คนที่ฉันนอน...เป็นคุณอาสาม

บทที่ 5 ทําไมต้องช่วยเธอ



บทที่ 5 ทําไมต้องช่วยเธอ

คุณแม่ที่อยู่ข้างๆสะกิดเธอเบาๆ เธอก็รีบนั่งลงไปไม่กล้าพูดอะไร

ลู่ซ่นสิงเป็นลูกชายคนเล็กที่สุดของคุณปู่ เป็นรุ่นอาหลานกับ หันเฉิน แต่อายุห่างกันเพียงแค่ปี

ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมานี้จะไปบริหารงานอยู่ที่สาขาย่อยใน แคนาดา แต่ว่าทุกคนในบ้านก็จะมีความเกรงกลัวต่อเขา รวม ถึงคุณปู่ก็ต้องยอมเขา

สายตาที่เย็นชาของลู่ชื่นสิงกวาดมองไปหาทุกๆคนที่นั่งอยู่บน โต๊ะ น้ำเสียงที่เยือกเย็น ไม่ใช่จัดงานต้อนรับให้ผมหรอกหรอ กินแค่ข้าวยังจะทำให้วุ่นวายขนาดนี้ ไม่พอใจอะไรผมงั้นหรอ

หม?”

เจียงซิงปืนปาก ได้แต่โกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไร

แม่ของเจียงซิง พูดไปหัวเราะไป: “ซิงฉียังเป็นเด็ก ยังไร้เดียง สา…แฮะแฮะ ชื่นสิงอย่าไปถือสาแกเลยนะ”

ล่นสิงหัวเราะเหอะหนึ่งที มือที่เรียวยาวกวางตะเกียบลง “อะไร เพราะว่าเด็กแล้วจะพูดจาอะไรก็ได้งั้นหรอ?”

สีหน้าของแม่เจียงซิงฉีถึงกับชา คู่ชื่นสิ่งที่ทำหน้านิ่งแล้วพูด ต่อ: “ผมจำได้ว่าตอนที่เพิ่งกั๋วอันแต่งงานนั้นก็ไม่รู้ว่าแม่ของเพิ่ง หวั่นซิงนั้นตั้งท้องอยู่ อีกอยากเมียเก่าของเขาก็ตายไปแล้ว เขา ถึงค่อยได้ไปคบหาดูใจกับแม่ของเพิ่งหวั่นซิง แล้วแต่งงานเข้ามา อยู่ด้วยกัน ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วแม่ของเพิ่งหวั่นชิงแต่งเข้ามาใน บ้านตระกูลเชิงมันก็เป็นความชอบธรรมไม่ใช่หรอ หม?”

“ใช่ ใช่ ใช่แกไม่รู้เรื่องอะไร สีหน้าของแม่เลี้ยงซึ่งยิ่งแย่ เข้าไปใหญ่ ได้แต่ฝืนยิ้ม

“แต่ว่าคุณน่าจะรู้นะครับ?” ชื่นสิ่งมองไปที่แม่ของเจียงซึ่ง แววตาเยือกเย็นอย่างกับน้ำแข็ง: “ตอนที่คุณตั้งท้องแล้วมา ร้องขอให้อาของหันเฉินแต่งงานกับคุณ ความแตกต่างระหว่าง มือที่สามกับภรรยา ผมว่าคุณน้าเองน่าจะรู้ดีที่สุดนะครับ

ในที่สุดคุณก็เอ่ยปากพูดขึ้น: “ตื่นสิง…”

“ผมอิ่มละครับ” ลู่ซ่นสังวางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ กวาด สายตามองไปหาทุกคน แล้วหยุดสายไว้ที่สองแม่ลูกคู่นั้น “ครั้งนี้ ก็ช่างมันเถอะ แต่ผมหวังว่าจะไม่เห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เวลากินก็อย่าพูด เวลานอนก็ให้หลับ แค่ตรรกะอย่างนี้ก็ไม่เข้า ใจหล่ะก็…เห็นที่ผมจะต้องของสั่งสอนเธอเป็นการส่วนตัว!

เขาผลักเก้าอี้ถอยไปด้านหลัง แล้วเดินตรงขึ้นไปชั้นสอง สองแม่ลูกคู่นี้ถึงกับอารมณ์เสียแต่ไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง….

เพิ่งหวั่นซิงสองตาลืมโตและกำลังอึ้งอยู่กับภาพเหตุการณ์นี้ เธอนึกไม่ออกจริงๆว่าชื่นสิ่งจะมีสาเหตุอะไรที่มาสั่งสอนสองแม่ ลูกคู่นี้

แต่พอเธอคิตในอีกมุมหนึ่ง เขาช่วยเธอให้ได้ระบายความ โกรธ ออกไป บุญคุณครั้งนี้เธอจะจำไว้เป็นอย่างดี

เมื่อเหตุการณ์นี้ผ่านไป บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร เคร่งเครียดไปมากกว่าเดิม เจียงซิงจีโมโหจนอกแทบจะระเบิด แต่เพราะขึ้นลงได้เอ่ยปากพูด ทำให้ทุกคนไม่กล้าพูดถึงเพิ่ง หวั่นชิงอีก

หันเฉันรู้สึกประหลาดใจ ถามเสียงเบาๆว่า “หวั่นชิง คุณรู้สึก ว่าวันนี้อาชายสามแปลกไปไหม?”

“หา? ทำไมถึงถามอย่างนี้หล่ะคะ?” เพิ่งหวั่นชิงตะลึงอยู่

“ปกติอาชายสามของผมจะนิ่งเฉย เย็นชา ไม่เคยพูดช่วยใคร มาก่อน และก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่เขากลับพูดช่วย คุณ… แม้แต่หันเฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไม

“อ่อ…อย่างงั้นหรอ?” เพิ่งหวั่นชิงสังเกตเห็นสีหน้าทุกคนบน โต๊ะอาหารดูเปลี่ยนไป ไม่กล้ายื่นตะเกียบออกมาบอาหาร ขนาดขบเคี้ยวข้าวก็ไม่กล้าออกเสียง

ในใจรู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าพวกเขาจะคิดมากไปหรอ

เปล่า?

ลู่ชื่นสิงก็อาจจะแค่เห็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมก็เลยช่วยเธอ?

หลังมื้ออาหารค่ำ หันเฉินที่เมาแอ่อยู่ก็ถูกเพิ่งหวั่นซิงกับแม่ บ้านช่วยกันพยุงขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสอง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ