เธอหาให้ชีวิตฉันมีความหมาย

บทที่ 10 อย่าทําแบบนี้ค่ะ



บทที่ 10 อย่าทําแบบนี้ค่ะ

หมั่นไส้ผู้หญิงคนนี้จริงๆทำตัวเหมือนเป็นผู้ใหญ่ต่อ หน้าเขา ถ้าเธอพูดขนาดนี้ ก็ต้องลงโทษเธอสักหน่อย ล่ะ

“อยากให้ผมปล่อยคุณไปจริงๆหรือ?” เขาถาม พร้อม ทั้งกัดริมใบหูของเธอ

“อืม…อย่า…อย่าทำแบบนี้ค่ะ” เธอบ่ายเบี่ยง ดิ้นหัน หลบ อยากจะนั่งลง กลับโดนเขาโอบล็อกไว้อย่างแน่น

และเมื่อเธอยิ่งดิ้น กลับยิ่งชิดใกล้เขา เขาก็ยิ่งได้ใจ

เธอรู้ตัวเสมอว่า เธอเป็นคนมีครอบครัว จะปล่อยตัว แบบนี้ไม่ได้

“ก็ได้ งั้นคุณหอมผมหนึ่งฟอดแล้วผมจะปล่อยคุณ เขาพูดพร้อมยื่นหน้าจูบริมฝีปากเธอทันที ใช้แรงกดจูบ อยู่นานถึงยอมปล่อย

หลังโดนเขาจูบ จนหน้ามืดตามัว แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เมื่อเขาคลายมือ เธอรีบปลีกตัวออกห่าง

ที่จริงเธอก็ไม่ได้โทษเขา ได้แต่โทษตัวเอง เพราะยัง ไงเธอก็อายุเยอะกว่าเขา ตอนนี้ก็ได้แต่โทษตัวเอง เขา ดูเหมือนจะไม่ชอบให้คนอื่นว่าเขาอายุน้อย

“อย่าพูดอีกเลย” เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากให้เขารู้ความรู้สึกของตัวเอง ก็เลยต้องปกปิดอย่างที่สุด

“โอเค ไม่พูด สักวันหนึ่ง….” สักวันหนึ่งจะเป็นยังไง เขาไม่ได้พูดต่อ เขาลุกขึ้นเดินไปยังห้องครัว

“ผมไปต้มบะหมี่” เมื่อใกล้ถึงห้องครัวแล้ว เขาจึงพูด ขึ้น

เหอมั้นซินอึ้งอยู่กับที่ หัวใจเต้นแรงยังตื่นเต้นกับคำ พูดเขาที่ยังพูดไม่จบ เหมือนจะรอคอย และอีกใจก็หวั่น กลัว

ไม่ ทั้งหมดนี้ไม่ปกติล่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ต้องรักษาระยะ ห่างระหว่างเขา

เกมส์ลึกซึ้งแบบนี้เล่นไม่ได้ ยังไงมนุษย์ก็เป็นสัตว์มี ความรู้สึก เผื่อวันนี้พลาดพลั้งไป จะทำให้หวนกลับมา แก้ไขไม่ได้อีก

สักพัก กลิ่นหอมของบะหมี่โชยออกมาจากห้องครัว เธอถึงรู้สึกว่าตนเองหิวมากแค่ไหน ท้องก็เริ่มร้องจ๊อกๆ

“บ้านผมไม่มีโต๊ะอาหาร เรานั่งทานที่นี่กันนะครับ” เขา ยกหม้อบะหมี่มาวางบนโต๊ะ แล้วเดินกลับไปหยิบถ้วย กับตะเกียบมา

“ฉันตักเองได้ค่ะ” เธอรู้สึกไม่ดี ที่ให้เขาตักบะหมี่ให้ ตัวเอง คงเพราะปรนนิบัติคนอื่นจนชิน เลยทำตัวไม่ถูก เมื่อมีคนมาปรนนิบัติแบบนี้
“ไม่เป็นไรครับ น่าสงสารอย่างคุณ ผมเดาว่าตอนอยู่ บ้านคงลําบากไม่น้อย วันนี้คุณก็คิดซะว่าพักผ่อน ให้ผม ได้ปรนนิบัติคุณล่ะกันครับ”

เขาพูดอย่างราบเรียบ พร้อมยื่นถ้วยบะหมี่วางตรง หน้าเธอ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาฉลาด หรือตัวเองแสดงออก อย่างชัดเจน? คำพูดของเขาแต่ล่ะคำพูดตรงตามความ

รู้สึกของเธอเลย อบอุ่นใจที่สุด

น่าสงสาร? ดูเหมือนว่าจะน่าสงสารจริงๆ

“ซาบซึ้งจนทานไม่ลง?” เขามองหน้าเธออย่างขำขัน

น่าแปลก เขามีรู้สึกว่าเธอน่าสงสาร ทั้งที่เขาเพิ่งรู้จัก กันได้เพียงวันเดียว กลับรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมาเนิ่น นาน แววตาเธอ ท่าทางเธอ หน้าตาเธอ ทุกๆอย่างของ เธอล้วนทำให้เธอรู้สึกน่าสงสาร

และก็ไม่ใช่ความรู้สึกเห็นใจ กลับเป็นความรู้สึกอยาก ที่จะทะนุถนอม ปกป้องเธอ

“เป็นไปได้ยังไง?” เธอยิ้ม รอยยิ้มนั่นบริสุทธิ์ดั่ง ดอกบัว งดงามมาก เขามองอย่างตะลึง

“เมื่อก่อนคุณทำงานอะไรคะ?” เธอไม่อยากที่จะคุย เรื่องราวของตัวเอง เธออยากคุยกับเขาเรื่อยเปื่อย มากกว่า บรรยากาศจะได้ไม่ลึกซึ้งกันเกินไป
ต้องรู้ว่า ณ ตอนนี้เธอสวมใส่ไว้เพียงเสื้อเชิ้ตที่เผย ต้นขาให้เห็น ตราบใดที่ยังไม่ได้ก้าวออกจากประตูนี้ อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

พูดคุยเรื่องทำงาน เป็นวิธีเบี่ยงเบนความคิดได้ดีที่สุด

เคยเป็นพนักงานขายอยู่สองปีครับ แล้วคุณล่ะ?” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบปกติ แล้วเปลี่ยนมาถาม เธอ

ต่อให้รู้ว่าเธอมีครอบครัวแล้ว ยังเป็นผู้จัดการฝ่าย ขาย ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่เขาก็รู้สึกว่าลึกลับ เหมือน อยากที่จะรู้เรื่องของเขามากกว่านี้ หรือคงเป็นเพราะ อยากใกล้ชิดเธอ

“เคยทำงานเกี่ยวกับงานเขียน ขีดๆเขียนๆ ต่อมาก็ เป็นพนักงานขาย

ชีวิตของเธอเรียบง่าย ไม่มีอะไรน่าพูดถึง ถ้าจะมี ก็มี เพียงความหดหู่ น่าเบื่อ กับความจำเจซ้ำซาก

“ดูเหมือนคุณไม่มีความสุข”

“คะ?”

“ผมพูดว่า คุณไม่มีความสุข” เขาพูดย้ำ อยากรู้ ทำไม เธอถึงไม่มีความสุข


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ