เทพสงครามเป็นพ่อนม

บทที่17 ครอบครัวเดียวกัน



บทที่17 ครอบครัวเดียวกัน

บทที่17 ครอบครัวเดียวกัน

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินเฟิงออกมาจากโรงแรม ถือใบ สัญญานั่น ยื่นให้อิ่นซิน “เรียบร้อยแล้ว”

อิ่นซินรับหนังสือสัญญานั้นมา ด้านบนนั้นมีลายเซ็น ของฟางเย้นอยู่ แต่ว่าลายมือบิดๆเบี้ยวๆ เธอส่ายหัวทันที แล้วยิ้มอย่างน่าสังเวช ” ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เซ็นใน สถานการณ์แบบนี้ เขาไม่ยอมรับหรอก”

จากนั้น เธอก็เดินไปข้างหน้า ฉินเฟิงเองก็เดินตามหลัง ขึ้นไป

และหลังจากที่พวกเขาจากไป ในโรงแรมหลานเทียน ก็

มีรถพยาบาลมาหลายคัน หวอหวอหวอ!

เมื่อเดินอยู่บนถนน มีสายลมพัดผ่านมา พัดผ่านผมยาว ของกิ๋นซินไป เธอสวมเสื้อยืดลายดอกไม้ และเสื้อคลุม ตัวเล็กสีขาวสะอาดสะอ้าน

ส่วนล่างของร่างกายเป็นกระโปรงยาวสีขาวที่มีลวดลาย ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม และมีเสน่ห์ ทำให้ผู้ชายหลาย คนบนท้องถนนต่างจับจ้องมองมาที่เธอ จนตาลาย
ส่วนอินซินเดินไปข้างๆของฉินเฟิง เธอทัดผมเสร็จ ก็ พูดออกไปว่า “ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ วันนี้ ฉันอาจจะจบไม่ดี อันที่จริงฉันก็รู้ว่าฉันไม่สามารถเข็น สัญญาในวันนี้ได้ แต่ฉันไม่ยอมแพ้ เพราะฉันไม่ตายใจ ฉันต้องการที่จะได้โปรเจคร่วมงานกับบริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ป นี่เป็นโอกาสเดียวเท่านั้นที่ฉันจะสามารถเอาตำแหน่ง ประธานกรรมการกลับคืนมาได้ เจ็ดปีแล้ว นี่เป็นครั้งที่ฉัน ได้เข้าใกล้จุดมุ่งหมายมากที่สุด

อิ๋นซินเสียใจเล็กน้อย ที่ต้องเสียเวลาฟรีกับค่ำคืนนี้อีก ครั้ง

โอกาสที่จะได้เอาโปรเจคร่วมงานกับบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป นั้น ไกลออกไปอีกก้าวนึ่ง

เธอรู้สึกเจ็บปวดมากในใจ

“ครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องพูดขอบคุณหรอก ครับ” ฉินเฟิงพูด

“ครอบครัวเดียวกัน”

คำสามคำนี้ ทำให้หัวใจของกิ๋นซินรู้สึกเหมือนคลื่นซัด สาดเข้ามา ใช่แล้ว ฉินเฟิงพูดอย่างเคร่งขรึม ที่จริงแล้ว เธอเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เธอไม่เคยยอมรับเขา ยิ่ง ไปกว่านั้นคือก่อนหน้านี้ เธอยังเกลียดเขามากด้วย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว อย่างน้อย เขาก็เต็มใจที่จะพยายามเพื่อบ้านหลังนี้

“ในเมื่อ คุณพูดแล้วว่าเป็นครอบเดียวกัน งั้นฉันเจ็บเท้า วันนี้ฉันเดินมาทั้งวันแล้ว คุณควรจะแสดงอะไรบางอย่าง ให้ฉันเห็นหน่อยไหมคะ”

ทันใดนั้น อิ่นซินก็เหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ชี้ไปที่เท้า ของเธอ ที่แดงเป็นแถบขึ้นอีกแล้ว

“ได้ครับ ผมจะแบกคุณเอง”

ฉินเฟิงยิ้มบางๆ และเดินมาหยุดอยู่หน้าตรงอิ่นซิน แล้ว ค่อยๆนั่งยองๆลง

หยินซินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ปีนขึ้นไป ให้ฉินเฟิง แบกตัวเอง ทันทีที่เธอขึ้นไป กลิ่นอายของความเป็นชาย ชาตรีก็ค่อยๆแผ่ซ่านออกมา จนทำให้หน้าของอินซิน ค่อยๆแดงระเรื่อขึ้นมา

“ไปเถอะ กลับบ้านกัน

ฉินเฟิงแบกอินซินไว้บนหลัง และเดินไปตามทางเดิน ทำ ให้คนเดินผ่านไปมาต่างพากันอิจฉา
นี่เป็นครั้งแรกของฉินเฟิง ที่ได้แบกหญิงสาว และหญิง สาวคนนี้ก็เป็นภรรยาที่ตัวเองติดค้างไว้มากมาย เธอให้ กำเนิดลูกสาวของเขา ยังต้องทนแบกรับคำครหาของ ผู้คนมากมาย มานานหลายปี

“เอ่อจริงสิ ฉันจะบอกอะไรคูณให้นะ ฉันยังไม่เคยคบ กับใครมาก่อน ฉันเป็นผู้หญิงที่แกร่งมากเลยนะคะ ตอนที่ ฉันเรียนมหาวิทยาลัย ฉันก็ใช้สองมือของฉันเริ่มทำธุรกิจ แล้ว เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่มีเวลาหาแฟน และไม่มีคนไหน ที่ฉันสนใจ

“แต่ตอนนี้ก็เพราะคุณ เพราะคนเลวอย่างคุณ ลูกอายุ ตั้งหกขวบแล้ว ฉันยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรัก เลย เหมือนกับแผ่นกระดาษที่ว่างเปล่า แค่พริบตาเดียว ฉันก็ยี่สิบเจ็ดแล้ว เปลี่ยนจากสาวน้อยเป็นหญิงสาวที่ แต่งงานแล้วอย่างกะทันหัน คุณต้องชดใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่น ให้กับฉันเลยนะ”

“แล้วก็ ถ้าฉันยอมรับคุณจริงๆ คุณห้ามรังแกฉันนะคะ”

อิ๋นซินซบอยู่บนแผ่นหลังของฉินเฟิง ใบหน้าที่ประณีต ของเธอพิงเข้าไหล่ของฉินเฟิง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวัน นี้ ทำให้อิ่นซินรู้สึกประทับใจ จึงเผยความในใจออกมา

หลายปีมานี้ ในที่สุดก็มีคนมาดื่มเหล้าแทนเธอแล้ว
ที่ผ่านมา มีแต่คนพยายามมอมเหล้าเธอ เพื่อวางแผน ทําให้เธอเมา และทำในสิ่งที่นำขยะแขยง

ส่วนครั้งนี้ ฉินเฟิงก็คว้าแก้วเหล้าของเธอและปิดกั้นพวก ฟางเย็น วินาทีนั้น ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวกับ

ฉินเฟิงเล็กน้อย มีสามีที่ยอมปกป้องตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่อง แย่อะไรเลย

“เอ่อจริงด้วยสิ ทำไมคุณถึงดื่มได้เยอะขนาดนี้” อิ่นซิน กาม

“ฝึกมาน่ะ เราทุกคนที่นั่นชอบดื่มหนิวหลันซานเอ้อกัวโถ วกันที่สำคัญคือราคาถูกไม่ทำให้มึนเมาดื่มลงไปแล้วอุ่นๆ

ทหารทั้งกองก็ชอบดื่มกัน”

“หนิวหลันซานเอ้อกัวโถว”

อิ๋นซินจำเหล้าชนิดนี้ไว้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่จำไว้เท่านั้น แหละ เธอไม่กล้าที่จะหยิบเหล้าเจ็ดหยวนนี้ส่งมอบให้ ใครหรอก

พอกลับมาถึงบ้าน ฉินเฟิงก็รีบหาที่ที่ไม่มีคนอยู่ และโทรศัพท์ออกไปทันที : “ฉีหยุน ช่วยฉันเตรียมแหวนวง หนึ่ง

แหวนขอแต่งงาน แล้วช่วยฉันจัดเตรียมด้วยละกัน เตรียมพิธีขอแต่งงานที่จะต้องสะท้านไปทั่วทั้งเมืองด้วย

นี่คือสิ่งที่ฉินเฟิงติดค้างกับอั๋นซิน

เขาไม่เคยสารภาพรักกับอิ่นซินมาก่อน ไม่เคยเลยสัก ครั้ง

เพราะฉะนั้น ครั้งนี้เขาจะสร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งเมือง เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาต้องการที่จะชดเชยให้ผู้ หญิงที่ให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารักกับเขา และผู้หญิงที่ต้อง ทนทุกข์ทรมานนับไม่ถ้วนในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา

เป็นเขาเองที่ต้องขอโทษอินซิน

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งของเมืองเจียงเฉิง

ภายในห้องฉุกเฉิน มีหมอระดับสูงกลุ่มหนึ่งกำลังรักษาฟางเย็น หลังจากการรักษาอาการเขามาตลอดทั้ง คืน ฟางเย้นถึงได้ฟื้นขึ้นมา

ทันทีที่ตื่นขึ้นก็กัดฟันและพูดว่า: “ฉินเฟิง! ฉันกับแกอยู่ รวมโลกกันไม่ได้

“ลูก ไปทำอีท่าไหน ถึงได้เป็นพิษสุราเรื้อรัง ดื่มไปเท่า ไหร่กัน?”

ที่ข้างเตียง มีชายวัยกลางคนที่มีจมูกงุ้ม มือไขว้หลัง เมื่อเห็นว่าฟางเย้นฟื้นแล้ว เขาก็เดินมาและขมวดคิ้ว

“ผมโดนคนเล่นงานเข้าแล้ว ”

ฟางเย้นรายงานเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

คนคนนี้ คือพ่อของฟางเย้น ประธานบริษัทฟางซื่อกรุ๊ป ฟางจือฮุย

“บริษัทซานหยวนกรุ๊ป”

แววตาของฟางจือฮุยฉายแววโหดเหี้ยม กล้าทำลูกชาย ฉัน รนหาที่ตายแท้ๆเลย

“คุณพ่อครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งหาเรื่องบริษัทซานหยวนกรุ๊ป ผมมีข้อตกลงกับบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของอื่นป้าย เขาใช้อำนาจของครอบครัวเพื่อกดขี่อื่นซิน ให้เธอส่งมา ถึงที่ให้ผมเล่น และตระกูลบริษัทฟางชื่อกรุ๊ปกับบริษัท ซานหยวนกรุ๊ปได้ร่วมมือกัน เอาโปรเจคบริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ป ไ

ฟางเย้นโบกมือบ่งบอกว่าปล่อยให้เขามาจัดการเองหลัง จากที่ฟางจือฮุยจากไปเขาก็เรียกคนสนิทของ

เขามา และพูดขึ้นว่า ไปตามหาเปียวจอมาให้ฉัน”

“ครับ’

คนสนิทคนนั้นกลับไปแล้ว

อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ก็พาคนๆนึงกลับมา

“โห คุณชายฟาง คุณเป็นอะไรไป หรือว่าคุณถูกตีมา หรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ