บทที่ 8 พี่ชาย
หญิงสาวคิดอย่างขมขื่น อีกครั้งแล้วที่ต้องอยู่คนเดียว ความรู้สึกไม่ต่างจากตอนที่เลโกลัสหายออกจากบ้านครั้ง ละหลายๆ วันและปล่อยให้เธอจมจ่อมอยู่กับความเหงา เพียงลำพัง แม้เวลาเพียงน้อยนิดที่มีเขายู่ข้างกาย ทั้งๆ ที่ เป็นแค่คนที่เดินผ่านมาและยังอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเหลือ แต่ เธอยังไม่มีโอกาสได้พูดขอบคุณและกล่าวลาเขาสักคำ
หญิงสาวปาดน้ำตาที่ร่วงเผาะ นึกแปลกใจที่ตัวเองนั้นอยู่ กับเอรอสไม่กี่วันก็ติดหนึบจนคิดว่าเขาเป็นพี่ชายจริงๆ
เธอเดินย้อนกลับไปยังที่พัก ขณะที่น้ำตาเจ้ากรรมก็ยัง ไหลไม่หยุด กระทั่งภรรยาเจ้าของบ้านที่แอบเดินตามมา ห่างๆ ต้องเข้ามาปลอบใจ
“โอ๋ๆๆ นี่คงคิดถึงพี่ชายสินะ ข้าผิดเองที่ไม่ได้ถามว่าเขา จะไปไหน จะกลับมาเมื่อไหร่ นึกว่าเขาจะบอกเจ้าไว้เสีย อึก”
คารินสันศีรษะเมื่อภรรยาเจ้าของบ้านกล่าวโทษตัวเอง เธอสูดจมูกแรงๆ เพื่อขับก้อนสะอื้นที่มาจุกอยู่ที่ลำคอ
“ข้าชื่อเบลล่า เจ้ากินข้าวกินน้ำเสียก่อนเถอะ แล้วขึ้นไป นอนพักบนห้อง ข้อเท้าของเจ้ายังไม่หายดีนะ
เบลล่าลูบหลังหญิงสาวเพื่อปลอบโยน ค่อนขอดในใจ ว่าเจ้าคนที่เป็นพี่ชายช่างใจร้ายนัก ไปไหนก็ไม่ยอมบอก กล่าว เด็กสาวคนนี้คงเสียขวัญ ทั้งอาการบาดเจ็บก็ยังไม่ หายดี พิศดูแล้วเธอก็มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงบุตรสาวของ นางที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วเหมือนกัน รายนั้นข้ามน้ำ ข้ามทะเลไปเป็นสะใภ้เจ้าเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง นานทีปีหน จะหอบหิ้วหลานชายมาเยี่ยมสักครั้ง
“ตาแก่เอ๊ย! เอาข้าวต้มมาให้นั่งหนูนี่เร็ว ทำอะไรอืดอาด ยืดยาดเดี๋ยวแขกก็ลงมาก่อนพอดี คราวนี้ไม่ต้องกินข้าว เช้ากันละ” เบลล่าตะโกนเรียกสามีที่กำลังขลุกอยู่ในครัว สักพักเขาก็ถือถาดอาหารส่งกลิ่นหอมฉุยเข้ามา
“บอกให้เรียกเคด้า ชื่อของข้าออกจะไพเราะ” เจ้าของ บ้านค้อนให้ภรรยา เขาตักข้าวต้มมาเพื่อตัวเองและภรรยา อีกสองชามนั่งกินเป็นเพื่อนเด็กสาวไปด้วย
“กินเยอะๆ นะคาริน จะได้มีเนื้อมีหนังกว่านี้ สงสัยพี่ชาย ของเจ้าคงจะชอบแย่งเจ้ากินแน่ๆ ถึงได้เอาความสูงไป หมด” เบลล่าคะยั้นคะยอ
คารินตักอาหารเข้าปากหลายคำ แต่เธอไม่รู้สึกถึงรสชาติ ของมันเลย ทว่าเมื่อเห็นเจ้าของบ้านที่แสนใจดีมานั่ง กินเป็นเพื่อน เธอก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้อีก แม้ว่าจะไม่ได้เจอเอรอสอีกแล้ว เธอก็ควรจะเข้มแข็งเพื่อ ตอบแทนที่เขาได้ช่วยชีวิตเธอไว้ในวันนั้น
ว่าแต่พี่เจ้าชื่ออะไรล่ะ คุยเรื่องเจ้ากับเขาตั้งนานข้าเอง ก็ลืมถาม เดี๋ยวตอนเย็นข้าจะออกไปซื้อผักที่ตลาด เผื่อจะ ถามคนแถวๆ นั้นว่าเห็นเขาบ้างหรือเปล่า”
เคาถามขึ้น เขาไม่ค่อยเข้าใจพี่น้องคู่นี้นัก คนเป็นพี่นั้น เงียบขรึมไม่ค่อยพูด ส่วนคนเป็นน้องก็ดันพูดไม่ได้ ดูแล้ว ไม่ต่างอะไรกับคนใบ้สองคนอยู่ด้วยกัน สงสัยคงจะสื่อสาร กันลําบาก และดูท่าเจ้าพี่ชายคงจะไม่อยากให้น้องสาวตาม มาด้วยเท่าไรนักจึงได้จ่ายเงินและไปโดยไม่บอกไม่กล่าว หรือว่า…เขาตั้งใจเอาน้องสาวมาทิ้งไว้
“ฮ่ม! ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าก็พร้อมจะดูแลเด็กคนนี้ให้ เจ้าคน ไม่รับผิดชอบ!” เคด้าก่นด่าอยู่ในใจ
คารินดึงแขนของชายชรามาวางบนโต๊ะ พร้อมกับลาก นิ้วเพื่อเขียนชื่อลงไปเหมือนตอนที่สื่อสารกับเอรอส เธอ ชะงักนิดหนึ่ง ลังเลว่าจะบอกชื่อเขาไปดีหรือไม่ แต่เมื่อคิด ได้ว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอแล้ว เธอก็น่าจะเขียน ชื่อพี่ชายตัวจริง
“เล…โก…ลัส…อ้อ! รูปก็งามนามก็เพราะ เจ้าทําใจให้สงบ เถอะ ถ้าข้าเจอเขาเมื่อไหร่นะจะเตะสั่งสอนสักหนึ่งที โทษ ฐานที่ทําให้เจ้าเป็นห่วง
หญิงสาวยิ้มบางๆ แทนคำขอบคุณ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เธอหวัง นั้นไม่มีวันจะเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเอรอส…หรือเลโกลัส ซี วิตเล็กๆ ที่ต้องอยู่เพียงลำพัง กี่ครั้งที่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาก ลางดึกเพราะฝันร้าย ฝันว่าพี่ชายของเธอหายตัวไป แม้ว่า เขาจะลูบผมและกระซิบบอกเธอทุกครั้งว่าเขาจะกลับมา แต่นี่คือเอรอส…เขาไม่ใช่พี่ชายของเธอ นี่ต่างหากคือ ความจริงที่บอกได้ว่า ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องรอคอยเขาอีก ต่อไป
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็เริ่มต้น ปฏิวัติชีวิตตัวเองใหม่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการตอบแทนบุญ คุณเคด้าและเบลล่าที่อุตส่าห์ดูแลเธอเป็นอย่างดี เธอเก็บ ถ้วยข้าวต้มมาซ้อนกันบนถาด ยกมันเดินไปหลังร้านอย่าง ระมัดระวัง โดยมีเจ้าของบ้านทั้งสองเดินตามไปติดๆ
“โอ้! เธอคงอยากช่วยสินะ น่าเอ็นดูจริงๆ” เบลล่ายิ้มอ่อน โยนเมื่อเห็น “เด็กสาว” ในความคิดของนางนั่งล้างถ้วยจาน อย่างขยันขันแข็ง
“ให้เธอทำไปเถอะจะได้หายคิดถึงพี่ชาย เราออกไปดู หน้าร้านกันดีกว่า ป่านนี้แขกคงจะลงมาแล้ว”
เมื่อเจ้าของบ้านเดินออกจากห้องครัวไป คารินก็เงยหน้า ขึ้นมองช่องประตูที่ว่างเปล่าอีกครั้งอย่างหงอยเหงา อดไม่ ได้ที่จะคิดว่าเอรอสกำลังยืนมองเธออยู่ตรงนั้น
เฮเซลมองผลงานชิ้นเอกอย่างตั้งใจ ขณะที่พ่อมดวาเล รี่กำลังสะกดจิตเพื่อถ่ายทอดพลังให้กับเมอร์เดสในห้อง ร้างลึกลงไปใต้ดิน ร่างที่ถูกพันธนาการด้วยเถาวัลย์ยักษ์ สั่นสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังสามารถรับเอาความชั่ว ร้ายเข้าไปในดวงจิตได้อีก จนเขาเองยังทึ่งในความอึดของ หมอนั่น
“ผู้ชายคนนี้มีปมอดีตที่น่าสนใจ ชีวิตในวัยเยาว์ถูกทำร้าย โดยแม่บังเกิดเกล้า ผู้หญิงคนนั้นไม่ต้องการให้เขาเกิดมา เขาถูกทิ้งตั้งแต่ลืมตาดูโลก จนกระทั่งมีคหบดี คนหนึ่งเก็บไปเลี้ยงแต่ไม่นานคหบดีคนนั้นก็ตาย เขาถูก ภรรยาของฝายนั้นเกลียดชังเพราะคิดว่าเป็นตัวการทำให้ สามีนางตาย ถูกทุบตีและถูกล่ามโซ่ขังไว้อย่างทารุณ เมื่อ โตเป็นหนุ่มเขาจึงฆ่าคนที่ทําร้ายเขาจนหมดและเกลียด เพศแม่ ความแค้นและความโกรธเกลียดชิงชังนั้นฝังอยู่ลึก จริงๆ แต่ก็ยังมีแสงสว่างเล็กๆ อยู่ในดวงจิตของเขา ซึ่งข้า คิดว่ามันคือความหวัง
พ่อมดวาเลรี่รายงานสิ่งที่เขาเห็นจากดวงจิตของเมอร์เดส ผ่านทางบ่อน้าศักดิ์สิทธิ์
“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด เราก็ไม่เคยทำให้แสง สว่างเล็กๆ นั้นหายไปได้เลย ทั้งๆ ที่ความมืดสามารถขยาย หรือสูญสิ้นได้ในชั่วพริบตา
“นั่นเพราะทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นคู่ขนานกันยังไงล่ะท่าน เฮเซล มีสูงย่อมมีต่ำ มีดำย่อมมีขาว เช่นเดียวกับความดี และความชั่วในจิตใจมนุษย์ ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่สามารถ หลุดพ้นจากความรู้สึก ดวงจิตก็ยังถูกกำหนดให้มีทั้งสอง สิ่ง เมอร์เดสก็เช่นกัน แม้ความมืดจะแผ่ขยายเกาะกุมจิตใจ เขากว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหน แต่ดวงจิตอันบริสุทธิ์ก็จะยัง คงอยู่ นั่นเพราะจิตสำนึกโหยหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มความ รู้สึก ซึ่งเขาอาจไม่มีวันหามันเจอเพราะจิตทีหลงทางปิดกันมันไว้ก่อน
พ่อมดวาเลรี่อธิบายยืดยาว เขาเองเคยพยายามที่จะดับ แสงสีขาวในดวงจิตของมนุษย์คนแล้วคนเล่าแต่ก็ยังทำไม่ สําเร็จ แม้กระทั่งภายในจิตใจของเขาเองก็ยังทําให้เป็น สีดำล้วนไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีเดิมจิตชั่วลงไปในจิตใจ ของคนให้มากที่สุด โดยการทําให้พวกเขาเห็นอดีตอัน เลวร้าย จนกระทั่งหาทางกลับสู่โลกแห่งแสงสว่างไม่ได้ นั่นเอง
หมายเลขหนึ่งถึงสามที่เราส่งไปก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร บ้าง” เฮเซลหันมาถามถึงผู้เข้าประลองสามคนแรกที่ผ่าน เข้ามารับตราประทับ หรือ จิตชั่ว และแผนที่ ดินแดนแห่ง ภูเขาไฟก่อนหน้าเมอร์เดส
“ไม่ต้องห่วงท่านเฮเซล แม้มันจะไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้านี่ แต่ก็มีฝีมือไม่เป็นรองใคร ข้าได้ให้แผนที่คนละส่วนเพื่อให้ มันตามเก็บจิตชั่วตามเบี้ยบายรายทางให้มากที่สุด อีกไม่ นานพวกมันก็จะไปถึงจุดนัดพบ ขอเพียงแค่อย่าให้ใครเจอ ร่างทรงปีศาจก่อนเราเท่านั้นเอง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ