ตอนที่ 3 จิตวิญญาณที่มาจากหัวเซีย
ตึง!
ศีรษะของมู่หรูเยวชนเข้ากับต้นไม้เข้าอย่างแรง เลือดของ นางไหลนองลงพื้น รอยเลือดสีแดงสดไหลลงมาตามหน้าผาก ของนางเป็นทางยาว ริมฝีปากเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย นาง ไม่อยากอยู่ที่นี่เพื่อรับฟังวาจาอันร้ายกาจที่คอยทิ่มแทงใจของ ตนพวกนี้อีกต่อไปแล้ว…
นางค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ หยาดน้ำตาหยดใส ราวกับหยกมณีอันล้ำค่าเกาะอยู่ปลายหางตาของนาง
“พวกเราไปกันกันเถอะ”
ชายวัยกลางคนที่ใบหน้าไม่มีแม้แต่ความเห็นใจ ทำเพียง ปรายสายตาไปยังหญิงสาวที่ร่างกายอาบไปด้วยเลือด และ แสดงท่าที่เย็นชาออกมาราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่คน แปลกหน้าเท่านั้นเอง
เย่เทียนเพิ่งอึ้งเพียงเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้เป็นบิดาแสดงท่าที เช่นนั้น เขาไม่มีแม้แต่ความเห็นใจให้นาง ก็ใครใช้ให้มหรูเยว่ ต้องเป็นคนไร้ค่าเช่นนี้กันล่ะ เทียบกับถึงเอ๋อร์แล้ว นางผู้นั้น แทบจะไม่มีคุณสมบัติอะไรที่เพียบพร้อมเลย…
ในเวลานั้นเอง หญิงสาวที่เดิมที่ไม่มีแม้เสียงที่เปล่งออก มากลับลืมตาขึ้นมา และลุกขึ้นมาจากพื้นในทันที ณ เวลานั้น สายตาอันคมกริบของนางได้จ้องมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังจะ จากไป
นางจำได้ว่าตัวเองหลบซ่อนอยู่ที่บ้านโบราณในเขาฉาง ไป เพื่อที่จะปกป้องรักษาตำราโอสถ โบราณจึงต้องต่อสู้กับศัตรู จนเอาชีวิตไม่รอด แต่หลังจากนั้น… หลังจากนั้นเหมือนกับ โดน ลมพัดหายไป
ที่นี่มันที่ไหนกัน?
ทันใดนั้นเอง ความทรงจำที่เหมือนไม่ใช่ของนางกลับพรั่ง พรูเข้าสู่สมองอย่างมากมาย เจ็บปวดราวกับสมองกำลังถูกฉีก ออกจากกัน นางค่อยๆ ลูบศีรษะของตนเองอย่างแผ่วเบา
ดินแดนเงินอู่?
นางอยู่ที่หัวเซีย” ไม่ใช่หรือ? ดินแดนเงินอู่คือที่แห่งใด
กัน?
จากความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามาในสมอง ทำให้นางพอ จะทราบได้ว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ให้ความสำคัญกับจอมยุทธ์ เหมือนกับดินแดนหัวเซียที่นางจากมา เป็นที่ที่ให้การยอมรับ เกี่ยวกับวิชาโอสถที่เป็นประเภทที่มีฤทธิ์ช่วยด้านการเสริม สร้าง และใช้จุดตันเถียนเพื่อสะสมพลังปราณ รวมทั้งยังมีการ แบ่งลำดับชั้นเหมือนกันกับที่หัวเซียอีกด้วย
นางได้เข้ามาอยู่ในร่างหญิงสาวที่มีชื่อเช่นเดียวกันกับนาง แต่ความสามารถกลับถือว่าอยู่ในขั้นไร้ค่า หรือเป็นเพราะ ว่าก่อนหน้านี้นางไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูที่โจมตีนาง จึงทำให้ นางตายเสียแล้ว
เมื่อตอนอยู่ที่หัวเสีย หรูเยวเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์คนหนึ่ง ถ้าเทียบกับผู้ฝึกวิทยายุทธ์โบราณแล้ว โลกในสมัยนั้นไม่ว่าจะ เป็นเรื่องอันใดก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นในเวลาเช่นนี้นาง จึงต้องยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้
วิญญาณของนางได้ข้ามภพมาแล้ว!
แถมยังได้อยู่ในร่างของคนไร้ค่าเสียด้วย
“ท่านพี่… ท่านยังมีชีวิตอยู่?” หญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงาม ทำให้คนที่พบเห็นต่างก็หลงใหลกล่าวขึ้น
“ดีจริง ข้านึกว่าท่าน…
สายตาเย็นซากวาดมองไปที่หญิงสาวที่มีใบหน้าที่ยินดี อย่างเปี่ยมล้น ริมฝีปากของมู่หรูเยวขยับเพียงเล็กน้อย ก่อนที่ จะพูดขึ้นว่า “เจ้ามีอะไรอีกไหม? ถ้าไม่มีก็หลบไปให้พ้น
“ข้า…” ถึงเอ๋อร์เม้มริมฝีปากเล็กน้อยพลางบีบน้ำตาให้ ไหลออกมา “ข้าเพียงแต่เป็นห่วงท่านพี่ ถ้าหากว่าข้าทำสิ่งใด ผิดไป ขอท่านที่ได้โปรดอย่าถือสาขา
ท่าทางของนางน่าสงสารยิ่งนัก เหมือนดอกไม้สีขาวอัน บริสุทธิ์ที่ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างหลงรัก
ใบหน้าของชายวัยกลางคนกลับโกรธขึงขึ้นมาทันที “มหรูเยว่ นี่คือสิ่งที่เจ้าทำกับน้องสาวของเจ้าหรือ? เสียแรงเปล่าที่ถึง เอ๋อร์อุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยเจ้า แต่เจ้ากลับมองไม่เห็นแม้แต่ ความปรารถนาดีจากนาง!”
“น้องสาว?” หรูเยวเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา “ข้าไม่ เห็นจะจำได้ว่าท่านแม่เคยให้กำเนิดน้องสาวเช่นเจ้ามาก่อน!”
สีหน้าของมถึงเอ๋อร์เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย นางเป็นเพียง
บุตรสาวบุญธรรม ไม่ใช่บุตรสาวสายตรงของตระกูล นี่เป็น เรื่องที่นางเสียใจอย่างมากที่สุด ถ้าหากนั้นท่านพ่อของนาง ไม่ล้มป่วยจนหมดหนทางรักษา และเพื่อที่จะหาแหล่งพักพิง ใหม่ให้นาง ทำให้ต้องวางแผนช่วยชีวิตหัวหน้าตระกูลมู่ เด็กไร้ ที่พักพิงเช่นนางคงไม่ได้ถูกอุปการะเลี้ยงดูเช่นนี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางจึงปฏิญาณกับตนเองในใจว่า หากอยากจะอยู่เหนือผู้อื่น ต้องทำให้คนในตระกูลมู่ยกนางเป็น คุณหนูตระกูลมู่ให้ได้เสียก่อน
แต่หญิงไร้ค่าอย่างหรูเยว่ กลับทำให้นางต้องเจ็บปวด เช่นนี้ทุกครั้งไป!
นอกเสียจากว่านางไม่ใช่สายเลือดตระกูล นางมีอะไรที่ เทียบเทียมไม่ได้หรือ
*หัวเซีย (1) คือชื่อเรียกประเทศจีนในสมัยโบราณ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ