ใช่ครับ...หนูเป็นลูกของประธานลี่

บทที่ 4 หยุนเอ๋อกลับบ้านกันได้แล้ว



บทที่ 4 หยุนเอ๋อกลับบ้านกันได้แล้ว

บทที่ 4 หยุนเอ๋อกลับบ้านกันได้แล้ว

ลี่จนถึงมองเขาด้วยความตะลึง

เหมือนคิดไม่ถึงว่า จะได้มาพบกับถวนจื่ออีกครั้งเร็วเช่นนี้ และ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือคิดไม่ถึงว่า เขาจะกอดขาของตัวเองแล้วเรียก ว่าพ่อ!

คนขับรถที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำเรียกเช่นนี้ก็ตกใจไม่น้อย

คุณชายน้อยของพวกเขาเป็นที่รู้กันดีว่าไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับผู้

หญิง แล้วจะเอาเวลาตอนไหนไปมีลูกชายที่โตขนาดนี้?

ด้วยความไม่แน่ใจ ลี่จุนถึงจึงขมวดคิ้ว แล้วหันไปพูดเบาๆว่า “ตัว แสบ เธอ……เรียกคนผิดแล้วใช่ไหม? ฉันไม่ใช่พ่อของเธอ”

“ไม่ คุณนั่นแหละคือพ่อของผม

มือของถวนจื่อทั้งสองข้างยิ่งรัดแน่นขึ้น เหมือนกับว่าจะกลัวเขา วิ่งหนีไป
หน้าผากของลี่จุนถึงเริ่มย่นขึ้น “เลิกเล่นได้แล้ว ฉันไม่ใช่พ่อ ของเธอ รีบปล่อยมือเร็วเข้า แล้วก็รีบไปหาพ่อของเธอซะ”

ลี่จุนถึงเข้าใจว่าถวนจื่อออกมาพร้อมกับเขา จึงไม่ได้รู้สึกโมโห แต่กลับเอามือของถวนจื่อออกด้วยท่าทางใจดี

ถวนจื่อเห็นดังนั้น จึงรีบปีนขึ้นไปบนคอของเขา แล้วเข้าไปใกล้ๆ แล้วใช้เสียงที่เบาที่สุดที่จะสามารถได้ยินกันเพียงแค่สองคน พูด ว่า: “คุณลุง ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่พ่อของผม แต่คุณจะแกล้งแสดง เป็นพ่อของผมสักประเดี๋ยวได้ไหม? ตอนนี้หม่ามี้ของผมกำลัง ถูกคนไม่ดีรังแกอยู่ พวกเขาด่าว่าผมว่าเป็นคนเถื่อนไม่มีพ่อ ดัง …..กวนคุณช่วยผมสักหน่อยได้ไหม?”

ลี่จนถึงหยุดการกระทำทุกอย่างลง แล้วมองไปที่ถวนจื่ออย่าง ประหลาดใจ

เมื่อเห็นว่าถวนจื่อกําลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่น่าสงสาร

ลี่จนถึงตั้งใจที่จะปฏิเสธ

เพราะตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อมองเห็นสายตาที่ดูอ้อนวอนของถวน จื่อ เขาก็ปฏิเสธไม่ลง

เขาจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า: “หม่ามี้ของเธออยู่

ไหน?”

“อยู่นั่น”

ถวนจื่อพูดพร้อมกับชี้ไปทางด้านหลังที่อยู่ไม่ไกล

ลี่จนถึงมองตามไปทางด้านนั้น แล้วจึงสบตาเข้ากับเจียงหยุนเอ๋

เขามองเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่มีแววตาที่ทรงเสน่ห์ มีส่วน ประกอบหลักบนใบหน้าที่จิ้มลิ้มน่ารัก ดูแล้วเป็นคนสวยไม่น้อย เลย ผิวขาวที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์สะท้อนความกระจ่างใสออก มา มีผมพลิ้วสลวยเหมือนสาหร่ายทะเล มีรูปร่างที่ผอมบางและ สูงโปร่ง ใส่เสื้อยืดที่เป็นเสื้อคู่กับถวนจื่อ ใส่คู่กันกับกางเกงยีน แบบเอี๊ยม ดูแล้วสดใสมาก

ขณะที่เขากำลังแอบมองดูเธออยู่ เธอก็แอบพิจารณาเขาอยู่เช่น

กัน

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

หน้าตาของเขาดูเหมือนกับงานศิลปะที่พระเจ้าตั้งใจที่จะสรรค์ สร้างขึ้นมาอย่างประณีต ส่วนประกอบหลักทั้งหน้าบนใบหน้าของ เขาดูชัดเจน จมูกโด่งเป็นสัน มีริมฝีปากที่บาง มีคิ้วที่ดูมีพลังและ แฝงไปด้วยความเยือกเย็น มีลูกตาที่ด่านลับ สวมใส่ชุดสูทที่ถูก ตัดมาอย่างพอดีตัว ทําให้รูปร่างของเขาดูผอมเพรียว กระดุมของ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาสวมใส่ติดเรียงกันเป็นระเบียบขึ้นไปจนถึงคอ เสื้อ ทําให้ดูสง่างามอย่างมาก

เจียงหยุนเอ๋อไม่เคยเจอผู้ชายที่ดูดีขนาดนี้มาก่อน

โดยเฉพาะท่าทางที่ดูสูงส่งของเขา ราวกับพระราชาที่อยู่ชั้นสูง ทําให้คนรู้สึกเกรงกลัว

เธอรู้สึกเหมือนจิตใจล่องลอยไปชั่วครู่ จึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ตอนนี้เองที่สี่จุนถึงผละสายตาออกมา แล้วก้มลงถามถวนจื่อที่ อยู่ในอ้อมกอดตัวเองว่า “นั่นคือแม่ของเธอเหรอ?”

ถวนจื่อพยักหน้า “ใช่แล้ว เธอชื่อว่าเจียงหยุนเอ๋อสวยมากใช่

ไหมล่ะครับ?”
ลี่จุนถึงหัวเราะ และไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำแค่เพียงอุ้มถวนจื่อขึ้น มาเบาๆ หลังจากนั้นก็เดินอย่างช้าๆไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงหยุน เอ๋อแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสนิทสนมว่า: “หยุนเอ๋อ กลับบ้าน กันได้แล้ว

เมื่อได้ยินคำว่า ‘หยุนเอ๋อ’สองพยางค์นี้ สติของเจียงหยุนเอ๋อจึง ถูกดึงกลับมา

เสียงของเขา ช่างน่าฟังเหลือเกิน

เป็นเสียงที่ทุ้มและมีน้ำหนัก ช่างน่าดึงดูด หางเสียงก็มีเสน่ห์ บางอย่างที่ฟังดูแปลกและดูลึกลับ

ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดง

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้จึงยอมรับปากถวนจื่อ เพื่อจะ ช่วยพวกเขา แต่เวลาเช่นนี้หากไม่ยอมร่วมมือด้วยล่ะก็ เธอก็คงจะ โง่เต็มทน

เจียงหยุนเอ๋อหัวเราะ และรีบเข้าไปคล้องแขนของเขาอย่าง สนิทสนม แล้วพูดว่า: “ที่รักคะ ในที่สุดคุณก็ออกมาเสียที ถ้าหาก คุณยังไม่ออกมาอีกล่ะก็ ฉันกับถวนจื่อคงจะต้องถูกแมลงวันสอง ตัวนี้มารบกวนให้รำคาญใจตายแน่นอน”
เมื่อเจียงหนิงเอ๋อและกู้ลั่วจิ๋นได้ยินเช่นนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสีทันที

“เจียงหยุนเอ๋อเธอว่าใครเป็นแมลงวัน

เจียงหนิงเอ๋อถามอย่างหัวร้อน ในใจรู้สึกโกรธจนไม่มีอะไรจะ เปรียบ

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ช่างดูยอดเยี่ยมไร้ที่ติ แม้แต่กู้ลั่วจิ่นที่ยืนอยู่ ข้างๆก็ไม่อาจเทียบได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยืนคู่กันเช่นนี้ กู้ลั่วจิ๋นก็ถูกบดบังรัศมีจน หมดสิ้น

ตอนนี้ในใจของเธอยากที่จะยอมรับได้

ผู้ชายคนนี้…….เป็นพ่อของเด็กเถื่อนนี้ได้อย่างไรกัน?

เจียงหนิงเอ๋อพูดออกมาอย่างที่ใจนึก แล้วมองไปที่เจียงหยุน เอ๋อและพูดอย่างเย้อหยันว่า “เจียงหยุนเอ๋อถ้าเธอคิดจะโกหกก็ ทำให้มันเนียนหน่อยนะ? คิดว่าไปลากผู้ชายที่ไหนก็ได้มาสักคน แล้วมาแอบอ้างว่าเป็นพ่อของคนเถื่อนนี่ได้อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อได้ยินคำว่าคนเถื่อนจากปากของเธออีกครั้ง ก็ ไม่คิดที่จะทนอีกต่อไป จึงตบเข้าไปฉาดใหญ่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียง เย็นชาว่า: “ว่าใครเป็นคนเถื่อน? เจียงหนิงเอ๋อ แม่ของเธอก็เป็น แค่เมียน้อย เธอต่างหากที่เป็นคนเถื่อนอย่างแท้จริง เธอมีสิทธิ์ อะไรมาว่าถวนจื่อของฉัน?”

“เจียงหยุนเอ๋อเธอ…….เธอกล้าดบฉันอย่างนั้นเหรอ!”

เจียงหนิงเอ๋อรู้สึกโกรธจนแทบบ้า

ตั้งแต่เล็กจนโต เธอถูกพ่อแม่เลี้ยงดูอย่างประคบประหงมมาโดย ตลอด มาตอนนี้กลับถูกผู้หญิงเลวคนหนึ่งตบเอา

เจียงหนิงเอ๋อตั้งใจเงื้อมือที่จะตบกลับ

ใครจะไปคิดว่า ตอนนั้นเองที่สี่จนถึงยื่นมือออกมาบังทันที แล้ว คว้าเอวของเจียงหยุนเอ๋อให้ไปยืนแอบอยู่ด้านหลัง

กลายเป็นว่าเจียงหนิงเอ๋อตบลมไปหนึ่งฉาด

เจียงหยุนเอ๋ออุทานออกมาด้วยความตกใจ

เธอสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนอยู่บริเวณเอวของเธออย่าง ชัดเจน มือที่ใหญ่และหนาของผู้ชาย ทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยรู้ล็กมาก่อน

หัวใจเธอเต้นเร็วขึ้น เริ่มโกรธจนควันออกหู จึงคิดที่จะต่อสู้

แต่ผู้ชายกลับยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ใช้เพียงแค่ลูกตาที่ดูเย็นชา ของเขา จ้องมองไปที่เจียงหนิงเอ๋อ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆว่า “ครั้งหน้าลองกล้าลงมือกับเธอดูอีกสิ? มือของคุณก็คงไม่ต้อง เอาแล้ว”

เจียงหนิงเอ๋อรู้สึกทั้งตัวเย็นเยือกเหมือนน้าแข็ง ตกใจจนไม่กล้า ขยับเขยื้อน

จนถึงขี้เกียจจะพูดอะไร จึงผละสายตา แล้วหันไปพูดกับเจียง หยุนเอ๋อว่า: “ไปเถอะ ขึ้นรถกัน”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า แอบถอนหายใจอยู่ในใจ รู้สึกว่าคนคนนี้ น่ากลัวเหลือเกิน

เมื่อสักครู่นี้ แม้แต่เธอเองก็ยังรู้สึกเย็นวาบที่หลังเช่นกัน

แต่ว่า เมื่อได้เห็นเจียงหนิงเอ๋อถูกบีบให้ต้องยอมรับความพ่าย แพ้ ในใจของเธอก็รู้สึกสบายกว่าอะไรทั้งหมด

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเตรียมที่จะพาถวนจื่อไป ในตอนนั้นเอง กู้ลั่วจิ่นก็เข้ามาขวางทั้งสองคนไว้ “เจียงหยุนเอ๋อเธอไปกับ เขาไม่ได้ ต้องกลับไปกับฉัน คุณลุงกำลังรอเธออยู่ที่บ้าน

เจียงหยุนเอ๋อมองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ แล้วแสยะยิ้มพร้อม กับพูดเยาะเย้ยว่า “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? เขากำลังรอฉันอยู่ ฉันก็จำเป็นต้องกลับอย่างนั้นหรือ? หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน

พูดถึงตอนนี้ เธอก็ไม่เกรงใจที่จะผลัก กู้ลั่วจีนออกไปให้พ้นทาง หลังจากนั้นก็ไม่หันกลับมามอง และขึ้นรถไปกับจนถึง

กู้ลั่วจิ่นยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองดูเงาของเจียงหยุนเอ๋อและผู้ชาย คนนั้นเดินจากไป ด้วยสีหน้าแววตาที่ดูมืดมน

ในขณะนี้ บนรถเบนท์ลี่สีดำ

เจียงหยุนเอ๋อและถี่จนถึง นั่งพิงหลังอยู่บนรถ ตรงกลางมีถวน จื่อนั่งคั่นอยู่

ถึงแม้ตอนนี้ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆจะไม่ได้โอบเอวเธอแล้ว แต่ เจียงหยุนเอ๋อก็ยังคงรู้สึกว่าที่เอว ยังมีความร้อนเหลืออยู่
ในตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกันดี

กลับเป็นถวนจื่อที่พูดกับจนถึงอย่างยินดีปรีดาว่า: “คุณลุง เมื่อ ก็แสดงได้เก่งจริงๆเลย ขอบคุณมากๆครับ

ลี่จุนถึงเห็นเด็กคนนี้ มีการแสดงออกเต็มไปด้วยความฉลาด เฉลียว จึงพูดเบาๆว่า “ไม่ต้องเกรงใจ”

พูดจบ ก็แอบมองเจียงหยุนเอ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ

แล้วจึงสบเข้ากับสายตาที่มีเสน่ห์คู่นั้นของเธอเข้าพอดี ข้างใน แววตาคู่นั้นดูเหมือนจะมีความสงสัยและความหวาดระแวงซ่อน อยู่ “ขอถามหน่อยค่ะ………ไม่ทราบว่าคุณไปรู้จักกับถวนจื่อของฉัน ได้อย่างไร?”

เมื่อลี่จุนถึงได้ยินดังนั้นก็กำลังจะเอ่ยปากตอบ แต่ถวนจื่อพูดขึ้น มาเสียก่อนว่า: “หยุนเอ๋อ เขาคือคนลุงที่คุยกับผมในร้านกาแฟ เมื่อกี้นี้ยังไงล่ะ เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าเขาเป็นคนดี

เจียงหยุนเอ๋อเพิ่งจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด

เป็นอย่างนี้นี่เอง
ดูแล้วคนคนนี้คงมีฐานะที่ไม่ธรรมดา ดูไปแล้วก็ไม่น่าจะเป็นพวก ที่คิดร้ายอะไร คงจะเป็นเธอเองที่เข้าใจผิดไป

เจียงหยุนเอ๋อรีบกล่าวขอบคุณ ขอบคุณความช่วยเหลือของคุณ เมื่อสักครู่นี้มากค่ะ”

“เรื่องเล็กน้อยครับ” ลี่จนถึงตอบเบาๆ

ตอนนี้ รถก็วิ่งอยู่บนถนนแล้ว นอกหน้าต่างมีทิวทัศน์ที่ผ่านไป

มากมาย

ลี่จุนถึงถามเจียงหยุนเอ๋อว่า “เดี๋ยวจะให้ไปส่งพวกคุณลงที่ไหน ดีครับ?”

เจียงหยุนเอ๋อรีบตอบกลับไปว่า “เอ่อ ถ้าเป็นไปได้ ส่งพวกเราลง ข้าหน้าก็ได้ค่ะ”

“พวกคุณคงกำลังจะเข้าไปในเมืองเหมือนกันใช่ไหม? ถ้าคุณไม่ คิดมาก จะติดรถไปด้วยกันก็ได้นะครับ

วันนี้พี่จนถึงพูดในสิ่งที่ปกติไม่ค่อยได้พูด ทำให้คนขับรถที่นั่ง อยู่ด้านหน้าก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

แต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยจะให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ใน
ระยะเกินหนึ่งเมตรมาก่อน!

แต่วันนี้กลับเป็นคนเสนอ

ไม่มีใครตอบข้อสงสัยของเขา ได้ยินเพียงเสียงของเจียงหยุนเอ๋ อตอบอย่างลังเลว่า: “เช่นนั้น…….จะเป็นการรบกวนคุณไหมคะ?”

ถวนจื่อรีบพูดแทรกขึ้นมา “ไม่รบกวนหรอกครับ คุณลุงเป็นคนดี นี่นาใช่ไหม!”

ลี่จุนถึงก็คล้อยตาม “ไม่รบกวนแน่นอนครับ”

เจียงหยุนเอ๋อพูดด้วยความอึดอัดเล็กน้อย: “ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณ

ค่ะ”

หลังจากนั้น ตลอดทั้งเส้นทาง ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรเลย มี เพียงแต่ถวนจื่อที่คอยถามปูนนี้จนถึงไม่หยุด

เจียงหยุนเอ๋อไม่ทันได้สนใจฟัง เพราะมัวแต่กังวลเรื่องของแม่ จึงใจลอยไปชั่วขณะ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดรถก็หยุดวิ่ง น้ำเสียงชวน ฟังของลี่จุนถิงดังขึ้น “ถึงแล้วครับ คุณหนูเจียง”
เลี้ยงหยุนเอ๋อได้สติ จึงรีบพูดว่า “ออค่ะ”

แล้วจึงเปิดประตู เตรียมตัวลงจากรถ

แต่ก่อนจะลงจากรถ ทันใดนั้นก็มีแผ่นหยกแผ่นหนึ่งหล่นลงมา จากตัวของเจียงหยุนเอ๋อ

หยกแผ่นนั้น เป็นหยกที่ใสสว่างและเกลี้ยงเกลา แค่ดูก็รู้ว่าเป็น หยกชั้นดี

เป็นตอนเมื่อห้าปีที่แล้ว ในคืนที่บ้าบอคอแตกคืนนั้น เธอเก็บ ของชิ้นนี้ได้จากโรงแรมนั้น

เจียงหยุนเอ๋อตาไว จึงรีบเก็บขึ้นมา

จนถึงเหลือบมองไปเห็นเพียงแวบเดียว ยังไม่ทันได้มองดู อย่างละเอียด ก็ถูกเจียงหยุนเอ๋อเก็บกลับไปไว้ในอ้อมอก

สองแม่ลูกลงจากรถ แล้วหันไปกล่าวขอบคุณกับ จนถึง

สี่จุนถึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก ปิดประตู แล้วส่งสัญญาณให้ คนขับออกรถ

ไม่นาน รถก็วิ่งห่างออกไปไกล


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ