เทพสงครามเป็นพ่อนม

บทที่ 6 ยกเลิกกิจการ ชั่วคราว



บทที่ 6 ยกเลิกกิจการ ชั่วคราว

บทที่ 6 ยกเลิกกิจการ ชั่วคราว

“ประธานห…เทียนเฉิง”

อิ่นป่ายมองหลี่เทียนเฉิงที่คุกเข่าให้กับอิ่นซินด้วย

ใบหน้าที่ร้องไห้

เขาไม่อยากจะเชื่อเลย

นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย?

หลี่เทียนเฉิงเป็นถึงประธานใหญ่ของบริษัท งหยางกรุ๊ป บริษัทชิ่งหยางกรุ๊ปไม่ได้ใหญ่มากในเมืองเจียงเฉิง แต่ถ้า เทียบกับบริษัทซานหยวนกรุ๊ปแล้ว ขนาดของมันใหญ่กว่า ห้าถึงหกเท่า แต่เพราะมีประธานแบบนี้ ตอนนี้เลยต้อง คุกเข่าต่อหน้าผู้หญิงอย่างอิ่นซิน ร้องไห้และขอให้อิ่นซิน เซ็นสัญญาเงินทุน

สามร้อยล้านไม่เพียงพอ บริษัทของพวกเขาต้องเพิ่มอีก!

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ไม่ใช่แค่คนของคณะผู้บริหารเท่านั้นที่งง รวมถึงอิ่นซินด้วย เธอรู้จุดยืนของประธานหลี่คนนี้เป็นอย่างดี รวมถึง การแสดงออกที่เย่อหยิ่งเมื่อวาน แต่มาวันนี้กลับเปลี่ยน ไปเป็นคนละคน

“ประธานหลี่ คุณทำอะไรคะเนี่ย รีบลุกขึ้นเถอะค่ะพื้น มันเย็น”

อินป่ายรีบเข้ามาเพื่อที่จะพยุงหลี่เทียนเฉิง แต่กลับถูก หลี่เทียนเฉิงสะบัดแขนออกอย่างแรง จากนั้นก็ถลึงตาใส่ อินป่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไอ้สารเลว ถ้าไม่ใช่เพราะ แกต้องร่วมมือกับฉัน ฉันก็ไม่ต้องมาถึงจุดนี้หรอก!”

“เกิดอะไรขึ้น?”

อินป่ายรู้สึกงงงวย

“นี่เกิดอะไรขึ้น นายไม่รู้เลยเหรอ? ตั้งแต่เช้าหุ้นบริษัท ซิ่งหยางกรุ๊ปของเราถูกกดโดยสมาคมที่ลับๆ ฝั่งนั้นเขา มีกำลังทรัพย์ค่อนข้างสูง ยินดีที่จะชดใช้ แล้วยังทำให้ ราคาหุ้นของเราร่วงถึง 12 จุด เพียงแค่สามชั่วโมงเช้านี้ เราก็สูญเสียถึงสามร้อยล้าน และเพิ่มขึ้นทุกวินาที ”

“จากนั้น เว็บไซต์ทางการของบริษัทก็ถูกแฮ็กจำนวนมาก ทำให้โฮสล่มใช้งานไม่ได้ ทุกอย่างในห้างสรรพสินค้าที่ ขายตอนนี้ราคาทั้งหมดคือหนึ่งหยวน ภายในไม่กี่นาก็มีการสั่งซื้อหลายพันรายการ ขายขาดทุนไปห้า ร้อยล้าน *

“อีกอย่าง มีหลายบริษัทที่เราได้เจรจาพูดคุยว่าจะร่วม มือกันแล้ว เหลือเพียงแค่เซ็นสัญญาเท่านั้น วันนี้โทรมาบ อกว่าจะปฏิเสธการทําสัญญา และบอกว่าฉันไปยั่วโมโห ใครเข้าให้แล้ว และจะเอาสัญญาเงินทุนไปขอโทษอื่น ซิน”

“นายบอก ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันกำลังจะล้มละลายแล้ว”

หลี่เทียนเฉิงตะโกนใส่อิ่นป่าย ถ้าไม่ใช่เพราะอิ่นป่าย เขาก็คงจะไม่ล่วงเกินอิ่นซิน ทำให้บริษัทกลายเป็นแบบนี้

หลังด่าจบ ก็หันกลับมาพูดกับอิ่นซินทันทีว่า “คุณนาย…คุณอั๋น เมื่อวานเป็นความผิดของผมเอง ผม เองที่ทำตัวไม่ดี สมควรโดนสั่งสอน สัญญาฉบับนี้ ขอร้อง ล่ะคุณช่วยเซ็นหน่อยเถอะ เงินทุนของบริษัทหมุนไม่ ทันจริงๆ ผมให้คุณก่อนสามร้อยล้าน ส่วนที่เหลือผมจะ ค่อยๆทยอยโอนคืนให้

เขาพูดไปด้วย ตบหน้าตัวเองไปด้วย
ทุกคนตกตะลึง

บริษัทชิ่งหยางกรุ๊ปกำลังจะล้มละลาย?

เพราะว่าไปล่วงเกินอิ่นซิน?

อิ่นซินมีอำนาจมากขนาดนั้นเลยเหรอ?

สามารถทําให้คนอย่างหลี่เทียนเฉิงที่หยิ่งยโสอย่างนั้น เอาสัญญาให้อิ่นซินด้วยตัวเอง แล้วยังเพิ่มราคาขึ้นอีก สองร้อยล้าน สามร้อยล้าน ห้าร้อยล้าน ราวกับว่าเงินเป็น เพียงแค่กระดาษ

ต้องรู้ว่า ในตอนที่บริษัทซานหยวนกรุ๊ปอยู่จุดสูงสุด ก็มี เงินรวมเพียงห้าร้อยล้านเท่านั้น

เหลือก็แค่สามร้อยล้าน อัดฉีดสามล้านทันทีที่มา ทำให้ พวกเขานั้นตกใจมาก

อย่างไรก็ตาม อิ่นซินคือคนที่ตะลึงมากที่สุดในเวลานี้ เธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเธอ ก็มองไปที่ฉินเฟิง

“ไม่ใช่ผม”
ฉินเฟิงส่ายหัว

“ก็ใช่ คนอย่างคุณคงไม่มีความสามารถขนาดนี้หรอก เหอะ”

อิ่นซินหันหลัง ความหวังที่อยู่ในใจของเธอหายไปอีก ครั้ง ในความเป็นจริงเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ทำไมเธอถึง ไม่อยากให้ผู้ชายของตัวเองเป็นวีรบุรุษล่ะ

เมื่อเห็นหลี่เทียนเฉิงที่ร้องไห้อย่างนั้น ในที่สุดอื่นซีนก็ เซ็นสัญญา

“ขอบคุณครับคุณนาย ขอบคุณครับคุณอื่น”

หลี่เทียนเฉิงยังคงขอบคุณอิ่นซินอยู่อย่างนี้ ทำให้หยิน ซินรู้สึกไม่ชิน ในความคิดของเธอ หลี่เทียนเฉิงน่าจะคน ที่มีบอดี้การ์ดคอยปกป้อง สวมเสื้อผ้าหลายสิบล้าน เป็น ประธานหลี่ผู้ยิ่งใหญ่

หลังจากที่เซ็นสัญญา อิ่นซินก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา ทันที นึกถึงการเดิมพันที่ฉินเฟิงเคยช่วยเธอไว้ เธอจับใบ สัญญาแล้วมองไปที่ปู่ของเธอ “ปู่คะ หนูจะเซ็นสัญญา แล้วนะ”

ปู่ของอิ่นซินดูแข็งทื่อ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น ว่า “ซินอ๋อ เป็นลูกผู้หญิงกุลสตรี ทำไมต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยล่ะ”

“คุณปู่คะ คนเราต้องมีสัจจะนะคะ โดยเฉพาะหัวหน้า ครอบครัวอย่างคุณปู่ ผู้อาวุโสของ ‘คุณธรรมและบารมี สูงส่ง ”

ฉินเฟิงเน้นคำว่า ‘คุณธรรมและบารมีสูงส่ง’ อย่างหนัก

แน่น

“เหอะ ฉินเฟิง ชั้นยังไม่ยอมรับในตัวนาย นายอย่ามา เรียกชั้นว่าปู่

สุดท้าย คุณปู่ของอิ่นซินก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจาก ไป สำหรับการเดิมพันนั้น จะไม่ยอมก็คงจะไม่ได้แล้ว เพราะตอนนั้นเธอกลัวว่าอิ่นซินจะไม่ยอมรับ จึงเรียกคน มากมายมาเป็นพยาน

แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องขายขึ้

หน้า

ทำตัวเองแท้ๆ

“ถือว่าแกโชคดี แต่ก็ไม่รู้ว่าใครที่มันกำลังช่วยแกอยู่” อิ่นป่ายมองอิ่นซินอย่างจับผิด แล้วก็เดินจากไป
สุดท้ายอิ่นซินก็เดินออกไปอย่างมีความสุข เมื่อ 7 ปี ก่อนเธอถูกถีบให้ออกจากคณะผู้บริหาร คิดไม่ถึงว่า วันนี้จะได้กลับไปที่คณะผู้บริหารอีกครั้ง ด้วยวิธีที่น่า ประหลาดใจแบบนี้

ระหว่างเดินอยู่บนถนนอื่นซินก็คิดแล้วคิดอีก ในที่สุด อิ่นซินก็หันไปมองฉินเฟิงที่เดินตามหลังเธอ ขมวดคิ้วแล้ว ถามว่า “คุณเป็นคนทำใช่ไหม?”

“ใช่ แต่ผมไม่ใช่ลงมือเอง หลายปีมานี้ผมไปเป็นทหาร แล้วได้ช่วยคนรวยเอาไว้คนหนึ่ง ที่เขาทำวันนี้ก็เพื่อที่จะ ตอบแทนผม” ฉินเฟิงพูด

“คุณไปเป็นทหาร? ทำไมถึงไปเป็นทหาร?”

หยินซินตั้งคำถามกับฉินเฟิง

“เพื่อที่ผมจะได้ดูเหมาะสมกับคุณไง”

คำพูดนั้นทำให้หัวใจของกิ๋นซินสั่นสะท้าน แล้วเธอก็ นึกถึงค่าสินสอด และเงินหนึ่งแสนที่ฉินเฟิงยืมแม่ของเธอ หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกอึดอัดมาก แล้วถามขึ้นว่า “แล้วเงิน หนึ่งแสนที่คุณยืมแม่ฉันล่ะ? คุณกล้าพูดไหมว่าคุณไม่ได้ เอาเงินแล้วหนีไป? ”

“เงิน? เงินอะไร?”
ฉินเฟิงรู้สึกงงๆ

“ก็วันที่คุณไป คุณเอาค่าสินสอดทองหมั้นและบัตร เอทีเอ็มของฉันไปหมดเลย แล้วยังยืมเงินหนึ่งแสนจากแม่ ของฉันด้วย”

อิ่นซินหยุดพูดแล้วมองเขม็งไปที่ฉินเฟิง นี่คือสิ่งที่เธอ โกรธที่สุดตลอด 7 ปีที่ผ่านมา และก็เป็นเหตุผลที่เธอคิด ว่าฉินเฟิงเป็นคนเลว

“ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน ผมไปตัวเปล่า ไม่ได้เอา อะไรไปเลย”

“จริงเหรอ”

“จริงสิ”

“คุณสาบานสิ”

“ผมฉินเฟิงสาบานว่า ถ้าในตอนนั้นผมได้เอาค่าสินสอด ทองหมั้น บัตรเอทีเอ็ม และยังถามยืมเงินหนึ่งแสนจากแม่ ของคุณ ขอให้ผมไม่ตายดี…

หลังจากได้ฟังฉินเฟิงพูดจบ อิ่นซินก็เงียบไป ในตอนนั้น เอง โทรศัพท์สายหนึ่งก็เข้ามา แล้วอิ่นซินก็ได้รับสาย สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง การจดทะเบียนหย่าของคุณ สํานักกิจการพลเรือนได้รับการจองเรียบร้อยแล้ว เวลา 6 โมงเย็นของวันนี้ขอให้คุณ…….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ