยนที่ทอดมองมา แม้ในช่วง เวลาที่เจอเรื่องแย่ๆ แต่ท่านก็ยังยิ้มรับมันด้วยความอดทน
“ข้าให้นีโอตามไปคุ้มครองเจ้า มีเขาอยู่ด้วยจะได้อุ่น ใจ ไม่ต้องห่วงเซก้า เดี๋ยวพ่อของเจ้าก็คงอารมณ์เย็นขึ้น เหมือนทุกครั้งนั่นล่ะ ยังไงเขาก็ไม่กล้าทำร้ายแม่มากไป กว่านี้หรอก” มิเกลลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความรัก แม้จะยัง ไม่รู้ว่าออกจากเซก้าไปแล้ว เรเชลจะไปอยู่ที่ไหน แต่อย่างน้อยขอให้หนีพ้นเงื้อมมือของท่านอัลเชอ ร์ก่อนก็พอ ตัวนางเองนั้นแม้จะเจ็บช้ำน้ำใจจากการกระทำ อันป่าเถื่อนของสามี แต่ก็ไม่อาจทอดทิ้งเขาไว้ตามลำพัง ได้ ขอทำหน้าที่ภรรยาและเคียงคู่เขาปกครองเมืองหลวง ของประเทศเซก้าให้ดีที่สุด
“ขอบคุณท่านแม่ ข้าจะต้องได้ดวงตาสวรรค์ และกลับมา เซก้าให้ได้” เรเชลกอดมารดาเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยเวลา ที่ไม่อำนวยและการถูกติดตามอย่างกระชั้นชิดทำให้ไม่ สามารถ ลากันได้นานกว่านี้
“ไปเถอะ…อย่าลืมส่งข่าวมาบ้าง ดูแลเรเชลด้วยนะนี โอ” มิเกลกำชับทั้งสองคน จุมพิตที่แก้มนวลของบุตรสาว เป็นการอำลาแล้วเดินถอยหลังกลับไปอย่างเงียบเชียบ
เรเซลมองตามหลังมารดาด้วยความอาลัย ก่อนจะหักใจ หันไปพยักหน้าให้นีโอ ส่งสัญญาณให้ออกเดินทางได้
เป้าหมายแรกคือออกจากเซก้าให้ได้ภายในสามวัน หาก อยู่นานกว่านั้นเสบียงจะหมด การเข้าไปซื้ออาหารและพัก ค้างแรมในหมู่บ้านเสี่ยงต่อการถูกจับ เพราะเทอร์ดัมนั้นสั่ง ให้ผู้นำของหมู่บ้านเตรียมการต้อนรับเธอไว้แล้ว ด้วยการสร้างข่าวลวงว่าเธอจะออกพบปะประชาชน ก่อนถึงวันแต่งงาน นั่นทำให้ผู้คนเฝ้ารอคอยการปรากฏตัว ของเธออย่างใจจดใจจ่อ ส่งผลให้การเดินทางลำบากมาก ขึ้นไปอีก
นีโอเป็นญาติผู้น้องซึ่งมีอายุห่างจากเธอเพียงสองปี เป็น คนมีฝีมือและฉลาดปราดเปรื่อง เขาสามารถหัวเราะได้ทั้ง วันราวกับว่าชีวิตไม่เคยพบพานความทุกข์ ทั้งยังชอบเผื่อ แผ่รอยยิ้มไปให้คนอื่น ดูภายนอกเขาก็เหมือนเด็กหนุ่ม ทั่วไปที่ชื่นชอบในการต่อสู้ประลองกำลัง แต่เธอคิดว่าเป้า หมายของเขามีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน
แม้จะเก่งกาจเพียงใด…ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการตาม ล่าร่างทรงของอสูรสงคราม ซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่อาจฆ่า เจ้าปีศาจตนนั้นได้ นอกเสียจากว่า…..บุคคลในตำนานอีก คนหนึ่งจะทำลายหัวใจของมัน
หญิงสาวสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แล้วเร่งฝีเท้า หลบหลีกหนามแหลมของต้นไม้ตามร่างสูงนั้นไป สิ่งที่เธอ ต้องการคือดวงตาสวรรค์ซึ่งเชื่อว่าหายไปด้วยฝีมือของเจ้า ปีศาจตนนั้น เพราะเธอสูญเสียมันไปในวันที่มองเห็นร่าง ทรงพอดี
ไว้แล้ว ด้วยการสร้างข่าวลวงว่าเธอจะออกพบปะประชาชน ก่อนถึงวันแต่งงาน นั่นทำให้ผู้คนเฝ้ารอคอยการปรากฏตัว ของเธออย่างใจจดใจจ่อ ส่งผลให้การเดินทางลำบากมาก ขึ้นไปอีก
นีโอเป็นญาติผู้น้องซึ่งมีอายุห่างจากเธอเพียงสองปี เป็น คนมีฝีมือและฉลาดปราดเปรื่อง เขาสามารถหัวเราะได้ทั้ง วันราวกับว่าชีวิตไม่เคยพบพานความทุกข์ ทั้งยังชอบเผื่อ แผ่รอยยิ้มไปให้คนอื่น ดูภายนอกเขาก็เหมือนเด็กหนุ่ม ทั่วไปที่ชื่นชอบในการต่อสู้ประลองกำลัง แต่เธอคิดว่าเป้า หมายของเขามีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน
แม้จะเก่งกาจเพียงใด…ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการตาม ล่าร่างทรงของอสูรสงคราม ซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่อาจฆ่า เจ้าปีศาจตนนั้นได้ นอกเสียจากว่า…..บุคคลในตำนานอีก คนหนึ่งจะทำลายหัวใจของมัน
หญิงสาวสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แล้วเร่งฝีเท้า หลบหลีกหนามแหลมของต้นไม้ตามร่างสูงนั้นไป สิ่งที่เธอ ต้องการคือดวงตาสวรรค์ซึ่งเชื่อว่าหายไปด้วยฝีมือของเจ้า ปีศาจตนนั้น เพราะเธอสูญเสียมันไปในวันที่มองเห็นร่าง ทรงพอดีเหมือนคนอื่นที่ขาเคยเจอ ไม่รู้สิ! แค่เอ่ยชื่อก็ทําให้ข้า ขนลุกไปทั้งตัว”
หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อนึกถึงตอนที่เอรอสเดินตามหลังมิเกล เข้ามาในห้อง ในวันที่เธอถูกกักบริเวณวันแรก ร่างสูงของ เขางามสง่าและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน เส้นผมสีน้ำเงินเข้ม แปลกตาและดวงตาคมกริบ ใบหน้าที่เรียบเฉยปราศจาก อารมณ์ใดๆ เหมือนเขาเป็นเพียงร่างที่ไม่มีชีวิต ไม่มีความ รู้สึก ที่สําคัญเขาต้องการทำหน้าที่ตามล่าร่างทรงเพียงคน เดียว
“ในโลกที่กว้างใหญ่นี้มีสิ่งที่เราไม่เคยพบพานอยู่ มากมาย มนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษก็เช่นกัน พวกเขา มีพลังที่ไร้ขีดจำกัด แต่พลังนั้นก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุม ของดวงจิต ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าดวงจิตของแต่ละคนจะ กําหนดให้พวกเขาทําอะไร โลกของเราจึงได้สับสนวุ่นวาย อย่างทุกวันนี้ยังไงล่ะ
นีโอพูดจากประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง แม้อายุของเขา จะน้อยกว่าเรเชล แต่การได้ออกเดินทางท่องโลกตั้งแต่ ยังเยาว์วัย ทําให้เขาได้พบเห็นผู้คนมากมาย รวมทั้งเรื่อง ประหลาดหลากหลาย สิ่งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน ได้ สัมผัสถึงความคิดที่ลึกซึ้งของมนุษย์ ก้นบึ้งของจิตใจที่ ผลักดันให้คนๆ หนึ่งมีพฤติกรรมบางอย่าง และการกระทำนั้นได้ส่งผลกระทบไปยังส่วนอื่นๆ เหมือนคลื่น ของน้ำทะเลที่กระเพื่อมจากจุดเล็กๆ แล้วกระจายออกเป็น วงกว้าง
“เจ้านี่เหมาะจะเป็นนักปรัชญามากกว่านักรบนะนีโอ” เรเชลเหลือบมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดสลัว เป็นสัญญาณบอก ให้รู้ว่าต้องรีบหาที่หลับที่นอนกันแล้ว
“นักรบที่ไร้ซึ่งปรัชญา ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกโจร”
นีโอพูดยิ้มๆ เมื่อเดินลัดเลาะป่ามาถึงทุ่งหญ้ากว้าง มอง เห็นหุบเขาสูงตระหง่านเป็นฉากหลัง เขานึกถึงวันข้างหน้า หนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามและอันตราย ได้กลิ่นเลือด และความตายอยู่ตรงปลายจมูกนี่เอง ขนาดว่าเรเชลมอง เห็นแค่ร่างทรงเท่านั้น เธอยังต้องสูญเสียดวงตาสวรรค์ ถ้า เจอกันตัวเป็นๆ มนุษย์ธรรมดาอย่างเขาล่ะจะรอดไหม?
เกาะมาทิลดา
คารินก้มลงมองคนที่กำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลผืนใหม่ บริเวณข้อเท้าของเธอ เส้นผมสีน้ำเงินล้อมกระจายปิดบัง เสี้ยวหน้าคม เห็นเพียงคิ้วดกหนา แพขนตายาวและปลายจมูกโด่งของพี่ชายตัวปลอมที่กําลังพยาบาลเธอ อย่างคล่องแคล่วโดยที่หมอประจําหมู่บ้านไม่ต้องลงมือ เองเลย
ขณะที่เอรอสค่อยๆ บรรจงพ้นผ้าอยู่นั้น เขาบอกตัวเอง ว่าการที่เธอต้องเจ็บครั้งนี้เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อ ของเขาเอง และอยากให้พวกเคด้าเห็นว่าเขาสามารถ ดูแลตัวเองและเธอได้ ไม่อย่างนั้นคนที่นี่จะแตกตื่นกันไป มากกว่านี้ เพราะตอนที่เขาล้มลงไปนั้น สายตาทุกคู่ต่างจับ จ้องและมองเขาเหมือนเป็นตัวประหลาด ไม่แน่ว่าหากมี การวิพากษ์วิจารณ์เชื่อมไปถึงเรื่องรางทรง เขาอาจจะต้อง พาคารินออกจากหมู่บ้านนี้ก่อนกำหนดก็เป็นได้
“เจ้านี้ใช้ได้เหมือนกันนะเลโกลัส ทำอะไรก็คล่องแคล่ว ว่องไว เห็นหน้าหล่อๆ นึกว่าเป็นคนชอบเที่ยวตะลอนๆ ซะ อีก” เคด้าเพิ่งกล่าวชมชายหนุ่มเป็นครั้งแรก และเรียกพี่ ชายของคารินว่าโกลัสอย่างที่เด็กสาวบอกไว้
“ลองขยับดูสิ ค่อยยังชั่วขึ้นหรือยัง?” เอรอสไม่โต้ตอบ แต่เงยหน้าขึ้นไปถามคนเจ็บ ซึ่งกำลังมองเขาด้วยความ ซาบซึ้ง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ