ตอนที่15 มีดโกนเล่มนี้ดันที่อเกินไป
ตอนที่ 15 มีดโกนเล่มนี้คับที่อเกินไป
“คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่สักครู่เถอะ ผมจะออกไปทําธุระข้างนอก ไว้รอผมกลับมาแล้วเราไปทานอาหารกลางวันกัน”สุวิทย์ก้มลง มองนาฬิกาที่ข้อมือเขา คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จวนจะสิบเอ็ดโมง แล้ว
“ไม่เอา ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว”เพ็ญจิตเมื่อได้ยินดังนั้นก็ ส่ายหัวไปมา เธอไม่อยากเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งอีกแล้ว
“ตาของคุณบวมอยู่อย่างนี้ คุณกล้าออกไปข้างนอกหรือ?”สุวิทย์ ชี้ไปยังตาของเธอ เขาแค่เพียงอยากออกไปโทรศัพท์เท่านั้น พรุ่งนี้จะได้พาเพ็ญจิตกลับไป ไม่ใช่ไปเพื่อพบผู้หญิงคนนั้น แต่ คือไปพบกับบิดาที่ให้กำเนิดเขาเสียหน่อย
เป็นคนยังไงก็ต้องเคยร้องไห้ ฉันไม่กลัว อีกอย่างฉันไม่ได้ นำอะไรติดตัวออกมาเลย ฉันจึงจำเป็นต้องออกไปซื้อของใช้ เสียหน่อย เพ็ญจิตทำท่าแบมือทั้งสองข้างออก นอกจากบัตร ประชาชนกับบัญชีธนาคารที่เธอนำติดตัวมา แม้กระทั่งเสื้อผ้า อาภรณ์ที่จะนำมาเปลี่ยนก็ยังไม่มี
“ก็ได้”สุวิทธ์ถอนหายใจอย่างหมดทางเลือก แต่งงานวันแรก ตอนเช้าเขามองภรรยายิ้มแย้มบ้าง ร้องไห้บ้าง เดินตามเธอไปช็อปปิ้ง แม้ว่าแม่สาวนี่จะอยากจ่าย
พอตกบ่ายก็เงินด้วยตัวเองแค่ทว่าเขาเป็นสามีของเธอจะให้ผู้หญิงจ่ายเงิน ได้อย่างไรกันเล่า อีกทั้งของราคาแค่นี้เขาก็พอที่จะจ่ายไหวอยู่
ตลอดช่วงบ่ายสุวิทย์รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเพ็ญจิต ทั้งช่วย เธอก็อตุงและยังทําหน้าที่เป็นกรรมการจําเป็นให้กับเธออีกด้วย เพราะเสื้อผ้าทุกตัวเธอจะต้องลองใสให้สุวิทย์ดูก่อน เพราะเหตุนี้ เขาจึงมีโอกาสได้เชยชมภรรยาป้ายแดงของเขาเสียหน่อย แม้ว่า เธอจะยังมีความเป็นเด็กงอแงอยู่มาก แต่ทว่ารูปร่างก็นับว่าดีมาก ทีเดียว ดูท่าแล้วแม่ก็คงจะนุถนอมเธอจริงๆ ก่อนหน้านี้เธอมักจะ ใส่เสื้อผ้าที่ใหญ่กว่าสองไซส์ แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้อง ใส่ใจเรื่องนี้อีก เสื้อผ้าที่เธอเลือกมาทั้งหมดล้วนแต่พอดิบ พอดีกับรูปร่างของเธอ อีกทั้งยังดูแฟชั่นมากอีกด้วย เมื่อรูปร่าง อันชวนให้น่าหลงใหลมาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลายครั้งหลายครา สุวิทย์ก็ย่อมมีปฏิกริยาตามสัญชาตญาณเป็นธรรมดา
ยามเย็นเพ็ญจิตพาสุวิทย์ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน ตลอดช่วง บ่ายที่ใช้เวลากับเธอทำให้สุวิทย์เข้าอกเข้าในเธอมากขึ้น ว่า แท้จริงแล้วเธอเป็นเพียงเด็กชื่อบื้อที่ปากพูดไปเรื่อยแต่ใจไม่คิด อะไร จึงตกปากรับคำพาเขามาเลี้ยงข้าวเสียได้
“คุณสามี นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันมากินอาหารตะวันตกกับ ผู้ชายสองต่อสอง ฉันมีความสุขมากๆ ระหว่างที่ทานสเต็ก เพ็ญ จิตก็ใช้ใบหน้าอันปกเปื้อนไปด้วยครามแห่งความสุขจ้องมองไป ยังสวิทย์
เธอตัดสินใจที่จะมองข้ามใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเครา ของเขาและเชื่อว่าผู้ชายที่อบอุ่นและช่างเอาใจใส่ผู้อื่นแบบนี้ ต้องหล่อมากๆ
“ระหว่างทานอาหารอย่ามัวแต่พูดมาก มันจะส่งผลต่อระบบย่อย อาหารเอา”สุวิทย์เมื่อได้ยินคำพูดของเธอก็รู้สึกไร้ค่าขึ้นมาจึง ได้พูดจาเสียดสีเหล่านั้นออกไป ครั้งแรกที่เขาพาผู้หญิงไปทาน อาหารตะวันตก ผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ได้กลายเป็นภรรยาที่รักของ พ่อตัวเองไปเสียแล้ว
เพ็ญจิตไม่รู้ตัวว่าเธอพูดอะไรผิดไป รู้เพียงว่าหลังจากเธอพูด ออกไปแล้วบรรยยากาศกลับเปลี่ยนไป
สุวิทย์ก็ไม่พูดไม่จา สีหน้ายิ่งไม่น่าดูขึ้น
แม้ว่าจะกลับมาถึงโรงแรมแล้ว เขาก็ยังทำหน้ามืดๆ เพ็ญจิต มองไปที่เตียงหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง จึงรู้สึกหายใจหายคอ ลำบากขึ้นมาเล็กน้อย เธอไม่เคยคิดเลยว่าคืนนี้จะนอนอย่างไร หากจะว่ากันตามกฎหมายแล้วพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากันอย่าง ถูกต้อง การจะนอนเตียงเดียวกันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควร แต่ถ้า ยึดกันตามเรื่องจริง พวกเขาก็เพิ่งจะรู้จักกันแค่สิบกว่าชั่วโมง เท่านั้น ไม่ว่าเรื่องอะไรๆก็ยังไม่รู้สึกอย่าง
อีกทั้งตอนนี้ แม้กระทั่งชื่อของเขาเธอก็ยังจำไม่ค่อยได้อีกทั้งก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
สุวิทย์ก็หาได้สนใจเพ็ญจิตที่ยืนเหม่อล่องลอยไม่ เขาถอดเสื้อ คลุมแล้วเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อยืนจ้องตัวเองในกระจกก็คิดอยาก จะโกนหนวดโกนเคลาที่ปกคลุมอยู่เต็มหน้าออกเสีย แต่ทว่า หนวดของเขานั้นยาวมากและมีดโกนเล่มนี้ก็ดันที่อเกินไป
เขาอาบน้ำเสร็จแล้วถึงจะนึกขึ้นได้ว่าตนลืมเอาเสื้อผ้าข้ามา เปลี่ยน เต่ก่อนก็อยู่ตัวคนเดียว เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก อะไร แต่เวลานี้ข้างนอกกลับมีสตรียืนอยู่อีกหนึ่งคน เขาจึงไม่ สามารถเดินออกไปทั้งเปลือยๆนี้ได้
หากวิเคราะห์เอาตามความเข้าใจเขาตลอดระยะเวลาสิบกว่า ชั่วโมงมานี้ ถ้าเขาเดินออกไปล่ะก็ ผู้หญิงคนนี้ได้มีหวังเอามือปิด ตาแล้วแหกปากโวยวายเสียงดังเป็นแน่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ