เทพมารตกสวรรค์

บทที่ 3 สำนักเจ็ดพิฆาต โต้จวิน



บทที่ 3 สำนักเจ็ดพิฆาต โต้จวิน

บทที่ 3 สํานักเจ็ดพิฆาต โต้จวิน

คำพูดของฟางเหยียน ทำให้ใบหน้าของลู่หย่องถึงดำลง ฟางเห ยียนก็แค่ทหารคนหนึ่ง ไม่คิดว่าจะกล้าเหยียดหยามเขาขนาดนี้

เขาชี้หน้าฟางเหยียนด้วยความโมโห พลางตวาด: คนไร้ความ สามารถที่เกาะผู้หญิงกินอย่างแก ฉันไว้หน้าแกมากไปใช่ไหม อย่าทำเป็นดีด้วยแล้วไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง ได้เงินแล้ว ก็รีบ ไสหัวไปซะ!”

ฟางเหยียนยืนขึ้นอย่างช้า ๆ จ้องมองตาของลู่หย่องถิง ถ้าเป็น อยู่ที่สนามรบล่ะก็ มันคงกลายเป็นศพไปแล้ว

“ทำไม แกอยากต่อยกับฉันหรือไง?”

“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย นายไม่คู่ควรกับเย่ชิงหยู” ฟางเหยีย นพูดทีละคำละคำ

เมื่อเย่ชิงหยู่เห็นฟางเหยียนทำเช่นนั้น ในใจของเธอพลันรู้สึก อบอุ่นขึ้นมา

เธอรีบเดินออกไปพลางกล่าว: “ลู่หย่องถึง!”
ไล่หย่องถิง คุณกลับไปเถอะ” เย่ชิงหยู่กล่าวอย่างเย็นชา

คำพูดเหล่านี้ทำให้ลู่หย่องถึงงงงันไปชั่วขณะ เขากล่าวออกมา ด้วยความประหลาดใจ: “ชิงหยู่ เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่

“ฉันรู้ ลู่หย่องถึง ฉันเคยบอกกับคุณ เขาเป็นผู้ชายของฉัน ตอน นี้เขากลับมาแล้ว คุณควรที่จะตายใจได้แล้ว!

“ไม่ใช่ ชิงหยู่ เธอจะทำอะไร? ฟางเหยียนก็แค่ทหารคนหนึ่ง จะ เทียบกับพี่หย่องถึงได้ยังไง”

“พอแล้ว เฉินหย่า เธอก็กลับไปเถอะ!” เย่ชิงหยู่กล่าวอย่างไม่ พอใจ

เฉินหย่าพูดไม่ออกทันที

ลู่หย่องถึงพยักหน้าซ้ำๆ ด้วยความโมโห เขากล่าวกับเย่ชิงหยู่: “ได้ เย่ชิงหยู่ ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

“แกก็เหมือนกัน ฟางเหยียน!” ลู่หย่องถึงโมโหพลางสะบัด แขวนเสื้อ แล้วเดินก้าวใหญ่ ๆ ออกไป

เฉินหย่าเห็นลู่หย่องถึงเดินออกไปแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงคนตระกูลเย่ เธอจ้องมองฟางเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นจึงวิ่งออกไป

“ฟางเหยียน นายรู้ไหมว่าเมื่อกี้นายทำอะไรลงไป? นายรู้ไหม ว่าเถ้าแก่ลู่สำคัญกับพวกเรามากแค่ไหน ถ้าหากไม่มีเขาคอยช่วย เหลือ บริษัทของตระกูลเราก็คงแย่ไปแล้ว” ในที่สุดจางซื่อตงก็ ตะคอกออกมาอย่างเหลืออด

หลังจากที่ตระกูลเย่เกิดเรื่อง ตระกูลจางก็ต้องเผชิญกับปัญหา ทางการเงินมากมาย พวกเขาต้องการที่จะร่วมมือกับบริษัทของ หย่องถิง เพื่อประคับประคองสถานการณ์ของบริษัท ดังนั้นจึงได้ คิดวิธีนี้ขึ้นมา

“ผมบอกแล้ว เขาไม่คู่ควรกับเย่ชิงหยู่ เรื่องบริษัท ผมจัดการได้! ฟางเหยียนพูดอย่างไม่ร้อนไม่หนาวเช่นเคย

“นายจะจัดการเอง?” จางซื่อตงไม่สบอารมณ์กล่าว “นายก็พู ดง่ายน่ะสิ นายมีเงินเหรอ?”

“ในตัวผมไม่มีเงิน!”

“ไม่มีเงินแล้วนายจะช่วยยังไง
“ถ้าหากหวงหยวนฉาวยินดีที่จะลงทุนกับบริษัทของคุณ จะมี ประโยชน์มากกว่าลู่หย่องถึงไหม?” ฟางเหยียนถามอย่าเรียบ ๆ

จางซื่อตงตะลึง หวงหยวนฉาวเป็นใคร? เศรษฐีอันดับหนึ่งของ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ มีทรัพย์สมบัติเป็นหมื่นล้าน ถ้าหากเขา ยอมลงทุนด้วย จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เมื่อ เร็ว ๆ นี้หวงหยวนฉาวต้องการที่จะลงทุนที่เมืองจินโจว แต่ทว่า การประชุมการลงทุนที่ใหญ่ขนาดนั้น บริษัทของเขาไม่มีแม้แต่ โอกาสที่จะเข้าไป

อย่าว่าแต่บริษัทของเขาเลย ต่อให้เทียนสงกรุ๊ปยังอยู่ เกรงว่าก็ คงไม่ได้อยู่ในสายตาของหวงหยวนฉาว

ฟางเหยียนพ่อหนุ่มคนนี้ ก็แค่ทหาร เขาสามารถรู้จักกับคนแบบ หวงหยวนฉาว?

“ชิงหยู่ นี่น่ะเหรอผู้ชายของเธอ ไม่ประสบความสำเร็จใด ๆ ทั้ง ยังขี้โม้โอ้อวดอึก เรื่องของเธอ ฉันไม่อยากจะยุ่งแล้ว เธอรอคุณ ตาของเธอมาคุยด้วยแล้วกัน ตัวซวยจริงๆ” พูดจบ จางซื่อตงก็เดิน จากไปอย่างโมโห

จางเจียวเจียวกำลังจะต่อว่าฟางเหยียน กลับโดนเย่ชิงหยู่

ขัดจังหวะ
“ฟางเหยียน คุณมากับฉัน ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ”

เย่ชิงหยู่พาฟางเหยียนขึ้นไปที่ชั้นสอง ห้องของเธอเอง

เธอมองฟางเหยียน ถึงแม้ในใจจะรู้สึกซาบซึ้ง แต่ทว่าครึ่งปีมา นี้ เธอได้เผชิญกับปัญหามากมาย รอคอยฟางเหยียนอย่างใจจด ใจจ่อ จึงค่อย ๆ กลายเป็นความแค้น เธอแค้นที่ฟางเหยียนไม่ ปรากฏตัวออกมาในเวลาที่เธอต้องการเขา

หลังจากไตร่ตรองได้สักพัก เธอก็กล่าวอย่างเย็นชา: “ฟางเห ยียน อย่าคิดนะว่าเมื่อสักครู่นี้ฉันช่วยคุณ ฉันก็แค่ไม่ชอบลู่หย่อง ถึง แล้วก็อย่าคิดว่าฉันจะขอบคุณ

“ผมรู้!” ฟางเหยียนตอบเบา ๆ

เมื่อเห็นการแสดงออกที่เฉยเมยของฟางเหยียน เย่ชิงหยู่รู้สึก ไม่พอใจเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้แสดงมันออกมา แค่กล่าวต่อไป “ระยะนี้คุณอยู่ที่นี่ก่อนได้ แต่ห้ามพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด และห้าม ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ตระกูลเยู่ในตอนนี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่ผ่านมา อีกแล้ว”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ฟางเหยียนรู้สึกเจ็บแปลบในทรวงอกไปชั่ว ขณะ จะต้องจนปัญญาขนาดไหนถึงจะพูดออกมาได้
“ได้ ผมรู้แล้ว” ฟางเหยียนตอบง่าย ๆ แต่ในใจของเขากำลังพูด ว่า เธอวางใจเถอะ ตระกูลเย่จะต้องแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนแน่ ตระ กูลเย่จะต้องกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองจินโจว และเธอ จะได้เป็นผู้นำตระกูลบ้านตระกูลเ

เย่ซิงหยู่เลิกคิ้วเล็กน้อย: “ยังมีอีก ต่อไปอย่าขี้โม้โอ้อวดอีก ฉันรู้ ว่าคุณอยากได้หน้า แต่ฉันไม่ชอบคนขี้โม้โอ้อวด”

ฟางเหยียนชะงักไปชั่วขณะ เขาอยากจะบอกว่าตัวเองไม่ได้โม้ แต่คิดแล้วคิดอีกก็เลยปล่อยไป ทำได้เพียงพยักหน้ารับปาก เวลา เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด!

“ใช่แล้ว!” ฟางเหยียนพลันนึกอะไรขึ้นมาได้: “ต่อไปถ้าหากวัน ใดเธอได้เจอกับคนที่ชอบ และเขาก็คู่ควรกับเธอแล้ว ฉันก็จะไป

ทรวงอกของเย่ชิงหยู่เจ็บแปลบไปชั่วขณะ เธอจ้องมองฟางเห ยียน แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ: “ฉันรู้อยู่แล้วน่า

“คืนนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยง อีกสักพักคุณไปกับฉันนะ!” “ได้!” ฟางเหยียนสะดุ้งตอบสั้นๆ
ตอนค่ำ ในงานเลี้ยงของเย่ชิงอยู่

“คิดไม่ถึงว่าห้าปีผ่านไป พวกเรายังมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง ไม่ ง่ายเลย ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ” คนที่พูดคือเหลียงเซ่าชงจากเหลียง ชื่อกรุ๊ป

เหลียงชื่อกรุ๊ปถือว่าเป็นบริษัทที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมืองจิน โจว ทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยล้าน

“ใช่ ทุกคนไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก มีแค่เพียงคุณหนูเย่ของเรา ฐานะทางครอบครัวตกต่ำ พ่อตาย ธุรกิจของครอบครัวไม่เหลือ ในกลุ่มของพวกเราที่อยู่ที่นี่ มีใครบ้างที่มีทรัพย์สินไม่ถึงสิบล้าน ร้อยล้าน

เสิ่นจื่อเจี๋ยคุณชายคนที่สามของเสิ่นซื่อกรุ๊ปหัวเราะเยาะมองเย่ ชิงหยู่ที่นั่งอยู่มุมหนึ่ง

คำพูดเหล่านี้ทำให้เย่ซิงหยู่โมโหหน้าดำหน้าแดง เมื่อตกต่ำทุก คนก็ซ้ำเติม! เมื่อก่อนตอนที่ตระกูลเย่ยังไม่ตกต่ำ เสิ่นจื่อเจี๋ยเป็น ลูกสมุนหลัก ๆ เรียกเธอคุณหนูอย่างนั้นอย่างนี้ ยังกับเป็นหลาน แท้ ๆ ของเธอ

แต่ทว่าในตอนนี้ เขากลับเป็นคนที่หัวเราะเยาะเธอเป็นคนแรก
ตู้หมิงล่างโบกมือพลางกล่าว: “จื่อเจี๋ยนายพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ใครบ้างที่จะไม่เคยตกต่า บางครั้งการได้รับโอกาสแบบนี้ อาจจะ เป็นเรื่องที่ดีต่อเราก็ได้ จริง ๆ แล้วฉันยังรู้สึกอิจฉาคุณหนูเย่เลย อย่างน้อยเธอก็ได้ลิ้มรสชาติ ขึ้น ๆ ลง ๆ ของชีวิต

“ฮ่าๆๆ!”

คำพูดของตู้หมิงล่างทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหัวเราะเสียงดังขึ้น

มา

คําพูดเยาะเย้ยของคนเหล่านั้น ทำให้เย่ชิงหยู่ดูไม่เป็นธรรมชาติ อย่างมาก ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของฟางเหยียน เขาเอามือ ของตัวเองไปจับมือเย่ชิงหยูอย่างเงียบ ๆ พลางกระซิบเบา ๆ ที่ ของเธอว่า: “ไม่เป็นไร มีฉันอยู่ทั้งคน

ถ้อยคําสั้น ๆ ราวกับเย่ชิงหยู่ได้กินยาที่ทําให้จิตใจสงบ เธอพลัน รู้สึกว่ามือใหญ่ๆ นั่นทำให้ปลอดภัย และสามารถให้เธอหลบซ่อน ตัวได้

ตู้หมิงล่างเป็นบุตรชายของตู้เทียนหัวที่ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ อันดับสองของเมืองจินโจว ได้เข้าร่วมกับกองทัพพร้อม ๆ กับฟาง เหยียนเมื่อห้าปีก่อน หลังจากปลดประจําการจากกองทัพ ภายใต้ การช่วยเหลือจากตระกูล ทำให้เขาสามารถรักษาตำแหน่งพัน เอกในเขตเมืองจินโจวไว้ได้
ในเวลานี้เล่นจ้อเจียพูดกับตู้หมิงล่างอย่างประจบประแจง: “คุณชาย ได้ยินมาว่าตอนนี้ท่านได้เป็นถึงพันเอกกองทหารเขต จินโจวใช่ไหม?”

ตู้หมิงล่างพูดอย่างหน้าไม่อาย: ใช่ คนข้างบนจะให้ฉันนั่ง ตำแหน่งพลตรี แต่ฉันอายุยังน้อย ก็เลยปฏิเสธไป อีกอย่าง ตำแหน่งยิ่งสูงหน้าที่รับผิดชอบยิ่งเยอะ ตำแหน่งพันเอกนี่ก็เป็น แค่งานสบายๆ ”

เจิ่นจื่อเจียยกนิ้วให้ พร้อมกล่าวชมเฉย: “อย่างคุณชายถึง ถือว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ไม่ต้องพึ่งพาวงศ์ ตระกูลก็สามารถนั่งตำแหน่งพันเอกเขตได้ ท่านเป็นแบบอย่างที่ ดีของคนรุ่นเราจริงๆ ผมดื่มให้ท่านแก้วหนึ่ง

คนทั้งหมดล้วนยกนิ้วให้กับตู้หมิงล่าง!

“เอ๊ะ! ใช่แล้ว ผมจำได้ว่าฟางเหยียนคู่หมั้นของคุณหนูเย่ก็เข้า ร่วมกองทัพพร้อมกันกับผมนี่ ไม่รู้ว่าตอนนี้เลื่อนขั้นไปตำแหน่ง ไหนแล้ว” ตู้หมิงล่างตั้งใจมองฟางเหยียนด้วยลักษณะท่าทาง มั่นใจพลางถาม

เพียงครู่เดียว ทุกสายตาก็จ้องมองไปที่ฟางเหยียน

ภายใต้สายตาที่ร้อนแรงเหล่านี้ เย่ชิงหยู่อยากจะหนีไปจากที่นี่ ทันที ขายหน้าจริง ๆ
แต่ทว่าทางเหยียนได้จับมือของแม่ซึ่งอยู่ไว้แน่น เขาพูดอย่าง ใจเย็น “นักเจ็บหนาดโผน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ