สาวน้อยของประธานเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 20 พบคนรักเก่าอีกครั้ง



ตอนที่ 20 พบคนรักเก่าอีกครั้ง

ตอนที่ 20 พบคนรักเก่าอีกครั้ง

“คุณชายครับ ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกเกรงว่าคุณท่าน ท่า จะไม่ไหวเสียแล้วครับ คุณชายรีบกลับมาเถอะครับ

ข้อความเสียงเหล่านั้นฉบับแล้วฉบับเล่าก็ล้วนแต่เป็นลุงก๋าจรส่ง มาทั้งสิ้น และฉบับล่าสุดถึงขนาดว่าถูกส่งมาเมื่อสามเดือนที่แล้ว คุณพ่อเข้าโรงพยาบาลไปนานขนาดนี้แล้วเชียวหรือ?

ครั้นนึกถึงงานแต่งของพ่อ มุมปากของสุวิทย์ก็แสยะยิ้มออก รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏอยู่บนริมฝีปาก เมื่อครึ่งปีก่อนในงาน แต่งของพ่อ เขาคว้างแก้วน้ำทิ้งในงานแล้วก็หนีออกมาจนถึง เวลานี้เขาก็ไม่เคยหวนกลับไปอีกเลย แต่ทว่าตอนนี้มันไม่เหมือน เดิม อีกแล้ว ตัวเขาเองก็แต่งงานแล้ว เขาสามารถที่จะพาเพ็ญจิต กลับไปด้วยกันได้ แต่โชคร้ายเหลือเกินที่จู่ๆเพ็ญจิตก็ดันถูกคน บ้านวงศ์อัจฉราพาตัวไป แล้วคราวนี้จะทำอย่างไรดี?

สุวิทย์เมื่อคิดว่าจะโทรแจ้งตำรวจ แต่ทว่าเพ็ญจิตเองก็เป็นคน บ้านวงศ์อัจฉรา เป็นเสียอย่างนี้แล้วตำรวจจะรับฟังเขาหรือ? แต่ หากว่ากลับไปบ้านวงศ์อัจฉราด้วยตนเองอีก ถึงอย่างไรก็ไม่มี ทางได้เจอเพ็ญจิตแน่ๆ เขาลังเลใช้ความคิดอยู่นาน สุดท้ายแล้ว เขาก็ตัดสินใจโทรแจ้งตำรวจอยู่ดี ไม่ว่าจะอย่างไร ในตอนนี้เพ็ญจิตก็เป็นภรรยาของเขา อีกทั้งเธอยัง บรรลุนิติภาวะแล้ว แม้ว่าจะเป็นคนในครอบครัวก็ไม่สามารถจะเข้า มาแทรกแทรงอิสระของเธอได้

“ลงก่าจรครับ พรุ่งนี้ผมจะกลับไป แต่จะกลับไปสองคนนะครับ รบกวนลงช่วยบอกคุณพ่อด้วย” คำว่าคุณพ่อสองคำนี้ช่างยาก เย็นที่จะพูดออกมาเหลือเกิน ตัวเขาเคารพนับถือคุณพ่อเป็นที่สุด แต่คนที่ทำร้ายเขาได้โหดร้ายร่างกายมากที่สุดก็คือคุณพ่อเช่น กัน ทั้งๆที่รู้ว่าเขารักผู้หญิงคนนั้น แต่เขายังมั่นจะแต่งงานกับผู้ หญิงที่ลูกชายตัวเองรักมากจนสุดหัวใจได้ลงคอ

“คุณชาย ในที่สุดคุณชายก็โทรกลับมา คุณท่าน….คุณท่าน จวนจะไม่ไหวแล้วจริงๆครับ ถ้าคุณชายรักช้ากว่านี้แม้แต่นิดเดียว เกรงว่าหน้าครั้งสุดท้ายก็อาจจะไม่ได้เห็นนะครับ เสียงลงค่าจร สั่นเทาทำให้เขาไม่กล้าที่จะเชื่อ

อย่างน้อยเมื่อครึ่งปีที่แล้วตอนที่เขาจากไป คุณพ่อที่อยู่ใน คราบเจ้าบ่าวก็แข็งแรงดูมีชีวิตชีวาอยู่ อีกทั้งเขาก็เพิ่งจะอายุแค่ ห้าสิบเอง จะไม่ไหวได้อย่างไร? หรือว่าครึ่งปีมานี้เขาจะทำเรื่อง นั้นเกินไปมาก ?

“ลุงไปบอกคุณพ่อนะครับว่าพรุ่งนี้ผมจะพาภรรยากลับไปด้วย หากเขาไม่อยากเจอก็ให้บอกกันก่อนล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องเสีย เวลาด้วยกันทั้งสองฝ่ายสุวิทย์จงใจพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“คุณชายครับ คุณท่านจะไม่ไหวแล้วจริงๆนะครับ ทางโรง พยาบาลก็ออกหนังสือแจ้งเตือนภาวะสุ่มเสี่ยงมาสองสามครั้ง แล้ว หากคุณชายยังไม่กลับมาเกรงว่า…ทุกสิ่งทุกอย่างของบ้าน คำวงษาคงจะตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ” น้ำเสียง สะอึกสะอื้นของลุงกำจรลอดออกมาจากโทรศัพท์

มือของสุวิทย์สั่นเทา ผู้หญิงคนนั้นที่ลุงกำจรพูดถึงคือใครกัน? ไรวินท์งั้นหรือ?

“ก๋าจร แกกำลังคุยโทรศัพท์อยู่งั้นหรือ?”สุวิทย์คิดอยากจะวาง สายแต่ทว่าปลายสายกลับปรากฏเสียงอันชวนให้เขาฝันร้ายมา ตลอดแทรกขึ้นมา

“คุณผู้หญิงครับ เป็นสายของโรงพยาบาลครับ พวกเขาอยาก เชิญให้คุณผู้หญิงไปที่นั่นสักหน่อย คุณท่านเขา…

“พอเถอะ ที่ฉันแต่งเข้ามาก็ไม่ใช่ว่าอยากจะมาดูแลปรนนิบัติ อะไร เขาจะอยู่หรือตายมันเกี่ยวอะไรกับฉัน วันนี้ฉันต้องไปงาน เลี้ยง อย่าโทรมาหาฉันอีกเว้นเสียแต่ว่าไอ่แก่นั่นจะตายแล้ว”น้ำ เสียงอันแสนเลือดเย็นไร้เยื่อใยทำให้สุวิทย์ถึงกับรุดถอยหลังไป หลายก้าว
นี่ใช่ผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวานคนนั้นจริงหรือ? เธอคือไรวินทั้งน หรือ? ประโยคเหล่านี้เธอเป็นคนพูดออกมาจากปากจริงๆงั้นหรือ?

“คุณผู้หญิงครับแต่ว่านายท่านเข

“หุบปาก แกอยากไปก็ไปเอง ฉันไม่มีเวลา

จากประโยคเรียบง่ายไม่กี่ประโยคนี้ สุวิทย์ก็ตระหนักได้ว่าที่สูง กำจรพูดนั้นล้วนเป็นความจริง ชายผู้ให้กำเนิดเขานั้นเห็นว่าน่า จะกำลังป่วยอยู่จริงๆเสียแล้ว

“ลุงกำจรครับ คุณพ่อของผมอยู่โรงพยาบาลมานานแค่ไหนแล้ว ครับ? แล้วหล่อนไม่ได้ไปดูแลเขาเลยหรือครับ?”สุวิทย์ไม่รู้ตัวว่า น้ำเสียงของเขาออกจะมีอารมณ์อยู่สักหน่อย และยังไม่รู้สึกว่า เขาถึงขนาดกล่าวถึงหล่อนราวกับคนแปลกหน้า

“แค่คุณชายกลับมาก็จะทราบเองครับว่านายท่าน

“กำจร นี่แกยังจู้จี้จุกจิกอยู่อีกหรือ?”ลุงกำจรกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่เสียงของไรวินท์กลับแทรกเขามา เห็นได้ชัดเลยว่าหล่อนคงก่ ไม่กลับแล้วจริงๆ สุวิทย์อยากจะฟังต่อแต่ลุงกำจรดันกดวางสาย
ณ เวลานี้ ในหัวของสุวิทย์มีแต่เรื่องของพ่อกับผู้หญิงคนนั้น ส่วนๆเรื่องอื่นๆก็ไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลย

เขาต้องรีบกลับไป สุวิทย์ถือทะเบียนสมรสเข้าไปแจ้งความที่ สถานีตำรวจ ทว่าเนื่องด้วยคนยังหายไปไม่ถึง24ชั่วโมง

ตำรวจจึงปฏิเสธที่จะรับเรื่องไว้ สุวิทย์จึงอาละวาดยกใหญ่ด้วย ความโกรธ

“คุณตำรวจ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าภรรยาผมหายตัวไป เธอถูกลักพาตัว กล้องวงจรปิดที่โรงแรมก็เป็นหลักฐานได้ ผมขอร้องพวกคุณล่ะ ได้โปรดรีบช่วยภรรยาของผมด้วย เมื่อนึกถึงเพ็ญจิต นึกถึงพ่อ ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง เขาจึงจำเป็นต้องลดน้ำเสียงต่ำวิงวรขอ ความช่วยเหลือ

สรุปแล้วเธอหายตัวไปหรือถูกลักพาตัวไปกันแน่?”ตำรวจมอง เขาด้วยความสงสัย

“ลักพาตัวครับ พวกคุณสามารถไปขอดูกล้องวงจรปิดจาก โรงแรมได้ ผมกับภรรยาเราเพิ่งจะแต่งงานกัน แต่พอผมออกไป ทําธุระข้างนอก เมื่อกลับมาก็ไม่เจอเธอแล้ว”สุวิทย์พยายามย้ำอีก ครั้งว่าเป็นการลักพาตัว ตำรวจถึงได้ยอมตกลงกลับไปที่ โรงแรม กับเขา หลังจากเห็นภาพในกล้องวงจรปิด สวิท จึงพาตารวจไป ยังบ้านวงศ์อัจฉรา
“คุณค่ารวจครับ เพ็ญจัดเธอเป็นน้องสาวของผมและเธอก็กลับ มากับผมจริงๆ แต่เธอเป็นคนยินยอมกลับมาเอง เพียงแต่เธอมี อาการไม่สบายนิดหน่อยก็เท่านั้น ผมถึงได้อุ้มเธอกลับมา ถ้างั้น ผมขอถามคุณตำรวจหน่อยว่าการที่ผมพาน้องสาวของผมกลับ มานั้นมีอะไรตรงไหนไม่ถูกหรือ? เมื่อเห็นหลักฐานรัดตัวอรรถ พลก็หมดหนทางจะปฏิเสธ จึงได้แค่เล่นลิ้นต่อล้อต่อเถียงเท่านั้น

แกโกหก เพ็ญจิตเธอไม่เคยอยากกลับบ้าน เพราะเธอไม่ใช่ ลูกหลานบ้านวงศ์อัจฉราของพวกคุณ แกคืนเพ็ญจิตมาเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เธอเป็นภรรยาผมแล้ว ผมจะพาเธอกลับบ้าน สุวิทย์พูดด้วย อารมณ์เดือดจัด

“คุณตำรวจ ผมไม่รู้หรอกนะว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่น้องสาว ของผมเธอไม่เคยแต่งงานกับใครทั้งนั้น แม้ว่าจะเคยจัดงานแต่ง มาก่อนก็ตามแต่ทุกครั้งก็ล้วนแต่เกิดเหตุไม่คาดคิดก่อนทั้งสิ้น ผมสามารถพิสูจน์ได้ว่าน้องสาวผมไม่เคยแต่งงาน และคนที ถึงขนาดมาอ้างว่าเป็นสามีของน้องผม พวกเราวงศ์อัจฉราหรือ แม้แต่เหล่าญาติๆก็ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน”อรรถพลมีเหตุผลมาก พอที่จะพูดได้ เขาถึงขนาดใช้สายตามองสุวิทย์อย่างก้าวร้าว

ฝั่งตำรวจก็พยายามให้สุวิทย์เล่าข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเพ็ญจิต บ้าง แต่เขาได้แค่ยืนนิ่งเหมือนคนใบ้ นอกจากอายุและรู้แค่ว่าเธอ อาศัยอยู่ที่นี่แล้วเรื่องอื่นๆเขาก็ไม่รู้เลย
“คุณตำรวจ ผมกับเพ็ญจิตเราแต่งงานกันได้สามวัน พวกเรายัง ไม่ทันได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าพูดคำเหล่านี้ ออกไปแล้วต้องไม่มีใครเชื่อแน่ๆ แต่ทว่าเขาก็อยากจะลองดู

“สามวัน ? ผมขอถามหน่อยครับว่าคุณกับคุณเพ็ญจิตรู้จักกันนาน แค่ไหนครับก่อนจะแต่งงานกัน?”คราวนี้ ทางตำรวจถึงกับจ้องเขา ด้วยสายตาฉงน

ไม่ถึง 2 ชั่วโมง สวิทย์จ้องไปยังตำรวจ มองไปยังอรรถพล เขา รู้ว่าถ้าใช้วิธีการปกติก็ไม่มีทางได้เจอเพ็ญจิตแน่ๆ เห็นเขาคง ต้องใช้ลูกเล่นหน่อยเสียแล้ว

สวิทย์กลับออกจากบ้านวงศ์อัจฉรา เขาวางแผนจะหาเพ็ญจิต ด้วยตัวเขาเอง แต่ทว่าวันนี้ก็มืดแล้วแม้แต่บริษัทนักสืบก็ยังปิด ประตูแล้ว หรือว่าเขาต้องรอถึงวันพรุ่งนี้หรือ? ครั้นกลับไปถึง โรงแรม หยิบเสื้อผ้าเพ็ญจิตออกมา มองดูทะเบียนสมรส เขา ก็ได้ แต่คิดว่าตอนนั้นเขาควรจะพาเธอออกไปด้วยจริงๆ เขาไม่ ควรปล่อยเธอไว้ที่โรงแรมคนเดียว ครั้นจะกลับไปที่บ้านวงศ์ อัจฉราอีกครั้งโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกลับดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นลุง ก๋าจรโทรมา

“คุณชาย โรงพยาบาลโทรมาอีกแล้วว่าคุณท่านจะไม่ไหวแล้ว จริงๆครับ คุณชายจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ?”ลุงกำจรพูดด้วยเสียง สะอึกสะอื้นทำให้สุวิทย์ไร้ซึ่งความสงสัยใดๆ
“ลุงกำจร พ่อผมอยู่โรงพยาบาลไหนครับ?”สุวิทย์รีบร้อน ตอน แรกเขาอยากจะพาเพ็ญจิตกลับไปด้วยแต่เมื่อได้ยินลุงก๋าจรพูด อย่างนี้แล้วก็กลัวว่าจะสายเกินไปจริงๆ

“คุณชายครับ ผมไม่ได้หลอกคุณนะครับ หากคุณชายไม่เชื่อคุณ ลองโทรหาโรงพยาบาลดูก็ได้ นี่คือเบอร์ของโรงพยาบาลครับ ลุงกำจรถึงกับร้องไห้ออกมาจากสายโทรศัพท์ สุวิทย์เองก็ได้แต่ ปลอบใจเขา

“ลุงกำจรครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อลุง ผมกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ครับ เมื่อพูดจบสุวิทย์ก็ตัดสินใจไปดูพ่อก่อน ถ้าหากว่าพ่อไม่ เป็นอะไร พรุ่งนี้เขาค่อยกลับมาก็ได้ ถึงวันเวลานั้นถ้าจะไป หาเพ็ญจิตก็คงยังไม่สายเกินไป เขารีบร้อนขับรถกลับไปอย่าง รวดเร็ว ระหว่างทางไปเขาก็อดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์

“คุณชายครับ คุณจะไปโรงพยาบาลตอนี้หรือครับ?”ลุงกำจรมี ท่า ประหลาดใจ

“ผมจะกลับไปบ้านก่อน แต่เดิมทีเขาคิดอยากจะไปที่โรง พยาบาลเลย แต่เพราะได้ยินเสียงลุงกำจรเขาก็เปลี่ยนแผน หรือ บางทีอาจจะเป็นเพราะเสียงเรียกร้องจากก้นบึ้งของหัวใจตัวเองก็ เป็นได้

ภายในใจของสุวิทย์ยังคงสับสนงุนงง ครึ่งปีที่เขาไม่ได้กลับ บ้าน นอกจากเรื่องงานแต่งของพ่อแล้ว เรื่องของผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเหตุสำคัญเช่นกัน ไม่ได้เจอกันครึ่งปีแล้ว ไม่รู้ ว่าหล่อนจะยังสบายดีไหม? เขาอยากจะรู้ว่าเสียงที่หลุดออกมา จากโทรศัพท์ใช่สิ่งที่เขาคิดผิดไปเองไหม นางฟ้าตัวเล็กๆที่ แสนอบอุ่นคนนั้นจะกลายเป็นคนเลือดเย็นขนาดนี้ได้เช่นไร เขา ไม่เชื่อ

ก่อนรุ่งอรุณ ในที่สุดสุวิทย์ก็กลับมาถึงบ้านที่ตนไม่ได้กลับมา นานเป็นเวลาถึงครึ่งปี ดูเหมือนว่าลุงกำจรจะรอเขามาโดยตลอด

“คุณชาย คุณกลับมาแล้ว เชิญพักผ่อนก่อนเถอะครับ ผมให้คน เตรียมไว้ให้แล้ว สายๆหน่อยพวกเราค่อยไปโรงพยาบาลกันนะ ครับ” ลุงกำจรมองสุวิทย์ด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตา

ในที่สุดคุณชายก็กลับมาแล้ว คุณท่านรอดแล้ว คุณท่านรอดแล้ว

“หล่อนล่ะ? ไปดูแลคุณพ่อที่โรงพยาบาลหรือ?”เมื่อนึกถึงคำพูด ที่ได้ยินเมื่อเย็นวาน สุวิทย์จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เย็นชา

“เมื่อวานคุณหญิงไปงานเลี้ยงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา ครับ”ลุงกำจรถอนหายใจเบาๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความผิดหวังที่ มีต่อคุณหญิง
ขณะที่พูดจู่ๆก็ปรากฏเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาจากนอกประตู ทันใดนั้น จึงรีบหนีออกจากห้องรับแขกทันที เขาไม่อยาก ให้หล่อนเห็นว่าเขากลับมาแล้ว อย่างน้อยแค่ตอนนี้เขาไม่อยาก พบหน้าหล่อนก็เท่านั้นเอง

“คุณหญิงกลับมาแล้ว คุณหญิงทานอาหารเช้าหรือยังครับ? ง กําจรกล่าวทักทายไรวินท์อย่างสำรวม

“ไม่เป็นไร ฉันปวดหัวนิดหน่อย อย่าให้ใครมารบกวนฉันล่ะ เสียงดูเย็นชาห่างเกินราวกับคนแปลกหน้า สุวิทย์ยืนอยู่หน้า หน้าต่างของห้องสมุด มองดูรถเบนซ์ที่วิ่งออกไป ไอความ โกรธในใจของเขาก็ไปทั่วร่างอย่างมิอาจควบคุมได้

คุณชายครับ ตอนนี้พวกเราไปโรงพยาบาลกันได้หรือยัง ครับ?”ไม่รู้ตัวว่าเขายืนอยู่หน้าหน้าต่างนานแค่ไหนแล้ว ความสวยงามในวันวานและเรื่องราวในอดีตวนเวียนอยู่ในหัวของ เขาไม่จบไม่สิ้น ครึ่งปีมานี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเขาที่เปลี่ยนไป เขา ลืมว่าแท้จริงแล้วโลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบตัวเขาเพียงคนเดียว ทุกๆคนต่างก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ทั้งพ่อของเขาหรือแม้กระทั่ง หล่อนที่เขาเคยรัก

“ไปกันเถอะภายในใจรู้สึกหนักอึ้ง มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิน ความควบคุมของเขาไปนานแล้ว
ณ ห้องผู้ป่วยพิเศษของโรงพยาบาล คุณพ่อกำลังนอนหลับ อยู่อย่างสงบเงียบ แต่ทว่าใบหน้าที่แก่ชราซีดเซียวนั้นกลับเป็น เสมือนกริชดีๆเล่มหนึ่งที่กำลังทิ่มแท่งใจเขาอย่างโหดร้ายทารุณ

ทั้งๆที่เป็นลูก แต่เขากลับมิได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีเลย

“พ่อครับ ผมขอโทษ มือทั้งสองกุมเข้ากับมือของพ่อ สุวิทย์ยิ่ง รู้สึกผิดอย่างหาที่สุดไม่ได้ ในความทรงจําของเขา มือของพ่อ นั้นทั้งหนาใหญ่และอบอุ่น แต่ครานี้กลับเย็นเยือกราวน้ำแข็ง ดวงใจอันรู้สึกผิดของเขาอัดแน่นไปด้วยคำขอโทษ มันทำให้ ความรู้สึกโกรธเกลียดในใจเขาตลอดครึ่งปีมานี้มลายหายไป

“วิทย์…ลูก…ลูกกลับมาแล้ว?” ดูเหมือนว่าผู้ป่วยบนเตียงได้รู้สึก ไปแล้ว เขาเบิกตาขึ้นด้วยท่าทีอ่อนแรง

“พ่อครับ ผมขอโทษครับ ผมไม่น่าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับ พ่อเลย ไม่น่าเลย สุวิทย์พยายามกลั้นความเศร้าโศกในใจไว้ อย่างสุดขีด มิน่าเล่าลุงกำจรถึงเป็นห่วงถึงเพียงนี้ เขามันไม่ได้ เรื่องเสียจริง พ่อเป็นถึงขนาดนี้แล้วแต่ตัวเขากลับไม่รู้อะไรเลย

“ไม่ มันไม่ใช่ความผิดของลูก…ลูกเอ๋ย พ่อ พ่อมองเห็นแม่ของ ลูก เธอ… เธอรอพ่อมาโดยตลอด
ใบหน้าของพ่อเอิบอิ่มไปด้วยรอยยิ้มดุจดั่งว่านี่เป็นสิ่งที่เขารอ คอยมาแสนเนิ่นนาน

“พ่อครับ แม่… พ่อรักแม่ผมไหมครับ?”ในหัวของสุวิทย์มีคำถาม ผุดขึ้นมากมาย ทว่าท้ายที่สุดสิ่งเขาเอ่ยถามออกมากลับกลาย เป็นความโหยหาในอดีตของมารดาที่ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

“รักสิ ในใจของพ่อมีแต่แม่ของลูกเพียงคนเดียว อำพันธุ์… อำ พันธุ์มันเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่…แต่…มันเป็นเพียงอุบัติเหตุแต่ กลับพรากชีวิตแม่ของลูกไป พ่อขอโทษ” เมื่อเห็นน้ำตาของพ่อ ความสงสัยที่วนเวียนอยู่ในหัวใจของเขามาตลอด สุดท้ายแล้วก็ หาคำตอบเจอเสียที

พ่อไม่ได้ทรยศแม่ มันเป็นเพียงอุบัติเหตุก็เท่านั้น เพียงแต่ว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ได้พรากเอาชีวิตแม่ของเขาไปเสียแล้ว

“พ่อครับ สุขภาพของพ่อแข็งแรงมาตลอด ทำไมจู่ๆถึงได้ล้ม ป่วยได้หรือครับ?”สุวิทย์เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่มัวแต่หลงโลกีย์มิยอม มาดูดำดูดีพ่อคนนั้นแล้วความเคลือบแคลงใจก็เพิ่มทวีมากขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ