ไฟรักสงครามอสูร

บทที่ 1 ดินแดนมรณะ



บทที่ 1 ดินแดนมรณะ

ชายหนุ่มผมสีน้าเงินยาวสลวยกระโดดลอยตัวจากพื้นดิน ขึ้นไปบนยอดตึก ทันทีที่เท้าทั้งสองข้างสัมผัสกับดาดฟ้า อย่างมั่นคง เขาก็หยุดชะงักกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า แม้จะ เคยเห็นมันมาจนชินตา แต่เขากลับโทษตัวเองว่าหากมา ถึงเร็วขึ้นอีกสักนิด เหตุการณ์ร้ายก็คงจะไม่เกิดขึ้นกับชาว เมืองที่นี่

เอรอสถอนหายใจ มองศพของชาวบ้านที่นอนจมกอง เลือดพะเนินเทินทึกในสภาพที่น่าเวทนาที่สุด แล้วผินหน้า มองดวงอาทิตย์สีแดงฉานที่เริ่มจะคล้อยต่ำ ส่งสัญญาณ ให้เขาต้องเร่งลงมือค้นหาผู้รอดชีวิต

เขาเดินผ่านกองซากศพ สํารวจอาคารบ้านเรือนและ สังเกตได้ว่าทั้งประตูและหน้าต่างของบ้านเกือบทุกหลังถูก เปิดทิ้งไว้ ร้านค้ายังมีของวางขายอยู่ตาม ปกติ แสดงให้ เห็นว่าชาวบ้านที่นี่ยังคงดำเนินกิจวัตรประจำวันของพวก เขาก่อนจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น รอยแผลแต่ละแห่งบน ซากศพล้วนถูกฟันด้วยคมดาบเข้าที่จุดสำคัญบนร่างกาย ไร้ร่องรอยผู้มาเยือนราวกับว่าพวกมันล่องหนได้กระนั้น ทั้งๆ ที่อย่างน้อยก็น่าจะฝากรอยเท้าและหลักฐานอื่นๆ เอา ไว้ให้ตามกลิ่นได้บ้าง
เขาเดินทางออกจากจอร์จิน่า ประเทศมหาอำนาจของ ทวีปตะวันตก ซิ่งกําลังตื่นตัวกับคําทํานายของพ่อมดวาเล ถึงการฟื้นคืนชีพของอสูรสงคราม ทำให้เฮเซล ผู้ปกครอง นครแห่งนั้นได้จัดประลองผู้ที่ต้องการเมืองขึ้นของจอร์จิน่า เป็นเดิมพัน สําหรับยอดฝีมือที่สามารถจับตัวร่างทรงของ อสูรสงครามมาได้ นักรบรับจ้างและผู้ที่กระเหี้ยนกระหือ รือต้องการอ่านาจต่างก็มุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อแข่งขันเอาตรา ประทับของ เฮเซลเป็นใบเบิกทางที่จะได้อาวุธและแผนที่ มาไว้ในครอบครอง โดยไม่ต้องตามหาอย่างไร้จุดหมาย ด้วยการคล่าทางเหมือนประเทศอื่นๆ

แม้จะเร่งฝีเท้าเต็มที่และใช้เส้นทางลัดที่เต็มไปด้วย อันตรายจนมาถึงที่นี่เร็วกว่าคนอื่นๆ แต่เขาก็ไม่สามารถ ช่วยชีวิตใครได้เลย เลือดจากศพยังอุ่น บอกให้รู้ว่าผู้ เคราะห์ร้ายเหล่านี้น่าจะสิ้นใจก่อนที่เขาจะมาถึงไม่นานนัก ทําให้เกิดความสงสัยว่าผู้บุกรุกอาจไม่ใช่คนจากจอร์จิน่า เพราะทุกประเทศต่างก็กำลังควานหาตัวร่างทรงให้ควักกัน ทั้งนั้น

แรกๆๆ

พับ! พับ! ผับ!
เอรอสเงยหน้ามองฝูงนกกระจิบที่บินเข้ารัง พระจันทร์ ดวงโตลอยเด่นรอเวลาฉายแสงต่อจากดวงอาทิตย์ที่กำลัง จะลับขอบฟ้า คืนนี้เขาจะต้องไปให้ถึงหมู่บ้านเคอร์เซอร์ ซึ่งอยู่ถัดจากหมู่บ้านแห่งนี้เพียงแปดสิบอัล เพราะที่นี่ไม่ เหมาะจะเป็นที่พักค้างแรมอีกแล้ว

ชายหนุ่มเลือกลานกว้างใจกลางหมู่บ้านที่เห็นว่าเหมาะจะ สร้างสุสานฝังศพ เขาประสานมือทั้งสองข้าง รวบรวมพลัง มาที่ฝ่ามือแล้วปล่อยให้มันพุ่งออกไปทันที

“ย้าก!!”

ตูม!

ฝุ่นคลุ้งกระจายลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า พื้นพสุธากลายเป็น หลุมลึกขนาดใหญ่ เขาจัดการลากศพทั้งหมดมานอนเรียง กันในหลุมอย่างเป็นระเบียบ แล้วกลบหลุมฝัง พึมพำกล่าว อำลาร่างไร้วิญญาณที่เขาไม่รู้จัก ก่อนจะมุ่งหน้าไปท้าย หมู่บ้านซึ่งเชื่อม ต่อกับหมู่บ้านเคอร์เซอร์ สิ่งที่ต้องทำต่อ ไปคือตามหาร่างทรงให้พบก่อนที่จะมีประเทศใดเจอตัว และนำไปใช้ประโยชน์ หากเฮเซลหรือผู้กระหายอำนาจได้ ครอบครอง โลกจะเข้าสู่กลียุค สงครามจะบังเกิดขึ้นและ ทําลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง

ร่างสูงเดินลัดเลาะพุ่มต้นทาบิลิสที่เริ่มผลิดอกรับลมหนาว อีกไม่นานป่านี้จะเต็มไปด้วยสีทองอร่ามของดอกทาบิลิ สบานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา ถัดจากหมู่บ้านเป็นป่าลึกและ ภูเขาสูงซึ่งเป็นรอยต่อไปยังเคอร์เซอร์ หากเร่งฝีเท้าเต็ม ที่คืนนี้ก็อาจจะหาที่พักดีๆ ได้สักคืน หลังจากนอนหลังขด หลังแข็งบนต้นไม้มาหลายวัน

สายตาของเขามองเห็นได้ดีในความมืด และแสงจันทร์ ก็ช่วยสาดส่องนำทาง พ้นภูเขาลูกนั้นแล้วก็จะถึงที่หมาย ทว่าสิ่งที่มองเห็นเบื้องหน้ากลับทำให้เขาต้องชะลอฝีเท้า ลงเดินตามรอยเลือดที่หยดเป็นทางเข้าไปในพุ่มไม้ และ เห็นรองเท้าข้างหนึ่งตกอยู่ ขนาดของมันเล็กจนเขาคิดว่า น่าจะเป็นรองเท้าของเด็กด้วยซ้ำ

“นี่พวกมันไม่ละเว้นแม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ เลยหรือ?”

เขาถอนใจไม่อยากจะเห็นภาพที่ชวนให้หดหู ถึงอย่างไร เขาก็ต้องนำศพสุดท้ายนี้ไปฝังรวมกับศพคนอื่นๆ ใน หมู่บ้าน แต่เมื่อเดินมาถึงพุ่มไม้ เขาก็ชะงักเมื่อเห็นร่างของ เด็กสาวคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าหายใจรวยริน รองเท้าหลุด หายไปข้างหนึ่ง แขนขาของเธอถลอกปอกเปิกและมีรอยเขียวช้ำเป็นๆ ผสมคราบเลือดเกรอะ กรังท่วมตัว เขาค่อยๆ พลิกร่างนั้นให้นอนหงาย เมื่อสำรวจ แล้วไม่มีกระดูกส่วนใดแตกหักและหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้น ลงเบาๆ บอกให้รู้ว่าร่างที่สะบักสะบอมนั้นยังหายใจอยู่ จึง ปัดปอยผมที่ปิดหน้าปิดตาเธอออกไป ซับเลือดที่หางคิ้ว และมุมปากแล้วตบเบาๆ ที่แก้มให้เธอรู้สึกตัว

“นี่เจ้า! ตื่นสิ! ได้ยินเสียงขาไหม?”

“อือ…”

ริมฝีปากแตกแห้งขยุกขยิกส่งเสียงครางเบาๆ เพียงครั้ง เดียวแล้วก็ปิดสนิท ชายหนุ่มตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมา ลำพัง เขาคนเดียวไปถึงเคอร์เซอร์ในอึดใจเดียวได้สบายๆ จะทิ้ง เธอไว้ก็ทำไม่ลง เด็กสาวคนนี้คงพยายามหนีเอาชีวิตรอด อย่างสุดชีวิต กระนั้นแล้วพวกมันก็ยังไม่ละเว้นกระทั่งผู้ หญิงตัวเล็กๆ ไร้ทางสู้คนหนึ่ง เขาควรจะรอให้เธอหายดี เสียก่อน ไม่แน่ว่าเธออาจจะมีญาติอยู่ที่เคอร์เซอร์หรือหมู่ บ้านอื่นๆ บนเกาะนี้อยู่ก็ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ