บทที่12 บริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ปคือบิ๊กแม็ก แต่ว่า เป็นของฉัน แล้ว
อินซินเดินจากไปแล้ว ฉินเฟิงก็เดินออกไปเช่นกัน เขายังต้องไป หาหยุนเพื่อจัดการทำธุระ
“นี่ ลานเมิ่ง”
พอออกจากบริษัทซานหยวนกรุ๊ปปุ๊บ อินซินก็โทรศัพท์ไปหา คนคนหนึ่งทันที
หลิวลานเมิ่ง เป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของอินซิน เป็นคนเมือง เจียงเฉิง และเป็นเพื่อนบ้านตั้งแต่เด็กของอินซิน ทั้งสองเป็น เพื่อนสมัยมัธยมต้น มัธยมปลาย และมหาลัย สิบปีที่อยู่ข้างๆ หน้าต่างด้วยกัน ความสัมพันธ์ดุจดั่งเหล็กกล้า ถ้าพูดตามคำพูด ของผู้ชาย นั่นก็คือสวมกางเกงตัวเดียวกัน
แต่ว่า พอหลังจากที่เรียนจบ พวกเธอทั้งสองคนก็ต่างคนต่าง เดินไปทำตามความชอบของตัวเอง หลิวลานเพิ่งไปเติบโตที่จิงตู เข้าไปทำงานในบริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ป เรื่องนี้ อินซินรู้อยู่แล้ว
“อิ๋นซิน เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกลับมาแล้ว ฉันกำลังคิดอยากจะ ไปหาเธอพอดีเลย”
ด้านฝั่งตรงข้าม มีเสียงอันคุ้นเคยลอดผ่านหูมาพอดี “หาฉันหรอ? เธอกลับมาแล้ว? ” อิ่นซินรู้สึกเซอร์ไพรส์เล็กน้อย
“ก็ใช่น่ะสิ บริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ปย้ายมาที่เมืองเจียงเฉิง ฉันเป็นผู้ จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ แน่นอนว่าจะต้องเดินทางมาก่อน วันนี้ พึ่งมาถึง กำลังจะไปหาเธอพอดีเลย คิดไม่ถึงว่า เธอจะโทรศัพท์ หาฉันก่อน”
“รอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันไปหาเธอ
พอหลังจากที่วางสายโทรศัพท์ปุ๊บ อินซินมุ่งไปทางบริษัทเฟิง ซึ่งกรุ๊ป เพื่อหาหลิวลานเมิ่ง พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เรื่องนี้ ฉันไม่กล้ารับปากเลย ฉันพูดได้แค่ว่าจะลองดูก่อน
หลิวลานเมิ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ แน่นอนว่า หน้าตาดีมาก สวมกระโปรงยาวสีดำทั้งตัว ทำให้ดูเซ็กส์ซี่ขึ้น มาก แต่ไม่เหมือนกับอินซินที่คลอดลูกแล้ว เธอดูจะมีความไร้ เดียงสากว่า
ท่าทางก็ดูน่าพอใจมาก
แต่เวลานี้เอง เธอโทรศัพท์ไปหาออฟฟิศด้านบน สวัสดีค่ะ ประธานเฝิง”
“มีอะไรหรอครับ? ”
ในนั้นมีเสียงหนาทุ้มลอดมาเสียงหนึ่ง
ประธานในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่คนหนุ่มอะไรหรอก อย่างไรเสียต้องดูแลบริษัทใหญ่ขนาดนี้ จำเป็นต้องใช้ ประสบการณ์สั่งสม โบราณกล่าวไว้ว่า บนปากไม่มีหนวด ทํางานไม่น่าเชื่อถือ
“ท่านประธานคะ ดิฉันมีแผนการทำงานเกี่ยวกับบริษัทซาน หยวนกรุ๊ปอยู่ในมือค่ะ เป็นแผนที่ทำขึ้นมาเพื่อสอดรับกับโปร เจคของเรา ดิฉันคิดว่าทำได้ดีมากเลยค่ะ ผู้จัดการอื่นซินของ บริษัทซานหยวนกรุ๊ปรออยู่ด้านล่างแล้วค่ะ อยากจะให้ท่านดูสัก ครู่ค่ะ” หลิวลานเมิ่งพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“บริษัทซานหยวนกรุ๊ป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย จัดอยู่อันดับ ไหนของเมืองเจียงเฉิงหรอครับ? ”
“เอิ่มคือ……อันดับค่อนข้างจะอยู่รั้งท้ายค่ะ แต่มีศักยภาพมาก เลยนะคะ ดิฉันคิดว่า…….
เสียงยังพูดไม่ทันจบ เฝิงกางก็พูดด้วยความไม่พอใจขึ้นมา ว่า คราวหน้าคราวหลัง อย่าแนะนำบริษัทรั้งท้ายแบบนี้มาให้ผม อีกนะ บริษัทซานหยวนกรุ๊ป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย บริษัทขยะ อะไรเนี่ย คราวหลังบริษัทในเมืองเจียงเฉิงที่ไม่ได้อยู่หนึ่งในสอบ มาติดต่อ ก็ขวางไว้ให้ฉันหมดเลยนะ”
“ค่ะ”
สุดท้ายทําอะไรไม่ได้ หลิวลานเพิ่งวางสายลง แล้วมองไปยัง อินซิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ ขอโทษนะ ฉัน………
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันได้ยินหมดแล้ว”
ถึงอิ่นซินจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วยังคงรู้สึกผิด หวังเล็กน้อย
เธอก็คิดว่าจะสามารถคว้าโอกาสได้ คิดไม่ถึงว่าจะทำไม่ได้ อยู่ดี กระทั่งอยากพบกับประธานของบริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ปสักครั้งก็ ไม่สามารถทำได้ ทั้งสองปรึกษาพูดคุยกันสักพัก อินซินก็เดินจาก ไปพร้อมกับใบหน้าอันเศร้าสร้อย เข้าทางหลิวลานเมิ่งไม่ได้ ถ้า อย่างงั้นเธอก็ไม่มีวิธีไหนแล้ว เธออับจนหนทางคิดหาวิธีแก้ไข อะไรไม่ออกแล้ว และครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ครั้งนี้มีความ เกี่ยวข้องกับตำแหน่งประธาน
อีกทั้งขอแค่ล้มเหลวทำไม่สำเร็จ ผลสรุปสุดท้าย ไม่ใช่สิ่งที่ เธอจะรับมือไหวได้
โดยเฉพาะ กําจัดเธอออกจากตระกูล
พ่อของเธอ ได้เป็นบ้าแน่!
หลิวลานเพิ่งรู้สึกโกรธมาก เธอไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อน สนิทได้ ในใจยังคงรู้สึกไม่มีความสุข แต่ตอนที่อยู่หน้าประตูของ บริษัทนั้น เธอพบคนคนหนึ่ง
“ฉินเฟิงหรอ?
หลิวลานเพิ่งมองไปที่ประตู ฉันเพิ่งที่กำลังจะเดินเข้าไปใน บริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป จึงได้เรียกเขาไว้ทันที ในสายตาเต็มไปด้วย ความดูถูกดูแคลน
“คุณคือ?
ฉินเฟิงกำลังจะเดินขึ้นไปบนตึก จึงหยุดชะงักลง
“เพื่อนสนิทของอินซิน เป็นเพื่อนรักกัน ฉันชื่อหลิวลานเพิ่งเป็นคนที่โตมากับอินซิน เรื่องของคุณกับอินซิน ฉันก็มีสิทธิ์พูด เหมือนกัน ฉันไม่อนุญาตเรื่องของพวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้า นี้ คุณในตอนนี้ ยังมีหน้าอยู่กับอินซินอีกหรอ?”
หลิวลานเพิ่งยิ่งพูดยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้ อินซินเล่าเรื่องของฉันเพิ่งให้เธอฟังแล้ว แต่ความ รู้สึกไม่พอใจของเธอ เธอรู้สึกว่าฉันเพิ่งคือคนหลอกลวง เป็น อันธพาล กลับมาคราวนี้ก็เพื่ออยู่ไปวันๆ ไม่เหมาะที่จะอยู่เคียง ช้างอินซินเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่ชอบฉินเฟิง ตั้งแต่เจ็ดปีที่แล้ว
คิดไม่ถึงว่า วันนี้จะได้พบกันอีกครั้ง
“ดูท่าทางของคุณสิ คุณคงจะมาหางานใช่ไหมล่ะ อ่อ ใช่แล้ว คุณกับพ่อของอินซิน มีนัดกันใช่ไหมล่ะว่าภายในครึ่งปี จะเก็บ เงินให้ได้สองล้าน แต่ดูสิ ตอนนี้บริษัท กำลังรับสมัครแค่รปภ. คุณน่าจะมาขอสมัครเป็นรปภ.รักษาความปลอดภัยใช่ไหมล่ะ ถูกไหม?”
“อ่อ ใช่แล้ว ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ ได้ยินอินซินของฉันเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนคุณไปเกณฑ์ทหารแล้ว ตอนนี้ปลดประจำการมา ประวัติ ยังมีอยู่ แต่ก็เป็นได้แค่รปภ.แหละนะ คุณน่าจะได้ยินมาว่า บริษัท เฟิงซิ่งกรุ๊ปย้ายมาจากจิงตู อย่างไรเสียก็เป็นบริษัทใหญ่ เงิน เดือนของรปภ.รักษาความปลอดภัยก็สูงกว่าที่อื่นอยู่มาก
“ใช่ เงินเดือนสูงกว่านิดหน่อย แต่วันนี้ฉันอยู่ อย่าหวังว่านาย จะสมัครงานสำเร็จเลย
หลวลานเมิ่งมองประเมินฉินเฟิง ท่าทางดูเป็นคนแต่นิสัยสุนัข ทำไมทำให้คนอื่นรู้สึกสะอิดสะเอียนได้ขนาดนี้กันนะ ถ้าพูดว่า เรื่องเมื่อก่อนอย่าถือสา เธอสามารถช่างมันได้ แต่ตอนนี้ฉันเพิ่ง เป็นคนจนๆคนหนึ่ง
คนจนคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรไปอยู่เคียงข้างกับอินซิน
มีสิทธิ์อะไรกัน!
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เธอจะไม่มีวันยอมให้ฉันเพิ่งได้อยู่กับอื่น นอีกครั้งแน่
ยังอยากจะเป็นรปภ.รักษาความปลอดภัยที่บริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ป อีก ไม่มีทาง!
ตอนนี้เอง หลิวลานเพิ่งมองไปยังห้องของรปภ.รักษาความ ปลอดภัย พูดไปทางนั้นว่า “พี่หวังคะ ขวางหมอนี้ไว้ให้หน่อยค่ะ ฉันสงสัยว่าหมอนี้ จะเป็นหนอนบ่อนไส้ที่บริษัทคู่แข่งส่งเข้ามา สืบค่ะ”
“อะไรนะครับ หนอนบ่อนไส้
รปภ.รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ประมาณสิบ กว่าคน หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างใหญ่ นั่นก็คือหัวหน้า รักษาความปลอดภัย พี่หวังที่หลิวลานเพิ่งเรียกนั่นเอง
“พี่หวัง ไอ้หมอนี้ วางแผนจะเข้ามาสมัครเป็นรูปภ.บริษัทของ พวกเรา หลังจากนั้นก็จะขโมยข้อมูลของบริษัทเราไปค่ะ” หลิวลานเมิ่งชี้ไปยังฉินเฟิง
ไอ้หมอนี่ ช่างนัก แต่ นี้อยู่ใต้หมดหวังเต่ฉัน แหละ
หวังเถดึงไม้กระบองออกแยกเขี้ยวออกมา เห็นได้ถึงความ
แต่ความจริงเขาเข้าใจหมดทุกอย่างเกิดอะไรตรงนั้นมองเห็นทุกลานเมิ่งเกิดมาเพื่อเป็นดอกไม้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทซึ่งกรุ๊ป เป็นถูก
พี่หวัง ฝากพี่หน่อยนะคะ ฉันไปก่อนล่ะ
หลิวลานไม่ชอบการต่อสู้ จึงเดินไปด้านในทันที
แต่ เธอดี ว่าฉันเฟิงไม่ตายหรอก อย่างมากที่สุดก็แค่ร่างกาย เขียวช้ำ รปภพวกนี้ลงมือความหนักเบา ถือซะว่าช่วยอินซินสอนไอ้
“หึไอ้หนุ่ม
หวังเถโบกมือ ทันใดก็รปภหลายคนเข้าล้อมเฟิง มา พูดเขี้ยว“วันนี้ แกโชคร้ายจริงไปคนยุ่งด้วย แกว่ามาอยากแขนหักข้างไหน”
ไว้ ล้อมไม่มีลมพัดผ่านมาได้ หลังจากก็แกว่งกระบอง
ยืมดอกไม้ถวายพระ ดุดันมาอีกหน่อย ไอ้หมอนี้มือเดียว ยิ่งกว่าไม่ใช่
แต่ เวลานี้ ฉินเฟิงได้หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร”ฉันอยู่ข้างล่าง ถูกรปภ.ขวางไว้ ยังบอกว่าจะหักแขนฉันข้างหนึ่งด้วย
พอหลังจากที่วางสายแล้ว หวังเก็หัวเราะออกมา “ไอ้หนุ่ม แก เรียก ใครอย่างงั้นหรอห้ะ! ห้าๆ ให้ตายเถอะชะมัด แกรู้ไหม ว่าบริษัทเราคือบริษัทอะไร บริษัทเฟิงซึ่งกรุ๊ปเซียวนะเฟีย เป็น บริษัทที่มาจากจิงตู เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่มีใครกล้าแหยม แค่ แกเรียกคน ก็ต้องมีคนกล้ามาว่ะ! ห้าๆ…….
บริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จริงๆนั่นแหละ
จนกระทั่ง มีคนคนหนึ่งออกมาจากประตู
“ท่านประธาน
หวังเก่กับรูปภ.คนอื่นๆ มองเห็นคนคนนั้น นั่นก็คือเชิงกาง จึง รีบหุบยิ้ม ดูกดดันขึ้นมาทันที
หลังจากนั้น ก็เห็นเชิงที่สวมชุดสูททั้งตัว เรียบๆร้อยๆ ทําความเคารพกับฉันเพิ่งอย่างไม่รีรอ โค้งทำความเคารพ ทะ ……………..ท่านประธานกรรมการ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ