เธอหาให้ชีวิตฉันมีความหมาย

บทที่ 6 ลึกซึ้ง



บทที่ 6 ลึกซึ้ง

“งั้น ขอบคุณครับ

ด้หยุนฮุย ไม่อยากให้เธอเดินกลับคนเดียว จึงจอดรถ ไว้ที่นั่น แล้วเดินไปพร้อมกับเธอ

“ผมเป็นคนเข็น คุณถือร่มนะครับ” เขาพูด พร้อมยื่น มือกับจับรถข้างหนึ่ง แล้วมืออีกข้างก็ยื่นร่มให้เธอ

เธอมองเขาอย่างซาบซึ้ง รับร่มมาจากมือเขาแล้วเดิน ตามเขาไป

ที่พักของเขาไม่ไกลจริงๆ เพื่อสะดวกในการไปทำงาน ที่ใหม่ เขาจึงเช่าบ้านหลังนี้ไว้ชั่วคราว

เมื่อเข็นรถเข้าไปถึงในตึก เขาเปิดประตูชั้นหนึ่ง เขา

พูดอ้อนวอนจนคนอื่นยอมให้เขาชาร์จแบตตรงนั้น

“คุณเข้าบ้านก่อนไหมคะ ฉันจะไปเดินเล่นแถวนี้ พอดี จะไปซื้อของหน่อยค่ะ”

เธอคิดไตร่ตรองอยู่นาน ยังไงก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ที่จะไปบ้านเขา เผื่อเขามีครอบครัว คงไม่สะดวกเป็นแน่ ถ้าเขาอยู่คนเดียว ดึกดื่นแบบนี้ชายหญิงอยู่กันสองต่อ สองก็อึดอัดแย่

“เปียกไปหมดทั้งตัวแบบนี้จะไปเดินเล่นที่ไหน? ขึ้นไป เถอะ ผมต้มบะหมี่ให้ทาน” เขาพูดพร้อมดึงแขนเธอเดินขึ้นไป

คิดไม่ถึงว่า คำพูดของเขาจะมีอำนาจ และมีเสน่ห์ ดึงดูดเธอได้ขนาดนี้

จนเธอลืมที่จะปฏิเสธ ยอมให้เขาดึงแขนพาขึ้นตึกไป

“คือ….ในห้องค่อนข้างรก” เมื่อเข้าบ้านแล้ว ดู๋หยุนฮุย เพิ่งคิดได้ บ้านตนเองนั้นรกมาก จนรู้สึกเกรงใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ วัยรุ่นอยู่ กำลังยุ่งกับการทำงาน มักจะ ไม่มีเวลามาทำอะไรหยิบย่อยแบบนี้”

“วัยรุ่นที่ไหน? อย่าทำหน้าอย่างกับตัวเองเป็นป้า คุณ ยังดูไม่แก่เลย” เขาโต้เธออย่างไม่เห็นด้วย

“คำพูดของเขาทำให้ในใจเธอรู้สึกสุขใจ ยื่นมือรับ

รองเท้าในมือเขามาสวมแทนรองเท้าส้นสูงของตน แล้ว

เดินตามเขาเข้าไปในบ้าน

เมื่อถอดรองเท้าส้นสูงแล้วถึงรู้ว่า จริงๆแล้วดู๋หยุนฮุย ตัวสูงมาก น่าจะประมาณร้อยแปดสิบ ยืนอยู่ตรงหน้า เขาแบบนี้ ตนเองที่สูงร้อยหกสิบดูตัวเล็กลงไปเลย

“ฮ่าฮ่า ยังจะมาทำตัวเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าผมอีก ยืนข้าง ผมแล้วอย่างกับเด็ก สูงถึงตรงนี้ผมเอง” เขายิ้มร่า ยืน เทียบหน้าอกตนเอง ดูเหมือนความจริงนี้ทำให้เขามี ความสุขมาก
เธอยิ้มเพียงอย่างสุภาพ ไม่ได้ตอบเขา ท่าทางเขา ช่างดูน่ารัก หากย้อนเวลากลับไปเป็นเมื่อสิบปีที่แล้ว บางทีเธออาจจะหลงรักผู้ชายแบบนี้

ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องรับแขกพร้อมกัน เขากวาด หนังสือนิตยสารกองโตบนโซฟาไปไว้ด้านข้าง

“เชิญนั่งครับ”

“เดี๋ยวครับ” ทันทีที่เธอกำลังจะนั่งลง เขากลับเรียก ห้ามเธออย่างกะทันหัน

“ถอดก่อน” ด้วยความรีบร้อน เขาหลุดพูดคำนี้ออกมา จนทำให้ทั้งสองต่างก็เก้อเขินกัน

“ผม…..ผมหมายถึงคุณจะอึดอัดที่ตัวเปียกอยู่แบบนี้ ถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกก่อนจะดีกว่าครับ”

“อ๋อ ค่ะ” เธอเองก็ยิ้มแก้เขิน ใบหน้าแดงด้วยความ เขินอายจริงๆ แล้วก็ถอดเสื้อคลุมออกอย่างว่าง่าย

ดู๋หยุนฮุยรับเสื้อคลุมหนาๆมาจากมือเธอ ถือไปใช้แรง บิดน้ำให้มากในห้องน้ำ แล้วใส่ไม้แขวน แขวนตากไว้

เมื่อกลับมายังห้องรับแขก ก็เห็นเหอมั้นซินยังคงยืน อยู่ที่เดิมอย่างหาตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทํายังไงกับเสื้อผ้าตัว เองที่เปียกไปทั้งหมด

เขาเพิ่งได้มองเห็นเธออย่างใกล้ชิด เสื้อเชิ้ตสีขาวแนบชิดติดตัวเธอ

เห็นเขายืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น เหอมั้นซินเงยหน้ามองเขา

ตอนนี้ ผอมลอนของเธอก็เปียกหมด แนบติดใบหน้า ปลายผมยังมีน้ำไหลหยดลงพื้น ริมฝีปากที่ก่อนหน้านี้ ซีดม่วงเปลี่ยนกลายเป็นแดงระเรื่อย ขบขยิบ ทําไม ถึงเหมือนกำลังรอคอยให้ใครมาจูบ?

เขารู้สึกคอแห้งเผือกขึ้นมาทันที เลือดสูบฉีดขึ้นมา อาการแบบนี้ช่างไม่เหมาะสม เขาอดกลั้นไว้ ค่อยๆพูด ขึ้นด้วยเสียงแหบแห้งว่า

“คุณไปอาบน้ำก่อนดีกว่าครับ แบบนี้เดี๋ยวจะเป็น หวัด ผมจะไปหาเสื้อผ้าของผมมาให้คุณใส่ก่อน” เขา พยายามสงบสติอารมณ์ แล้วพูดขึ้นอย่างสุขภาพ

“ไม่ดีมั่งคะ? ดิฉันไม่เป็นค่ะ เดี๋ยวก็แห้งแล้วค่ะ”

“ต้องอาบครับ ถ้าป่วยขึ้นมาจะไปทำงานไม่ได้ เดี๋ยว

คุณถอดเสื้อผ้าทั้งหมดมาให้ผม ด้านล่างตึกมีร้านซัก

อบแห้ง ผมเอาไปให้พวกเขาอบแห้งให้คุณ”

เมื่อพูดจบ เขาเดินไปปรับน้ำอุ่นในห้องน้ำก่อน แล้ว เดินกลับมาเรียกเธอ

“ไม่ค่ะ ไม่ซักดีกว่าค่ะ”

เหอมั้นซินรู้สึกว่าอาบน้ำที่บ้านชายแปลกหน้า มันดูลึกซึ้งเกินไป ถึงแม้จะทรมาน ก็ยอมทนเปียก ทนหนาวดี กว่า “คุณกำลังกลัวอะไรครับ?” เขาถาม อย่างไม่พอใจ ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ จะมีอะไร สำคัญกว่าร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น เขาดูไม่น่าไว้ใจขนาด นั้นเลยหรือ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ