บทที่ 4 ห้องรับรองวีไอพี คนรวยจริงๆ
บทที่ 4 ห้องรับรองวีไอพี คนรวยจริงๆ
“ไอ้บ้าคงจะหนีไปแล้วหรือเปล่า? ”
“ถ้ามันหนีไป พวกเราจะทำยังไง? งั้นก็มาเสียเวลาเปล่าๆ ดิ? ”
หลี่ฝางและหลินชิงชิงเพิ่งจะคุยกันได้สักพัก เพื่อนนักเรียนทุก คนก็รอไม่ไหวแล้ว พวกเขาก็นึกว่าหลี่ฝางหนีไปแล้ว
หลินชิงชิงก็ได้ยินเสียงค่า เธอขมวดคิ้วและถาม: “เมื่อกี้มีคนด่า นายใช่ไหม? ”
“เพื่อนห้องเรียนผม แค่ล้อเล่นกับผมเท่านั้นครับ” หลี่ฝางพูด อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“งั้นเหรอ ถ้าเพื่อนนายหาเรื่อง นายก็โทรมาหาฉันนะ คอยดูว่า ฉันจะจัดการมันยังไง” หลินชิงชิงกำหมัดทั้งสองมือและพูดอย่าง ดุดัน
ในขณะนั้นหลี่ฝางก็ไม่ได้สนใจคำพูดของหลินชิงชิงมากนัก แค่ คิดว่าตนเองใช้เงินทำความดีเท่านั้น
กลับไปถึงห้องรับรอง จางเสี่ยวเฟิงเห็นหลี่ฝางก็รีบวิ่งเข้ามาหา จับคอเสื้อของเขาและพูดอย่างโมโห “ไอ้บ้า นายหายไปไหนมา หาทั่วทุกทีก็หานายไม่เจอ
“นายรีบร้อนทำไม ฉันไปสั่งอาหาร” หลี่ฝางเหลือบสายตาไป มองจางเสี่ยวเฟิง: “เมื่อกี้ผมไปจองโต๊ะมาตรฐานไว้สามโต๊ะ
“มาตรฐาน? ราคาเท่าไหร่ คงไม่ใช่มาตรฐานที่ต่ำสุดนะ!” เกา เส็งพูดด้วยความกังวล
มาตรฐานต่าสุดของLotusก็แค่ไม่กี่ร้อย สามโต๊ะรวมๆ ก็แค่สอง สามพัน เกาเส็งไม่เห็นด้วย
“ผมว่าหลี่ฝาง กว่านายจะมีโอกาสเลี้ยงอาหารสักครั้งไม่ง่าย ใจ กว้างอีกสักหน่อยไม่ได้เหรอ? ”
“อีกอย่าง พวกเรามากันเยอะขนาดนี้ สามโต๊ะคงไม่พอมั้ง? “
“ใช่ ใจแคบเกินไปล่ะ
ในขณะที่เกาเส็งและจางเสี่ยวเฟิงก่อกวน ทุกคนก็ต่างมองหลี่ ฝางด้วยความดูถูก
“กินอิ่มได้ก็พอแล้ว พวกก็ต่างก็เป็นนักเรียน จะกินกุ้งมังกรหอย เป๋าซื้อกันหรือไง? ” โจวหยางลุกขึ้นมาพูดเพื่อช่วยหลี่ฝาง
“อีกอย่าง ราคามาตรฐานของLotus ที่ผมรู้ก็ต้องขั้นต่ำเจ็ดร้อย กว่า”
ฐานะทางบ้านของโจวหยาง จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ด้อยกว่าตู้เฟย แต่ เป็นเพราะเขาทำตัวเรียบง่ายเงียบๆ เท่านั้น Lotusสถานที่แบบนี้ เขาก็มาบ่อยๆ ต้องรู้ราคาที่นี่อยู่แล้ว
“ก็ได้ ดีกว่ากินที่โรงอาหารเยอะ” หลังจากที่ได้ยินว่าราคา มาตรฐานขั้นต่ำต้องมีเจ็ดร้อยกว่า เพื่อนๆ ทุกคนค่อยรู้สึกพอใจ หน่อย
เกาเส็งพูดอย่างประชดประชันขึ้นมาอีกว่า: “รู้แบบนี้แต่แรกไม่ มาดีกว่า ราคามาตรฐานขั้นต่ำไม่เห็นมีอะไรพิเศษ ยังไม่ดีเท่า อาหารที่ผมกินทุกวันเลย”
ตู้เฟยยิ่งจุดไฟเพิ่มเติม: “ช่างเถอะ อย่าไปทำให้หลี่ฝางลำบาก ใจเลย เขาก็แค่ถูกรางวัลสองหมื่นหยวน ไหนจะกล้าเลี้ยงอาหาร มื้อใหญ่พวกเรา”
“อีกอย่างพวกเราคนเยอะขนาดนี้ สามโต๊ะไม่พอนั่งแน่นอน ถ้า อย่างนั้นพวกเราอย่ามาร่วมวงกันดีกว่า ฉันไปจองโต๊ะราคาพันแปดร้อยแปดสิบเอง ไม่ต้องให้ไอ้ยาจกนี่เลี้ยงหรอก” ตู้ เฟยหัวเราะเยาะและพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
ตู้เฟยทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าทำให้หลี่ฝางเสียหน้า
เพื่อนๆ คนอื่นๆ ถอนหายใจขึ้นมา นี่ก็คือลูกคนรวยสินะ กินข้าว แค่มื้อเดียว ราคาเท่าเงินเดือนหนึ่งเดือนของพ่อแม่แล้ว
ตู้เฟยยกมือเรียกพนักงานมา: “หาห้องวีไอพีที่ใหญ่กว่านี้ให้ผม หนึ่งห้องและแจ้งไปยังห้องครัวด้วย เตรียมอาหารราคาหนึ่งพัน แปดร้อยแปดสิบให้พวกเรา
“ขออภัยด้วยครับ ห้องใหญ่ถูกเถ้าแก่น้อยคนนี้จองหมดแล้ว เหลือเพียงโต๊ะที่เหลือในห้องรับรองด้านนอก ท่านดูว่าได้ไหม? ” พนักงานบริการกล่าว
“เถ้าแก่น้อย? ก็แค่ไอ้ยาจกจนๆ คนหนึ่งเท่านั้น” เกาเส็งบ่น
ตู้เฟยก็รู้สึกไม่พอใจมาก: “เรียกผู้จัดการของพวกคุณมาหน่อย
ตู้เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีขึ้นมาอีกว่า: “เป็นพนักงานบริการยัง ไง สายตาไม่ดีเลยสักนิด
“นายดูไม่ออกรีไง ผมกับเขาใครดูมีฐานะดีกว่ากัน? เขาจองโต๊ะ ขั้นต่ำที่สุด ที่ผมจะจองคือหนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบ
ตู้เฟยพูดจบ พนักงานคนนั้นทำหน้าตะลึงและพูดว่า “คุณเข้าใจ ผิดหรือเปล่า? โต๊ะที่เถ้าแก่น้อยท่านนี้จองคือโต๊ะละสามพันแปด ร้อยแปดสิบ ดีที่สุดของที่นี่แล้ว”
ตู้เฟยตกตะลึงทันที
สีหน้าของเกาเส็งและจางเสี่ยวเฟิงก็น่าเกลียดมาก
“หลี่ฝาง นายทำอย่างนี้หมายความว่าไง นายจองโต๊ะสามพัน แปดร้อยแปดสิบ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก? ” ตู้เฟยพูดด้วยสีหน้า
บึ้ง
“ผมก็ไม่ได้พูดว่าตนเองจองราคาต่ำสุดนะ พวกนายคิดเดาไป เอง” หลี่ฝางกางมือสองข้างออก พูดด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างน่า สงสาร: แบบนี้ก็เป็นความผิดของผมเหรอ? ”
สีหน้าตู้เฟยโมโหมาก ตอนแรกเขาคิดจะต่อยหน้าของหลี่ฝาง แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกหลี่ฝางตบหน้าอย่างแรงที่หนึ่ง
และการตบครั้งนี้ค่อนข้างแรงมาก
ตอนนั้นเพื่อนทุกคนต่างก็เห็นตู้เฟยเป็นตัวตลก
“ผมไม่เคยพูดเลยสักคำ พวกนายคิดเองมาตลอดว่าผมจองโต๊ะ ราคาขั้นต่ำ” หลี่ฝางพูด
หลี่เสี่ยวเสี่ยวจ้องมองด้วยสายตาที่นับถือ: “พี่ฝาง นายช่างใจ กว้างจริงๆ
“ราคาสามพันแปดร้อยแปดสิบแปด ว้าว ระดับแพงที่สุด ฉันยัง ไม่เคยกินเลย”
“อย่าว่าแต่นาย เพื่อนๆ พวกเรามีกี่คนที่เคยกิน อย่างมากก็มีแค่ เฟยคนเดียว”
“หลี่ฝางก็เกินไปจริงๆ แค่กินข้าวมื้อเดียวก็ใช้เงินไปเป็นหมื่น เขาก็แค่ถูกรางวัลสองหมื่นหยวนเท่านั้น
ถึงแม้หลี่ฝางจะเลี้ยงพวกเขาทานอาหารโต๊ะละสามพันแปดร้อย กว่า แต่ในใจลึกๆ เพื่อนนักเรียนทุกคนต่างก็นับถือตู้เฟยมากกว่า
เพราะตู้เฟยเป็นลูกเศรษฐีจริงๆ
ส่วนหลี่ฝาง ก็แค่ดอกไม้เอพิฟิลลัมบานชั่วคราวเท่านั้น (เพราะดอกไม้เอพิฟิลลัมบานแค่คืนเดียวก็จะเหี่ยว)
พนักงานนำพาทุกคนไปที่ห้องรับรอง คิดไว้ไม่มีผิด สามโต๊ะไม่ พอนั่งจริง
“ทุกคนนั่งเบียดๆ กันหน่อย” โจวหยางรีบพูดขึ้นมา
“เบียดทำไม เบียดยังไงก็ไม่พอนั่งหรอก สามห้องปกติก็นั่งได้ แค่สามสิบหกคน พวกเรามากันตั้งสี่ห้าสิบคนนะ
ตู้เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก
เกาเส็งก็รีบพูดซ้ำเติม: “ยังไงหลี่ฝางก็ไม่ขาดเงินอยู่แล้ว เรา เปิดใหม่อีกห้องก็ได้นิ? ”
“เหลือแค่ห้องอิมพีเรียลห้องเดียวแล้ว แต่ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำต้อง แปดพันแปดถึงจะได้” พนักงานพูดด้วยสีหน้าที่เกร็งๆ
“แปดพันแปดแล้วไง นายคิดว่าหลี่ฝางจะไม่มีเงินจ่ายหรือไง? ” จางเสี่ยวเฟิงมองหน้าหลี่ฝางและยิ้มๆ แบบล้อเล่น
หลี่ฝางไม่ได้โง่ เขาต้องมองความคิดของพวกจางเสี่ยวเฟิงออก คนพวกนี้คิดอยากจะปอกลอกเขาหนักๆ สักมื้อ แล้วก็ใช้เงินของให้หมดเลยทีเดียว
แต่พวกเขาไม่รู้ คุณปู่ของหลี่ฝางเป็นถึงมหาเศรษฐีเมืองดูไบ ไม่ สนใจค่าอาหารแค่มื้อเดียวหรอก
ดังนั้น หลี่ฝางมองดูพนักงานอย่างนิ่งๆ และยิ้มๆ : “เปิดห้อง อิมพีเรียลห้องหนึ่งละกัน
นาทีนั้น เพื่อนๆ ในห้องต่างตกตะลึงกันใหญ่ แย่งกันจะไปห้อง อิมพีเรียล รวมทั้งเซี่ยลู่และเพื่อนสนิทของเธอ ตอนแรกก็นั่งเข้า ที่ดีๆ แล้ว ตอนนี้รีบลุกขึ้นมาใหม่ เตรียมจะเปลี่ยนไปกินในห้อง อิมพีเรียล
” พวกเราก็ไปด้วย จางเขียนพูด
เชี่ยลู่และคนอื่นๆ ตามหลังตู้เฟย แต่ตอนที่ไปถึงหน้าประตูของ ห้องอิมพีเรียลแล้ว หลี่ฝางมองดูพวกเซี่ยล่ะ “พวกคุณไม่ได้อยู่ ห้องเดียวกับผม ?
“ใช่ พวกเธอเรียนห้องข้างๆ ทั้งหมดเลย” หลี่เสี่ยวเสี่ยวบอก
“หลี่ฝาง หมายความว่าไง รวยแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันแล้ว เหรอ? ” จางเซี่ยนรู้สึกโมโห
ตอนที่เรียนอยู่มัธยมต้น พวกเรายังเล่นด้วยกันอยู่ทุกวัน นาย ลืมไปหมดแล้วเหรอ? ” หลิวเฉียวเฉียวก็ขมวดด้วย
โดยเฉพาะเซี่ยล่ ถูกสายตาที่ดุร้ายของหลี่ฝางจ้องอยู่แบบนั้น
“พวกคุณสองคนเข้าไปได้ แต่เธอเข้าไปไม่ได้” หลี่ฝางชี้หน้ายลู่และส่ายหัว
“หลี่ฝาง เชี่ยลู่เป็นแฟนพี่เฟยของพวกเรานะ” จางเสี่ยวเฟิงจ้อง มองหลี่ฝางด้วยหน้าตาที่เยือกเย็น
แต่เธอไม่ใช่เพื่อนห้องเราหลี่ฝางบอก อีกอย่างผมก็ไม่ได้ เชิญชวนเธอ
หน้าร้อนขึ้นมานิดๆ รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย ตู้เฟยก็มีความ โมโหหน่อยๆ หลี่ฝางทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ไว้หน้าเขาเลย
เกาเส็งตะโกนด่า: “ไอ้หมาน้อย อย่าคิดว่าถูกรางวัลลอตเตอรี่ แล้วก็จะเท่มากนะ เทียบกับ เฟยของพวกเราแล้ว แม้แต่ไข่หมา ก็ไม่ใช่”
“เซี่ยลู่เป็นซ้อใหญ่ของพวกเรา ถ้ามึงยังกล้าพูดแบบนี้อีกระวังกูเอามึงตาย” จางเสี่ยวเฟิงพูดจาข่มขู่
ในเมื่อผมเป็นคนเลี้ยงข้าว งั้นผมอยากจะเลี้ยงคนไหนก็เลี้ยง คนนั้น ถ้าพวกนายยังเป็นแบบนี้ ผมจะไล่ออกไปให้หมด” หลี่ฝาง ตอนนี้รวยแล้ว ไม่กลัวจางเสี่ยวเฟิงอีกต่อไป
“แม่งเอ้ย กูดูแล้วมึงอยากจะตายใช่ไหม” จางเสี่ยวเฟิงกำหมัด ยกขึ้นมาเตรียมจะต่อย
เกาเส็งก็รีบเดินหน้าเข้ามายืนข้างๆ จางเสี่ยวเฟิง สองคนเตรียม จะรุมหลี่ฝาง
แต่ทันใดนั้น หลินชิงชิงเดินผ่านมาพอดี เธอเดินเข้ามากอดคอ หลี่ฝางไว้: “น้องเสี่ยวฝาง เราเจอกันอีกแล้ว”
กลิ่นเหล้าเต็มตัวหลินชิงชิง ดูก็รู้ว่าดื่มเหล้ามากไป เธอกอดตัว หลี่ฝางไว้ ทั้งสองดูมีอะไรที่ลึกซึ้งมาก
ข้างหลังหลินชิงชิง มีผู้ติดตามหลายคน ทีนี้เกาเส็งกับจางเสี่ยว เฟิงสองคนตกใจอย่างมาก
“ไม่ไหวแล้ว พี่จะอ้วกแล้ว เดี๋ยวค่อยมาหานาย” หลินชิงๆ เงย หน้าขึ้นมามอง: “ว้าว ห้องอิมพีเรียล น้องเสี่ยวฝาง นายรวยจริงๆ เลยนะ!”
หลินชิงชิงพูดจบก็ผลักตัวหลี่ฝางออก รีบวิ่งไปทางห้องน้ำ
ตู้เฟยเห็นทั้งหมดนี้แล้ว ดึงตัวจางเสี่ยวเฟิงและเกาเส็งกลับมา และพูดกับหลี่ฝางว่า: “เอาอย่างนี้ดีไหม นายให้แฟนผมเข้าไป ค่า ใช้จ่ายของห้องอิมพีเรียล เราสองคนหารกันคนละครึ่ง? “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ