อดีตสามี อย่ามาจีบฉันแล้ว

บทที่ 13 เราคบกันเถอะ



บทที่ 13 เราคบกันเถอะ

บทที่ 13 เราคบกันเถอะ

วินาทีได้ยินเสียง หมี่โยวตกตะลึงอย่างมาก หรือ เมืองNมันเล็กไป หรือว่าเธอและหนานกงห้าวฉีมีวาสนา ต่อกัน! แต่ได้เห็นผู้ชายคนนั้นที่อยู่ด้านหลังเธอ ในใจ ของหมีโยวแอบดีใจนิดๆขึ้นมาทันที

หลี่เสี่ยวหวั่นหันตัวไปดู มองอย่างไม่อยากจะเชื่อกับการ โผล่มากะทันหันของหนานกงห้าวฉี และเฉินโม่ห้าน ก็ตก ตะลึงเหมือนกัน: “ประธานบริษัทตระกูลหนานกง…..”

ไม่สนใจความตกตะลึงของเขาสองคนนั่นที่อยู่ข้างๆเลย หนานกงห้าวฉีเดินเข้าไปเคารพทักทายกับพ่อแม่ของหม โยวอย่างมีมารยาท: “สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า ผมเป็น แฟนของหมีโยว ชื่อหนานกงห้าวฉีครับ ที่ทํางานมีธุระนิด หน่อย มาสายหน่อย”

คุณแม่หมี่ลุกขึ้นยืน แล้วมองดูตัวของหนานกงห้าว ฉี สายตาเต็มไปด้วยความชมเชย ผู้ชายคนนี้รูปร่างสูง หน้าตาดี ทั่วร่างกายมีสง่าราศีเหมือนคนมีฐานะ ที่คนไม่ สามารถมองข้ามได้

“สวัสดี ฉันคือแม่ของเสี่ยวหมี่ รีบมานั่งสิ พวกเราก็เพิ่ง ถึง” คุณแม่หมี่พูดด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
หนานกงห้าวฉีตอบรับด้วยการพยักหน้าอย่างมีมารยาท หลังจากนั้นก็มองไปที่สองคนนั้นที่น่ารำคาญ สีหน้าจึง เปลี่ยนเป็นเย็นชา: “ยังมีเรื่องอะไรเหรอ?”

หลี่เสี่ยวหวั่นสีหน้าเกรงๆ มองหน้าหมี่โยวอย่างไม่พอใจ

จึงฝืนยิ้มแล้วพูดว่า: “หมี่โยว เรายังมีธุระที่อื่นขอตัวกลับ

ก่อนนะ วันหลังมีเวลาค่อยนัดทานข้าวกันอีก” เห็นหน้าที่เสแสร้งของเธอ หมีโยวแอบโล่งอกไปหน่อย

แต่เรื่องต่อไป ควรจะโกหกต่อไปไหม?

“พ่อหนุ่ม คุณเป็นแฟนเสี่ยวหมี่ลูกสาวเราจริงๆหรือ? แล้วก็เสี่ยวหมี่ ผู้ชายคนเมื่อกี้…” คุณแม่หมี่ถามคำถามที่ สงสัยในใจออกมา

มองดูหน้าของแม่ หมี่โยวไม่กล้าที่จะบอกความจริงแก่ พวกเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเค้าไม่อยากให้เธอถูก ทําร้ายจิตใจแม้แต่น้อย “แม่ นั่นมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ เขาเป็นแฟนหนู” หมี่โยวพูดและมองหน้าหนานกง

ห้าวฉี

ได้ยินคำพูดของเธอ มุมปากของหนานกงยิ้มเป็นเสี้ยว แล้วเป็นกลับมาปกติ: “ผมกับหมี่โยวเรารักกันตั้งแต่แรกพบ”
ได้ยินแล้ว คุณแม่หมี่โล่งอกไปที และยิ้มกล่าว: “งั้นก็ดี ห้าวฉีใช่ไหม? เมื่อกี้ได้ยินว่าคุณเป็นประธานบริษัท? งั้น คุณคือเจ้าของบริษัทเหรอ?”

สีหน้าปกติ หนานกงห้าวฉีตอบอย่างนิ่งๆ: “ครับ ผมมี บริษัทหนึ่ง ถือว่าหารายได้นิดหน่อย สามารถหาเลี้ยง ครอบครัวได้ คุณป้าวางใจได้ครับ”

รายได้เล็กน้อย….. มุมปากของหมี่โยวชักขึ้นมาทีนึง ตระกูลหนานกงเป็นตระกูลใหญ่โตแห่งเมืองN ยังจะราย ได้เล็กน้อย…..

“แม่คะเราทางข้างกันก่อนเถอะ กินเสร็จแล้ว หนูพาท่าน ทั้งสองไปเดินทั่วๆ” หมี่โยวไม่อยากให้พ่อแม่รู้เยอะเกิน ไป รีบๆขัดจังหวะ

คุณพ่อหมี่พยักหน้า พูดอย่างอ่อนโยน: “ใช่สิ เสี่ยวหมี่ดู เหมือนจะหิวมากแล้ว เรากินข้าวก่อนเถอะ”

ต่อไป ก็คือเวลาทานข้าว แสดงก็ต้องให้เต็มบทบาท หนานกงห้าวฉีได้ตักกับข้าวให้หมี่โยวตลอดเวลา พ่อ แม่ของหมี่โยวดูแล้วรู้สึกอุ่นใจมาก ส่วนหมี่โยวก็ได้แต่ หัวเราะแบบโง่ๆ ไม่พูดจา

ในที่สุดก็รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย หมี่โยวรีบๆ จะหาทางให้เขาออกจากที่นั่น “หนานกง……ห้าวฉี คุณยังงานที่ต้องจัดการอีกไม่ใช่เหรอ ตรงนี้มีฉันก็พอแล้ว รีบ ไปทํางานเถอะ”

เขาเข้าใจความหมายของเธอดี หนานกงห้าวฉีตอบกลับ ด้วยความเอาใจใส่: “งานในที่บริษัทจัดการเมื่อไหร่ก็ได้ คุณลุงกับคุณป้านานๆมาครั้ง อยู่คุยกับท่านทั้งสองนานๆ ดีกว่า”

ได้ยินคำพูดที่อุ่นใจอย่างนี้ คุณแม่หมี่ดีใจจนน้ำตาจะ ไหล พูดด้วยความชมเชย: “เสี่ยวฉีเป็นคนที่มีมารยาท มาก เสี่ยวหมี่ เข้าใจดูคนดีนิ เป็นเด็กดีที่เอาใจคนเก่ง ป้า ถูกใจคุณนะ! ตั้งแต่เด็กจนโต ป่าตามใจเสี่ยวหมี่มากไป อาจจะไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่ คุณก็คอยให้อภัยกันนะ”

หางเสียงยังไม่ทันจบ หมี่โยวก็พูดขึ้นมาด้วยความออด อ้อน: “แม่ มีคนไหนที่ว่าลูกสาวตัวเองแบบนี้อ่า

คุณพ่อหมี่เอามือลูบหัวเธอและมองเธอด้วยความรัก: “ดูสิ โตป่านนี้แล้วยังอ้อนอยู่เลย เป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต จริงๆ”

แล้วหมี่โยวก็ไปกอดแขนของพ่อ ดึงไปดึงมา และพูดจา อ่อนหวาน: “ต่อหน้าพ่อแม่ หนูก็จะเป็นลูกตัวน้อยของ พวกท่านเสมอตลอดไปนะ”

ได้ยินเช่นนั้นแล้ว คุณพ่อหมี่และคุณแม่หมี่ยิ้มและมองหน้ากัน ในสายตาเต็มไปด้วยความรักที่แท้จริงที่มีให้กับ หมี่โยว เห็นหมี่โยวอ้อนพ่อแม่และยิ้มแย้มอย่างอ่อนหวาน สายตาของหนานกงห้าวฉือยู่ไม่เป็นที่

กลับถึงบ้านทั้งครอบครัวแล้ว หมี่โยวและหนานกงห้าวฉี ยืนที่หน้าประตูเพื่อบอกลากัน หมี่โยวคำนับขอบคุณเขา และพูดอย่างจริงใจว่า: “คุณชายหนานกง วันนี้ขอบคุณ คุณมากนะที่ช่วยฉันแก้ปัญหา ถ้าไม่อย่างนั้น..……

หนานกงห้าวฉียกมือไปจับที่เส้นผมเธอ เขายิ้มออกมา: “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น ไม่รู้สึกว่าเราสองคนมีวาสนาต่อ กันเหรอ?”

เธอและเขา จะบังเอิญเจอกันทุกครั้งโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

หมี่โยวหัวเราะตอบ: “ใช่มีวาสนาต่อกันมาก คุณเป็นคน

ดี” เห็นท่าทางที่เขาทำ หมี่โยวแก้มแดงเลย

อดใจไม่ไหวจึงหยิกแก้มเธอทีหนึ่ง หนานกงห้าวฉีก้มตัว ลงมา มองตาเธอด้วยความเสน่ห์หา: “ถ้าผมพูดว่า เราคบ กันเถอะ คุณคิดจะลองดูไหม?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ