เทพศึกมังกรหวนคืน

บทที่18 เท้าเดียว ก็เกินพอที่จะทำลายทีมของคุณ



บทที่18 เท้าเดียว ก็เกินพอที่จะทำลายทีมของคุณ

วันที่สอง

ฉันเพิ่งได้ยินเสียงตำหนิดังสนั่นตั้งแต่เช้าตรู่ พอหันไปมอง ก็ พบว่าเป็นเสียงจากปลายสายของอินซิน “เสี่ยวซิน บริษัทฟางซื่อ กรุ๊ปโทรหาตระกูลลิ่นของเรา บอกว่าคุณชายฟางเป็นโรคพิษ สุราเรื้อรังสูง และได้ทำการรักษาที่โรงพยาบาลทั้งคืน ฉันให้แก ไปคุยเรื่องงานไม่ใช่ให้แกไปมอมเหล้าเขาตาย แกบังอาจมาก นักนะ! ”

ฉันเพิ่งฟังออก ว่าเสียงนี้เป็นเสียงคุณท่านอื่นที่เต็มไปด้วย ความโกรธ

11 คุณปู่คะ หนู…….

อิ๋นซินยังพูดไม่จบ เสียงจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น “อย่าเรียกฉันว่า คุณปู่ พรุ่งนี้เป็นวันตัดริบบิ้นของบริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ป ถ้าแกไม่ สามารถเอาโปรเจคของบริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ปมาได้ แกจะได้รู้ผลที่ ตามมาเอง ! รู้ตัวเองละกัน

โทรศัพท์ของอินซินหล่นลงที่พื้น รู้สึกไร้เรี่ยวแรง และตอนนี้ ฉินเฟิงก็เดินเข้ามา และกอดอุ่นซินไว้ ” มีผมอยู่ ไม่ เป็นไร ”
“ฉินเฟิง คุณว่า ทำไมทั้งๆ ที่เป็นสายเลือดเดียวกัน หนึ่งคน เป็นอินปาย และอีกคนเป็นอินซิน ทำไมถึงแตกต่างกันขนาดนี้ เขาได้มอบสิ่งที่ดีทั้งหมดให้กับอินปาย แต่ทำไม เพียงเพราะฉัน เป็นผู้หญิงหรอ”

อินซินกอดฉินเฟิง และร้องไห้โฮ

แต่หลังจากกอดอยู่พักหนึ่ง เธอก็ลุกขึ้น เพราะเธอรู้ว่า มันไร้ ประโยชน์ที่จะเล่าเรื่องพวกนี้กับฉันเพิ่ง

“ฉันไปทํางานละนะ”

หลังจากพูดจบ อินซินก็ไปหาหลิวลานเมิ่งเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา แต่ก็ไม่ได้อะไร พบเจอแต่ทางต้น เมื่อถึงเวลากลางคืน หลิวลาน เพิ่งต้องการดื่มกับอินซิน เพื่อปลดทุกข์หน่อย ยังไงพรุ่งนี้ก็จะเป็น พิธีตัดริบบิ้นแล้ว แต่พวกเธอยังทำอะไรไม่ได้เลย

“ได้ แต่ว่า ฉันจะโทรหาฉินเฟิง ”

อิ่นซินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

“โทรหาเขาทำไม?” ”

หลิวลานเพิ่งมีใบหน้าที่ไม่พอใจ

“เดี๋ยวก่อน ฉันให้เขามารับเอง เพราะเขาเป็นผู้ชายของฉัน”

เหอะ ”

หลิวลานเพิ่งทำหน้าตาที่เหยียดหยาม เธอดูถูกฉันเพิ่งมาก เธอรู้สึกว่าฉินเฟิงเป็นเด็กที่ยากจนไม่คู่ควรกับอินซิน แต่ดูท่าของอินซินแล้ว เธอเริ่มยอมรับฉินเฟิงแล้ว

จะมากไปแล้ว!

และเมื่อพวกเธอหาร้านอาหารและกำลังดื่มเหล้าอยู่นั้น ก็มี ผู้ชายหลายคนอยู่รอบๆ ตัวพวกเธอ หนึ่งในนั้นคือเปียวจื่อ ใบหน้าที่ดูดุดัน ในมือยังมีมีดสั้นเล่มหนึ่ง ภายใต้แสงไฟยาม เย็น มีแสงมืดฉายแววออกมา

“หัวหน้าครับ ผู้หญิงสองคนนี้สวยจัง”

มีชายร่างผอมข้างๆเฝ้ามองดูคนทั้งสองที่อยู่ด้านใน เขาเกิด อาการน้ำลายไหลเล็กน้อย พวกเขาล้วนเป็นผู้ร้ายที่มีชีวิตคนอยู่ ในเงื้อมมือ โดยปกติแล้ว จะไม่ปรากฏตัวข้างนอก เพราะฉะนั้น มันจึงทำให้พวกเขาไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมาหลายเดือนแล้ว

“เหอะ ทำตัวดีๆหน่อย เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวเราก็ได้เล่นกันสนุก แล้ว”

เปียวจื่อรู้สึกอดรนทนรอไม่ไหวแล้ว

หลังจากรอมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง อินซินกับหลิวลานเมิ่งถึง พึ่งดื่มเสร็จ ที่หน้าร้านอาหาร อินซินเห็นหลวลานเพิ่งสวมเสื้อ บางๆ จึงเอาเสื้อขาวของตัวเองคลุมบนร่างของหลิวลานเพิ่ง คลุมไว้ กลางคืนมันหนาว ”

” ออกมาสักทีสินะ ”

เปียวจื่อรู้สึกดีใจขึ้นมา
เพียงแต่ ในเวลานี้เอง ฉันเพิ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก และ มองมาที่เขาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเปียวจื่อก็ตกใจ เขาจึงรีบซ่อนตัว ในใจคิดว่า หรือเขาจะถูกพบเข้าแล้ว

จริงๆแล้วพวกเขาถูกฉันเพิ่งพบตัวแล้ว แค่ขี้เกียจสนใจใน ตอนนี้เท่านั้นเอง

“ผมไปส่งพวกคุณกลับก่อนนะ”

ฉันเพิ่งมองดูสาวสองคนนี้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า จึงขมวดคิ้ว

เป็นปม

ยิ้ม”

อินซินพยักหน้า

ส่วนหลิวลานเมิ่งไม่ยอมมองฉินเฟิง เอียงศีรษะไปอีกด้าน

เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกทางกัน หลิวลานเพิ่งก็เดินไปยังอีกเส้น ทางหนึ่ง และฉินเฟิงก็สังเกตเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหลังเธอตามหลิว ลานเพิ่งไป เขาคิดในใจว่า ว่า “เป้าหมายของพวกเขา คือหลิว ลานเมิ่ง? ”

แต่หลังจากมองไปที่อื่นซินที่ใบหน้าแดงเล็กน้อย ฉินเฟิงก็พูด ขึ้นว่า “ช่างมันเถอะ ส่งคุณกลับไปก่อน”

สิบนาทีผ่านมา หลิวลานเพิ่งก็เดินไปยังสถานที่ที่มีผู้คนน้อย ส่วนเปียวจื่อและพวกนั้นก็เข้ามาใกล้มากขึ้น หลังจากเข้ามาใกล้ แล้ว พวกเขาพึ่งสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
“เวรเอ้ย ผู้หญิงที่คลุมเสื้อขาวนี้ ไม่ใช่อินซิน

เปียว อก่นด่าในเบาๆ

ก่อนหน้านี้เพราะฉินเฟิงตามมา พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้เกิน ไป และเพราะแสงสลัวของกลางคืน พวกเขาจึงใช้เสื้อสีขาวตัว นั้นเป็นเป้าหมาย แต่ไม่รู้ว่าหลิวลานเพิ่งสวมเสื้อคลุมตัวนี้ตั้งแต่ เมื่อไหร่

“หัวหน้า เรายังจะจับอยู่ไหม? ”

ชายร่างผอมที่อยู่ข้างๆถาม

“จับสิ ทําไมไม่จับ อิ่นซนคนนั้นคิดว่าตอนนี้คงกลับถึงบ้าน แล้ว เราจะจับยังไงดี สาวน้อยคนนี้ก็หน้าตาดี จับเธอมาเล่นสนุก แก้ขัดไปก่อนแล้วกัน ”

เปียว อพูดไป เผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า ในมือถือผ้าขาวก้อนหนึ่ง ปิดปากหลิวลานเพิ่งทันที เขาพูดอย่าง ชั่วร้ายว่า “คุณเป็นของผม……..”

ยังพูดไม่จบ จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งจับไหล่ของเปียวจื่อและส่ง เสียงมาว่า” ใครบอกว่าเป็นคนของแก

นี่คือเพื่อนรักของคนรักของฉันต่างหาก”

“อ้าก”

ความเจ็บปวดที่คนไม่สามารถทนได้ ทำให้เปียวจ่อร้อง โหยหวนด้วยความเจ็บปวด และปล่อยมือที่คว้าหลิวลานเพิ่งทันที

เมื่อเห็นว่าหลิวลานเพิ่งกำลังจะล้มลง ฉันเพิ่งจึงก้าวไปข้าง หน้า และซ้อนรับร่างของเธอไว้ แล้วเธอก็ใช้สติที่เหลืออยู่เบิก ตากว้าง

เห็นคนตรงหน้าอย่างชัดเจน: ” ฉินเฟิง

จากนั้น เธอก็สลบไป

“อีเธอร์ มืออาชีพเลยนี่หว่า

ฉินเฟิงสูดดมกลิ่นระเหยในอากาศ เธอเพิ่งส่งอินซินกลับไป แล้วค่อยกลับมา ไม่คิดว่ามันจะสายเกินไป คนได้สลบเหมือดไป แล้ว เขามองไปที่พวกอันธพาลตรงหน้า และจ้องมอง

“พวกคุณโชคไม่ดีเลยนะ มาเจอปีศาจจอมหวงภรรยาเข้า นี่ เป็นคนของภรรยาฉัน พวกแกยังกล้าที่จะแตะต้องอีกหรอ?

ตามด้วยถ้อยเสียง ดูเหมือนว่าจะมีอุณหภูมิลดลงในอากาศ

“เวรเอ้ย”

หน้าของเปียวจื่อมีเหงื่อแตกพลั่ก เขาเอามือกุมแขนตัวเอง รู้สึกว่าข้างในได้แตกร้าวแล้ว จึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที “คน คนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ฉันยังมีลูกน้องอีกตั้งหลายคน ต่างเคยเห็นเลือดกันมาทั้งนั้น ทุกคนต่างถอยไปคนละก้าว แล้ว ค่อยพบกันใหม่ดีกว่านะ”

ในวงล้อมนั้น ลูกน้องหลายคนล้อมตัวเขาไว้ แล้วดึงกริชออกมา จ้องมองฉินเฟิงด้วยสายตาถมึงทึง ชายร่างผอมคนนั้นยก กริซขึ้น “จริงด้วย ไอ้หนุ่ม เราทุกคนที่นี่เป็นคนร้ายกันทั้งนั้น ต้อง โทษประหาร เป็นพวกเดนตาย ทางที่ดีแกอย่าบีบบังคับพวกฉัน เลยนะ ถอยคนละก้าวอีกว่า ดีต่อทุกคน

“นี่พวกเจ้ากำลังพูดเงื่อนไขกับฉัน? พวกแก คู่ควรด้วย

หรอ? *

ฉินเฟิงยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา

“แกนจริงๆเลย ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาฮินะ! บนตัวแกมีตัว ประกันอยู่ พวกฉันมีคนตั้งเยอะและมีอาวุธด้วย สองหมัดยากที่ จะเอาชนะสี่มือ แกแน่ใจนะว่าจะไม่ถอย? ”

“ฉันบอกแล้ว ว่าพวกแกคู่ควรแล้วหรอ? “

“ให้ตายเหอะ พวก ลุย วันนี้พวกแกต้องถลกหนังมันทั้งเป็น

ให้ฉัน”

เปียวจื่อทั้งโหดเหี้ย ดวงตาฉายแววโลหิต ทันใดนั้นก็สั่งให้ ลูกน้องเหล่านั้นลุย

“ไอ้หนุ่ม ชาติหน้าแหกตาดูบ้างนะว่าเล่นกับใครอยู่นะ ”

ชายร่างใหญ่ใส่สนับมือไว้ที่มือ และเข้าไปจัดการตีหัวของฉัน เฟิงทันที เผยรอยยิ้มเหี้ยมโหดออกมา เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ หมัดเดียวของเขาทําเอาชายคนนั้นหัวระเบิดไปเลยทีเดียว

และแล้ว วินาทีต่อมา สีหน้าของเขาก็แข็งกระด้าง
เพราะ ฉันเพิ่งไม่เพียงแต่เอียงหัว และหลบการโจมตีจากเขา ยังกระทืบไปที่เท้าของเขา ยังต่อยเข้าไปที่ท้องน้อยของเขา ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ตัวเขาก็กระเด็นออกไป

เสียงปังดังขึ้น

กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง

“พวกแกคิดมากไปแล้ว พวกแกเนี่ยนะ ไม่จำเป็นต้องใช้มือ หรอก แค่เท้าข้างเดียวก็เกินพอที่จะทำลายแก๊งของพวกแกได้ แล้ว “ฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ