หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม

ตอนที่1



ตอนที่1

#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม

การเรียนวันแรกไม่ได้มีอะไรมากนัก ส่วนใหญ่ทุกวิชาจะเน้น ให้นักศึกษาได้แนะนำตัวเพื่อที่เพื่อนในห้องจะได้คุ้นชินและสร้าง สัมพันธ์ที่ดีต่อกันแต่แน่นอนว่าในหนึ่งห้องก็มักจะมีคนที่ได้รับ ความสนใจมากกว่าคนอื่นเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลนั้นก็คงจะ หนีไม่พ้นเจ้าของใบหน้าดูดีที่เป็นจุดสนใจทั้งเพื่อนชายและเพื่อน หญิงในห้อง คนยิ้มแค่พอเป็นพิธีหลังจากแนะนำตัว รับรู้ถึง สายตาหลายคู่ที่คอยจับจ้องตลอดการนั่งเรียนแต่ถึงอย่างนั้นเขา กลับไม่ได้ต้องการจะมีเพื่อนเพิ่มหรืออะไร เพราะสำหรับในการมี เพื่อนที่สนิทและไว้ใจเพียงคนเดียวมันดีเสียมากกว่า

“ตอนเย็นคนต้องเข้าไปพบโค๊ทของทีมว่ายน้ำหรอ” เสียงถาม จากคนตัวเล็กข้างกายดังและคนหันมอง

“อั้ม” ก่อนครางรับและพยักหน้าให้

“งั้นที่ว่าจะไปดูหนังด้วยกันไว้วันหลังก็ได้เนอะ

“ได้ดิ เดี๋ยวว่างวันไหนแล้วจะบอกนะ…ว่าแต่ ธารคิดไว้ยังว่า จะเข้าชมรมอะไร” เป็นเพราะถ้าผ่านการคัดตัวและได้ร่วมทีม นก็จะต้องเข้าชมรมว่ายน้ำโดยอัตโนมัติดังนั้น ในตอนนี้ถึงได้ เป็นห่วงเพื่อนสนิทว่าจะอยู่ชมรมไหน แต่คุยไปก็ต้องเนียนนั่งฟัง ที่อาจารย์พูดไปโดยที่สายตาก็มองหน้าห้องแต่หูนี่สนใจฟังแต่ เสียงของธาร
“ไม่แน่ใจ แต่อยากเข้าชมรมถ่ายรูปนะ…คงจะเท่

“ก็ดีนะ จะได้เอามาถ่ายรูปเราตอนแข่งว่ายน้ำไง…อีกอย่าง ธารมีเลนส์กล้องสวยๆตั้งเยอะ” ประโยคตามประสาคนรวยคุย กัน โดยที่ขนาดเพื่อนร่วมห้องที่บ้านมีฐานะยังอดจะให้ความ สนใจไม่ได้ เอาเข้าจริงก็บ้านมีตังค์กันทุกคนเพราะคณะแพทย์ เป็นคณะที่ต้องใช้เงินลงทุน ในการเรียนสูง แต่นี่ยังเป็นคณะ แพทย์อินเตอร์อีกคงไม่ต้องถามถึงหรอกนะสำหรับเรื่องค่าใช้ จ่าย นั่งเรียนก็คุยกันอยู่สองคน พอเพื่อนคนอื่นชวนคุยคนก็จะ ตอบไปแค่พอเป็นพิธีจนในที่สุดเสียงซุบซิบจากคนต่อคนก็กลาย เป็นในหัวข้อที่ว่า ไอ้หน้าหล่อนั่นหยิ่งชะมัด หยิ่งเหมือนที่เด็ก คณะอื่นพูดเลย

“ขับรถดีๆหละ” ถึงเวลาเลิกเรียนคนเอ่ยลาเพื่อนตัวเล็กซึ่งธาร ก็หันมายิ้มให้ เก็บของช้านิดหน่อยเพราะในกระเป๋าของคนมีทั้ง ไอแพดและอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด จนในที่สุดก็เดิน สะพายกระเป๋าเป้ราคาแพงออกมาท่ามกลางสายตาสนใจจาก คนรอบข้างเหมือนอย่างเคย สระว่ายน้ำอยู่ไกลพอสมควรซึ่งแน่ นอนว่าคนไม่มีทางเดินไปอยู่แล้ว

ปีก ปิดประตูเข้ามานั่งในรถ เผลออดนึกไปถึงเหตุการณ์ เมื่อวานตอนเย็นไม่ได้

“วันนี้คงได้เจออีกแน่เลย” พิมพ์ขึ้นมากับตัวเอง กังวลนิด หน่อยเพราะท่าทางของอีกคนดูนักเลงและไร้มารยาทมากจนเขา ไม่อยากยุ่งด้วยแต่ก็เหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะยังไงก็คงอยู่ ชมรมเดียวกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าสระว่ายน้ำ มองผ่านออกไปนอกพบว่ามีชายหนุ่มใหญ่ที่กำลังเดินมาพร้อมกัน ตอนเห็นแล้วว่าเป็นใครเดิน อยู่ดังนั้นยังได้เปิดประตูลงจาก

“มองอะไรวะแต่เหมือนว่าอีกคนก็ยอมเดินไปซักแถมยืนจ้องของเขาจนในที่สุด

…ปีก… เป็นคนเปิดประตูแล้วเดินลงจากรถแล้วเดินผ่าน กลุ่มคนพวกนั้นไปเหมือนอีกฝ่ายไม่ตัวตน

ไม่ได้รับรู้เลยซักนิด

ว่าท่าแบบนี้ยิ่งทำให้โดนหมั่นไส้

“จะหยิ่งอะไรขณะที่ภูมองตามแผ่นหลังอีกคนไปลับ ท่าทางไม่สน โลกตามแบบฉบับไอ้พวกคนทำตัวเหมือนตัวเองอยู่ คนละกับพวกเขา มองรถยนต์คันสีขาวชนเขาไปเมื่อ วาน รถยนต์นั้นดูคินให้ความสนใจเสียกว่าของ เขาเสียอีก

“รถแม่งโคตรสวย กูเก็บเงินพอมันโอดครวญดังจากเพื่อนอีกและชักหน้า

“ไอ้รถนี่แหละที่ได้หรอวะ” เสียงจากภูดังขึ้นจน

เอาหน้าไอ้ ใจเย็นไว้ ยังไงถือซะว่าอยู่ทีมเดียวกันเนอะกูนับมันรวมทีมหรอก ใจนักกีฬามันยังไม่เลย กูหาทางบีบมันออกจากทีมเราให้ได้” ประโยคนี้จากฏทําเอาคน ฟังพากันกลืนน้ำลายเป็นแถบ ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการโดน กัปตันทีมหมายหัวว่าจะบีบให้ออกจากทีมแล้วหละสำหรับชีวิต ของนักกีฬาเนีย ในตอนนี้เดินตามกันเข้าไปภายในส่วนของ อาคารขนาดใหญ่ หลายคนนั่งรอพบโค๊ทที่พื้นริมสระน้ำในขณะ ที่ดินนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้เพียงคนเดียว

“พื้นมันไม่ได้สกปรกขนาดนั้น จึงลงมานั่งข้างล่างกับเพื่อนเขา ดีกว่ามั้ย?” เมื่อภูพูดประโยคนี้ไปคนละสายตาจากโทรศัพท์และ เงยมอง น้ำเสียงแบบนี้ของภูทเด็กคนอื่นพากันกลัวแทบหัวหด เพราะถ้าซ้อมเมื่อไหร่แล้วใช้เสียงนี้ก็คือหายนะ ในขณะที่ดินที่ มาใหม่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ยังดูลอยหน้าลอยตาสบายใจแต่เอาเข้า จริงแล้วคืนไม่ชอบกับการที่ไม่ได้สนิทกันแต่มาหยาบคายใส่ แบบนี้

“แล้วพี่จะนั่งพื้นหรือนั่งเก้าอี้หรอครับ?” เพราะงั้นอย่าหวังเลย ว่าจะได้รับการพูดคุยแบบดีๆด้วยจากคน

“กูก็ต้องนั่งเก้าอี้สิ ในเมื่อกูเป็นกัปตัน…กูต้องคุยกับลูกทีมก เมื่อภูพูดไปแบบนดินยิ้มนิดหน่อย

“กัปตันที่เข้าเส้นชัยช้ากว่าเด็กใหม่แบบผม?”

…หมับ!..

“ไอ้ภู!พอๆๆ เดี๋ยวโค้ทเข้ามาเจอก็เป็นเรื่องอีก” ถึงขั้นที่เพื่อน ต้องวิ่งกรูเข้ามาห้ามเอาไว้ก่อนที่จะเกิดการปะทะกันตรงนี้ แต่สุดท้ายคืนก็ลุกลงจากเก้าอี้แล้วนั่งลงบนพื้นกับคนอื่นแบบไม่ได้พูด อะไร สีหน้าไม่ได้มีแสดงอาการใด เรียบนิ่ง เฉยชาเหมือนอย่าง ปกติ ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาจากเด็กในทีมคนอื่น คนรับรู้ว่า หลายคนไม่ชอบหน้าของเขาแต่ก็เหมือนจะมีอีกหลายคนที่ดู อยากจะเป็นเพื่อนกัน นั่งรอกันซักพัก ในที่สุด โค๊ทของทีมก็เดิน เข้ามา

“ไง นี่มีเด็กใหม่ในทีมกี่คน ใครบ้าง…ยกมือให้โค้ทดูหน่อยสิ” น้ำเสียงทุ้มต่ำตามแบบฉบับผู้ชายวัยกลางคน คนยกมือพร้อม มองรอบข้างที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นเด็กใหม่ซึ่งนั่นรวมกับ เขาด้วย

“แนะนำตัวที แนะนำตัวกันทุกคนนั่นแหละ” มีเด็กอยู่เกือบ สามสิบคนและคนเป็นคนเกือบสุดท้ายที่แนะนำตัว

“ชื่อคืนครับ ผมเรียนแพทย์อินเตอร์” เมื่อจบประโยคนี้เสียง ร้องห้ยตามฉบับคนชื่นชมดังตามหลังมาเพราะคนก่อนหน้าที่ แนะนำตัวก็คืออยู่ในคณะที่มาด้านกีฬากันหมด มีคนที่แปลกมา คนเดียวแถมยังเรียนภาคอินเตอร์ที่เข้าถึงได้ยากมากเพราะคน พวกนี้คือมักจะคบกันอยู่แค่กลุ่มนั้น ไม่ค่อยได้มาสูงสิงกับเด็ก ภาพไทยปกติเพราะแค่ตึกเรียนคือก็แบ่งกันอยู่คนละโซนของ มหาลัยแล้ว แนะนำตัวกันเสร็จครบหมดก็ถึงคิวของคนสุดท้าย

“ภู วิทย์กีฬาปีสาม” แนะนำตัวเสร็จมีเสียงตบมือและรอยยิ้ม ต้อนรับจากคนในทีม คราวนี้ถึงคิวโค้ทพูดแล้ว

“ก็…อย่างที่ปกติทุกปีเราจะให้คนที่ทำคะแนนในรอบคัดตัวได้ดีที่สุดเป็นกัปตันทีม…แต่ว่าปีนี้มันผิดคาดนิดหน่อยเพราะว่าคน ชนะคือดิน…ก็คือเธอใช่มั้ย”

“ครับ” คนโดนถามอย่างคนรับคำ

“คือด้วยความที่อยู่ปีหนึ่งแล้วเข้าใหม่เองเนอะ โค้ทคิดว่าจะ ให้เป็นกัปตันทีมเลยคงยังไม่น่าไหว…อีกอย่างตอนนี้ข้อมือเจ็บ อยู่ด้วย ลงซ้อมปกติไม่ได้…จะเป็นอะไรมั้ยถ้าให้เป็นกัปตันทีม ต่อแล้วมีหน้าที่คุมตารางซ้อมของพวกเธอ โอเคมั้ยคิน?” สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ดินอย่างรอคำตอบ แต่คนตรงนี้ยิ้มนิด หน่อย

“ก็ได้ครับผมไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” พร้อมพูดประโยคนี้ ออกไปซึ่งนั่นเรียก ใบหน้าพึงพอใจจากคนเป็นโค๊ท ผ่านช่วงแรก ไปต่อไปก็ถึงเวลาที่คุยกันเรื่อยเปื่อย กินไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแค่นั่งฟังแล้วรอเวลากลับบ้านเท่านั้นแถมระหว่างนี้ยังต้อง พยายามหลบสายตาจากบางคนที่ต้องมาไม่หยุดจนเหมือนว่า แทบจะเข้ามาต่อยกันอยู่แล้ว

ไร้มารยาทมาก นิสัยเสีย ปากก็ไม่ดี พูดไม่เพราะ

คนไม่ชอบคนแบบนี้

“ไปกินข้าวกันหน่อยไหมเดี่ยว โค๊ทเลี้ยง จะได้สนิทกันไว้” คน อื่นจ่างเฮใหญ่ในขณะที่คนยกมือขึ้น

“เอ่อ มีธุระต่อครับ ผมไปไม่ได้”

“ทำไมหละ น่าเสียดายนะอยากให้ไปกันให้ครบ” แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มได้พูดอะไรต่อ

“ระดับเด็กอินเตอร์คงกินหรอกครับ…อย่างน้องเขาเข้าเป็นแต่แทรกขึ้นสายตาของจ้องกันอย่างเรียบนิ่ง ไม่ได้ มีใครจะยอมอ่อนข้อให้กันเลยซักนิด

ผมทานอาหารร้านริมทางได้ครับ แต่แค่วันนี้ไม่ว่างจริงๆ พอดีต้องกลับอ่านเรื่องจะเรียนพรุ่งไว้ล่วงหน้า คือคณะผม ค่อนข้างต้องเตรียมตัวก่อนเรียนเยอะมาก แล้ววิทย์กีฬานี่เขา อ่านกันเปิดทีม ทั้งสองงคน เอาเข้าจริงคนวิทย์กีฬามากเพราะเด็ก ใหญ่คือด้านกีฬาสูง แต่พอเจอแล้ว เขาชื่นชมอีกคนจริงจ้องแต่จะเขาอยู่ได้ โค้ หน้าที่หนักใจกับสถานการณ์ตอนนี้

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับจนก็เป็นคนเลือกจะ หยิบกระเป๋าแล้วออก

แต่เสียงฝีเท้าจากคนวิ่งตามมาจากด้านหลัง

คนรีบะตัวออกห่าง ก่อนที่จะโดนอีกคนเหวี่ยงหมัดใส่หน้า

!” โดนภูถามมานี้คนเพียง

“แล้วหละใหญ่จากไหนถึงมาหยาบคายผมทั้งเราไม่สนิทกันเลยซักนิด

“กูต้องสุภาพกับคนสันดานแบบมึงด้วยหรอ?”

“คนที่สันดาน จริงๆ คือใครกันแน่” เมื่อสวนไปแบบนี้สีหน้า ของกูแทบจะกระโจนใส่กัน

“มึงขับรถชนกจนข้อมือเจ็บมึงยังมีหน้าพูดแบบนี้หรอวะ!”

“ผมขอโทษไปแล้ว จะให้เงินรับผิดชอบค่ารักษาพี่ก็ไม่เอา… อีกอย่างนะ วันหลังเดินบนถนนก็ช่วยดูด้วยนะครับ กลางถนน เขาให้รถขับ ไม่ใช่ให้คนที่เดินแล้วก้มเล่นแต่โทรศัพท์เดิน” ภู เงียบไปเมื่อคนพูดประโยคนี้จนที่เด็กหนุ่มหันหลังเตรียมจะเดิน หนี แต่แล้วสุดท้าย..หมับ! ไหล่กลับถูกกระชากอีกครั้ง

และ

ผลั๊วะ!!!…

“ภู!!!” เสียงจากโค๊ทตะโกนดังเข้ามาเป็นคนแรกพร้อมด้วย ร่างของกลุ่มเพื่อนที่วิ่งกรูเข้ามา เข้ามาตั้งภูเอาไว้ก่อนที่จะตาม เข้าไปต่อยคน ส่วนคนโดนชกเพียงยกมือเช็ดเลือดออกจาก มุมปากแล้วเดินหนีออกไปแบบไม่พูดอะไร มีเพียงเสียงเอะอะ โวยวายจากฏที่ดังมาตามหลัง คืนกำหมัดแน่น

…ปีก… เดินเข้ามานั่งในรถของตัวเอง มองใบหน้าผ่านกระจก ที่ฉายให้เห็นชัดถึงรอยแตกมุมปาก

“ไอ้พวกไร้มารยาท ดีแต่ใช้กำลัง” พิมพ์ออกมากับตัวเอง เสียงนิ่ง ใบหน้าโกรธจัดแต่ยังพยายามควบคุมอารมณ์หนึ่งความคิดแวบเข้ามาในหัวว่าให้ลาออกจากทีมว่ายน้ำซะ เพราะไม่งั้นก็ต้องเจออีก

แต่แล้วอีกหนึ่งความคิดก็ค้านว่าไม่ได้ เขาจะต้องอยู่ในทีม

ต่อ

…และจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ด้วยว่าเขาเก่งมากกว่าไอ้ กัปตันนิสัยเสียนั่น…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ